Filtrer par genre

Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)

- 1248 - 25680616pm--วิชาใหม่ที่เลื่อนขั้นจิตใจ
16 มิ.ย. 68 - วิชาใหม่ที่เลื่อนขั้นจิตใจ : การเจริญสติแบบหลวงพ่อเทียน มันไม่ยาก ไม่เรียกร้องอะไรจากเรา ไม่ได้เรียกร้องว่าต้องไม่มีความคิด ไม่ได้เรียกร้องว่าให้เราต้องรู้ทันไว ๆ แต่หลายคนคุ้นกับการบังคับจิต ก็พยายามที่จะทำอย่างนั้นกับจิตใจตัวเอง ไม่ให้อนุญาตให้ใจมีความคิด ไม่อนุญาตให้ใจมีอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ผุดขึ้นมา เพราะเห็นว่ามีแล้วใจไม่สงบ ที่จริง สงบหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีความคิดเกิดขึ้นหรือเปล่า มันอยู่ที่ว่าไปทำอะไรกับความคิดนั้นหรือเปล่า ถ้าแค่ดูมัน เห็นมัน มันมาแล้วก็ดับไป มาแล้วก็ดับไป มันก็ไม่ว้าวุ่น และนี่คือวิชาที่เราควรจะมาเรียนรู้ มันเป็นการเลื่อนชั้นในการฝึกจิต จากเดิม ใช้วิธีการกดข่ม อดทนอดกลั้น บังคับเคี่ยวเข็ญ หักห้ามกำกับ พวกนี้ดี มีประโยชน์ แต่ว่ามันไม่พอ แล้วมันก็นำมาใช้รับมือกับปัญหาต่าง ๆ ได้ไม่ดีพอ เราก็ต้องมาเรียนวิชา รู้ซื่อ ๆ เรารู้ เราเห็น ไม่เข้าไปเป็น รู้แล้วก็วาง รู้ด้วยใจที่เป็นกลาง อันนี้ไม่เหนื่อยเลย แต่ใหม่ ๆ หลายคนจะรู้สึกว่ามันยาก ที่ยากเพราะว่าไม่คุ้น ของง่ายถ้าไม่คุ้นก็เป็นเรื่องยากทั้งนั้น แต่พอทำจนคุ้นแล้วก็กลายเป็นเรื่องง่าย ก็ให้ลองเลื่อนชั้น ด้วยการฝึกวิธีที่เราไม่คุ้น แต่ว่าไม่ยาก นั่นคือการ รู้ซื่อ ๆ เห็นโดยไม่เข้าไปเป็น ไม่ผลักไสแล้วก็ไม่ไปไหลตามหรือกดข่มมัน
Wed, 16 Jul 2025 - 28min - 1247 - 25680615pm--ทุกข์เพราะใจ
15 มิ.ย. 68 - ทุกข์เพราะใจ : ทุกวันนี้เราคิดแต่ว่าจะไปเปลี่ยนแปลงคนอื่น จะไปเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม เพื่อเราจะได้มีความสุข ต้องการให้ทุกอย่างสมหวัง ทุกอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อเราจะได้มีความสุข แต่ไม่มีทางสำเร็จ จะให้คนชม ก็มีแค่ 99% ที่ชมเราแต่ก็ยังมีอีก 1% ที่ยังตำหนิเรา กินอาหาร เจอดินฟ้าอากาศ เดินทางไปไหนก็เจอรถติด เจอฝนตก กินอาหารก็เจอรสชาติที่ไม่ถูกใจ แต่ที่จริงแล้วเป็นที่ใจเราต่างหาก พอปรับแก้ที่ใจ ความไม่สมหวังที่เกิดขึ้นรอบตัวมันก็เปลี่ยนไป ใจอาจรู้สึกเฉย ๆ หรืออาจจะรู้สึกดีด้วยซ้ำ ดีที่มันมาสอนเรา มาเตือนให้เราปรับแก้ที่ใจเรา การปฏิบัติธรรมช่วยให้เราเห็นตัวเอง แล้วก็รู้ว่าเหตุแห่งทุกข์หรือเหตุแห่งความสุขที่แท้จริงโดยเฉพาะทุกข์ใจสุขใจอยู่ที่ใจเรา ถ้ามองไม่เห็นตรงนี้และไม่คิดจะแก้ไขตรงนี้ก็หาความสุขได้ยาก เพราะว่าเราก็ต้องเจอกับความผันผวนปรวนแปร เจอกับอนิฏฐารมณ์อยู่เสมอ อนิฏฐารมณ์ก็คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่ไม่น่าพอใจ หรือที่จริงแล้วก็หมายถึงความเสื่อมลาภเสื่อมยศ หรือว่าคำนินทา จะให้ทุกอย่างถูกใจเรามันไม่มี แต่ว่าถ้าปรับแก้ที่ใจเรา สามารถจะยอมรับทุกอย่างได้ ถูกด่าว่าก็หัวเราะได้ เพราะไม่ถือ เพราะรู้ว่าเป็นเช่นนั้นเอง ใครเขาจะมองด้วยสายตาเขม่นก็ไม่ทุกข์ เพราะไม่คาดหวัง ฉะนั้นต้องหันมาปรับแก้ที่ใจเรา ไม่อย่างนั้นก็หาความสุขในชีวิตหรือจากโลกนี้ได้อย่างยากมาก
Tue, 15 Jul 2025 - 29min - 1246 - 25680614pm--ฝึกใจรับมือความไม่สมหวัง
14 มิ.ย. 68 - ฝึกใจรับมือความไม่สมหวัง : จะว่าไปก็มีน้อยคนที่จะต้องเจอชะตากรรมเล่นแรงแบบนี้ แต่ว่ามันก็อยู่ในวิสัยที่จะเกิดขึ้นได้กับทุกคน อาจจะไม่ใช่เครื่องบินตก แต่อาจจะเป็นรถชน รถเกิดประสานงากัน คนเรานี่ถ้าหากว่านอกจากการวางแผนชีวิตในทางที่มุ่งหมายให้เกิดความเจริญก้าวหน้า เผื่อใจไว้บ้างว่าถ้าเกิดมันไม่เป็นอย่างที่คิด ความตายมาเร็วกว่าที่คิดเราจะทำใจอย่างไร ในยามนั้นก็มีแต่ทำใจอย่างเดียวเท่านั้นแหละ ทำอย่างอื่นไม่ได้แล้ว ถ้าเราทำใจได้ดีมันก็ไม่ทุกข์ทรมาน แต่ทำใจอย่างนี้ได้ก็ต้องฝึก ต้องฝึก ฝึกยอมรับความไม่สมหวังที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ยอมรับเวลารถติด ทำอย่างไรจิตไม่ตก เวลาเพื่อนผิดนัดทำอย่างไรจะไม่ฉุนเฉียว ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ฝนตก แดดออก ทำอย่างไรจะไม่บ่นไม่โวยวาย หรือว่าแมลงเยอะ ยุงกัด ยอมรับได้ แม้ว่าเราจะฉีดยาไล่ยุงแล้วมันก็ยังมากวน ชีวิตเราต้องเจอกับสิ่งที่ไม่สมหวังอยู่เรื่อย ๆ แต่ถ้าเรามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นบททดสอบเรา ทดสอบเพื่อให้เราเข้มแข็ง เพื่อให้เราว่องไวในการรับมือกับความไม่สมหวังที่รุนแรงในอนาคต ซึ่งบางครั้งก็หมายถึงความตายที่มาเร็ว สวนทางกับความมุ่งหวัง จะไปคาดหวังชีวิตใหม่ที่อังกฤษแต่ว่ามันกลับเป็นไปไม่ได้แล้ว หรือบางคนจะไปหาแม่ จะไปเยี่ยมแม่ ดีใจที่ได้พบแม่ แต่ระหว่างเดินทางประสบอุบัติเหตุ สิ่งที่คาดหวังเป็นไปไม่ได้แล้ว ถึงตอนนั้นก็ต้องทำใจอย่างเดียว แล้วจะทำใจอย่างไรถ้าไม่ได้ฝึก โดยเฉพาะถ้าไม่รู้จักวางแผน มีแผนสำรองเอาไว้รับมือกับความไม่สมหวัง ก็จะประสบแต่ความทุกข์ ฉะนั้นแผนสำรองที่ว่านี่จำเป็นมากเลย แผนสำรองในการทำใจ นอกจากแผนสำรองในการทำให้บรรลุความสำเร็จแล้ว ก็ต้องมีแผนรองรับเวลาไม่สำเร็จ ไม่สมหวัง จะอยู่กับมันได้อย่างไรโดยใจไม่ทุกข์
Mon, 14 Jul 2025 - 33min - 1245 - 25680613pm--คนหลอกไม่ร้ายเท่ากิเลสหลอก
13 มิ.ย. 68 - คนหลอกไม่ร้ายเท่ากิเลสหลอก : อันนี้รวมไปถึงความซึมเศร้าด้วย ความซึมเศร้า ความท้อแท้ ความผิดหวัง ถ้าเราไม่รู้จักทักท้วงมันบ้าง ไม่รู้จักเท่าทันอุบายกิเลสของมัน มันก็จะครอบงำใจเรา แล้วพาเราดิ่งเลย ดิ่งลงเหวเลย หลายคนนี่พลาดท่าเสียทีไปกับอารมณ์เหล่านี้ จนกระทั่งทำร้ายตัวเอง มันสั่งให้ทำร้ายตัวเองก็ทำ อันนี้เพราะว่าไม่มีสติคอยทักท้วง เราก็เลยหลงเชื่ออารมณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย โลกภายนอกมันก็ล้วนแต่เต็มไปด้วยคนที่จะมาหลอกเรา เพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่นั่นก็ยังอาจจะไม่น่ากลัวเท่ากับโลกภายในที่มันมีอารมณ์ต่าง ๆ ที่พร้อมจะล่อหลอกเรา โน้มน้าวเรา โน้มน้าวจิตใจเราให้หลงให้เชื่อ ฉะนั้นถ้าเราไม่มีสติ ไม่รู้จักทักท้วงความคิดและอารมณ์เหล่านี้ เราก็แย่ แต่คนไม่ค่อยตระหนักถึงอุบายหรืออันตรายของอารมณ์พวกนี้ จึงหลงเชื่อมัน เรารู้แต่เพียงว่า เออ ข้างนอกมันมีคนที่จะหลอกเรา ล่อเรา หลอกเอาเงินจากเรา หลอกให้เราทำตาม แต่เราไม่ค่อยตระหนักว่าอารมณ์ที่มันเกิดขึ้นในใจนี้ มันก็พร้อมที่จะล่อหลอกเรา แม้เราจะพยายามเมินมัน มันก็พยายามดึงดูดใจเราให้ไปหลงเชื่อมัน ขนาดจะนอนก็ยังนอนไม่หลับ เพราะว่ามันมาล่อมาหลอกเรา ขนาดสวดมนต์มันก็ยังโผล่มา เพื่อล่อให้เราเชื่อ ล่อให้เราโกรธ ล่อให้เราโศก ล่อให้เราเศร้า ล่อให้เราซึม ล่อให้เราคับแค้น ท้อแท้ ชีวิตนี้ถ้าไม่มีสติก็เรียกว่าหาความอิสระได้ยาก ต้องตกเป็นเหยื่อของอารมณ์เหล่านี้อยู่เรื่อยไป จนกระทั่งชีวิตนี้ตกต่ำย่ำแย่
Sun, 13 Jul 2025 - 28min - 1244 - 25680612pm--รู้จักเหตุ รู้จักผล จึงฝึกตนได้
12 มิ.ย. 68 - รู้จักเหตุ รู้จักผล จึงฝึกตนได้ : รู้จักตนแล้วก็รู้จักประมาณ แค่ไหนถึงจะพอดี ทำมากไปก็ไม่ใช่ ทำน้อยไปก็ไม่ถูก รู้จักประมาณ รู้จักสถาน รู้จักกาล ก็คือรู้จักกาลเทศะ แล้วก็รู้จักบุคคล อันนี้ก็หมายถึงการเกี่ยวข้องกับผู้คน รู้ว่าเป็นคนแบบไหนที่เราเกี่ยวข้องด้วย พวกนี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้ปัญญาในการจำแนกแยกแยะ นี่คือสิ่งที่จะประกอบเข้าเป็นคุณลักษณะของชาวพุทธ หรือว่าสัตบุรุษ ซึ่งต้องอาศัยปัญญา ทำตามประเพณี ทำตามรูปแบบอย่างเดียวไม่พอ หรือแม้แต่ใช้ศรัทธาความเลื่อมใสอย่างเดียวก็ไม่พอ ชาวพุทธเรา หรือว่านักปฏิบัติยังขาดตรงนี้มาก แค่สองข้อแรกคือรู้จักเหตุรู้จักผลก็บกพร่องย่อหย่อนกันเยอะ ต้องกลับมาทบทวน แล้วก็ใคร่ครวญให้ดี
Sat, 12 Jul 2025 - 29min - 1243 - 25680611pm-เมินได้ใจก็สงบ
11 มิ.ย. 68 - เมินได้ใจก็สงบ : อารมณ์ก็เหมือนกัน ถ้าเราไปยุ่งกับมัน เราก็พลาดท่าเสียทีได้ รวมทั้งความคิดด้วย ลองสังเกตดู พอมีความคิดเกิดขึ้น ความคิดที่ไม่ชอบไม่ถูกใจ ที่เราเรียกว่าความฟุ้งซ่าน ความโกรธ ความหงุดหงิด หลายคนพอรู้ว่ามันเกิดขึ้นในใจ ก็เข้าไปจัดการกับมัน พยายามกดข่มมัน พยายามห้ามไม่ให้คิด แต่ยิ่งทำอย่างนั้น มันก็ยิ่งคิด ยิ่งกดข่มความโกรธ มันก็ยิ่งโกรธ มันจะหลบไปชั่วคราว แต่เผลอเมื่อไรมันก็ระเบิด หลายคนกดข่มความโกรธ จนกระทั่งพอมีอะไรมาแตะนิดเดียว ปรี๊ดแตกเลย เพราะไปยุ่งกับมัน แต่ว่าเราสามารถทำได้ดีกว่านั้นคือว่า รู้แล้วก็เมิน รู้ว่ามันมีอยู่ แต่เมินไม่สนใจ จะอยู่ก็อยู่ไป แต่ว่าฉันไม่ไปยุ่งอะไรกับเธอ เราต้องรู้จักการวางใจแบบนี้บ้าง ก็คือเมิน ไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ หรือเสียงในหัว บางทีก็มีเสียงต่อว่าด่าทอคนนั้นคนนี้ บางทีก็มีเสียงต่อว่าครูบาอาจารย์ จ้วงจาบพระรัตนตรัย ใครที่ไปโรมรันพันตูกับเสียงในหัวแบบนี้ ก็เสร็จมันทุกราย มันยิ่งผุดยิ่งโผล่ เสียงมันยิ่งดังขึ้น แต่วิธีที่จะจัดการกับมันคือไม่สนใจมัน มันจะดังก็ดังไป ไม่สนใจ มันจะเกิดขึ้นยังไงก็ไม่สนใจ ไม่ใช่ไม่รู้ รู้ แต่เมิน ก็คือรู้ซื่อๆ นั่นแหละ รู้แล้วเมิน ฉะนั้นถ้าเรารู้จักทำแบบนี้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ หรือเสียง การกระทำคำพูดที่รับรู้จากภายนอก มันก็ทำให้ใจเราสงบได้ การกระทำคำพูดของใครต่อใคร ก็ไม่ได้ทำให้ใจจิตหวั่นไหวใจกระเพื่อม เช่นเดียวกันแม้จะมีความคิดใดเกิดขึ้นในใจ มันก็ไม่ได้ทำให้ใจเป็นทุกข์ เพราะว่าเรารู้จักเมิน ไม่ใส่ใจกับมัน
Fri, 11 Jul 2025 - 27min - 1242 - 25680610pm--เลิกหวังก็เลิกทุกข์
10 มิ.ย. 68 - เลิกหวังก็เลิกทุกข์ : ทุกข์ใจมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเท่านั้น มันขึ้นอยู่กับว่าเขามีความคาดหวังเพียงใด ยังคิดที่จะไปจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเปล่า ที่จริงเวลามีปัญหา มันก็ถูกแล้วที่เราพยายามเข้าไปจัดการแก้ไขปัญหา ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย เอาแต่วิงวอนร้องขอเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หวังว่าปัญหาจะแก้ไปได้เอง หายไปเอง มันก็ไม่ถูก ก็ถูกแล้วที่เราจะเข้าไปจัดการกับปัญหา ซึ่งเป็นทัศนคติของคนในยุคปัจจุบัน มีปัญหาอะไรก็เข้าไปจัดการ ไม่อยู่เฉย แต่ว่าบางครั้งมันกลายเป็นว่า ชอบจัดการกับปัญหาทุกเรื่อง จนมองข้ามความจริงว่า ความคิดที่จะไปจัดการกับปัญหา บางทีมันกลายเป็นตัวสร้างปัญหาให้กับเราเอง เพราะเมื่อปัญหานั้นมันแก้ไม่ได้หรือไม่อยู่ในวิสัยที่เราจะแก้ได้ มันก็จะเกิดความทุกข์ขึ้นมาก เกิดความท้อแท้ เกิดความผิดหวัง เกิดความกลัดกลุ้ม เสร็จแล้วก็ไปโทษว่า เป็นเพราะว่าปัญหามันหนัก ไปโทษคนนั้นคนนี้ที่มีส่วนทำให้เกิดปัญหา แต่ลืมมองไปว่าความทุกข์ใจที่เกิดขึ้น เกิดจากการที่ไม่ยอมรับว่าปัญหามันแก้ไม่ได้ หรือเกิดจากความคาดหวังว่ามันต้องแก้ได้ คนเราเจอปัญหาหลายแบบ บางอย่างก็แก้ได้ บางอย่างก็แก้ไม่ได้ ถ้าเราเจอปัญหาที่แก้ได้ ก็สมควรที่เราจะใช้ความเพียรพยายาม ใช้ความมุ่งมั่น แต่ถ้าเกิดว่าเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ แล้วยังใช้ความเพียรพยายามไม่หยุดหย่อน ด้วยความคิดว่ามันจะแก้ได้ คาดหวังว่ามันต้องแก้ได้ พอมันแก้ไม่ได้นี่จะทุกข์มาก หรือว่าปัญหาบางอย่างแม้จะแก้ได้ แต่ว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่จะแก้ได้ในเวลานี้ แต่พอพยายามจะแก้ให้ได้ มันก็ไม่ต่างจากเอาหัวชนฝา เลยเกิดความทุกข์ใจ
Thu, 10 Jul 2025 - 28min - 1241 - 25680604pm--ทุกข์เปิดใจให้เห็นธรรม
4 มิ.ย. 68 - ทุกข์เปิดใจให้เห็นธรรม : ความตายของคนที่เรารักหรือความตายของเราเอง ถ้าเราไม่หลับใหล เราเข้าใจสัจธรรมความจริง ความตายความสูญเสียคนรักมันก็ไม่ทำให้ทุกข์ระทมมาก นางกีสาโคตมีเห็น เข้าใจ พอเข้าใจก็ดวงตาเห็นธรรม ตอนหลังท่านก็บวชแล้วได้เป็นพระอรหันต์ เรียกว่าทุกข์ไม่ใช่แค่ให้ประโยชน์ในทางโลก แต่ว่ามันสามารถจะทำให้เกิดประโยชน์ในทางธรรมได้ มันทำให้เกิดปัญญาขึ้นมา แต่ว่าคนส่วนใหญ่ พอเจอทุกข์แล้วจมอยู่ในความทุกข์ ใจปิดไม่รับรู้ อย่าว่าแต่เห็นสัจธรรมเลย แม้กระทั่งเกิดความคิดที่จะทำให้เกิดช่องทางที่จะพบความสำเร็จในทางโลกก็ไม่มี เราเจอความทุกข์ ให้เรามองว่า มันสามารถจะเปิดใจให้เราได้คิดบางอย่าง ทุกข์มีเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญา อย่างน้อยๆ ก็ช่วยทำให้เราเห็นทางออก หรือเกิดความคิดที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในทางโลก หรือมิฉะนั้น ถ้าเจอทุกข์หนักๆ ยิ่งทำให้เกิดประโยชน์ที่สูงค่ากว่านั้นคือ เกิดประโยชน์ทางธรรม เปิดใจเราให้เห็นสัจธรรมได้ พอเข้าใจแบบนี้หรือตระหนักแบบนี้ เวลาเจอทุกข์หรือเจอความผิดหวัง ไม่สมหวัง ก็อย่าจมอยู่ในความทุกข์ ลองตั้งสติให้ดี แล้วอาจจะพบสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งดีๆ ที่นำไปสู่ประโยชน์ทางโลกหรือว่า ประโยชน์ในทางธรรม
Wed, 09 Jul 2025 - 28min - 1240 - 25680603pm--หาเหตุแห่งทุกข์ให้เจอ
3 มิ.ย. 68 - หาเหตุแห่งทุกข์ให้เจอ : เพราะความยึดมั่นสำคัญหมายว่าเป็นกู ยึดว่าความปวดเป็นกู เป็นของกู ละความยึดมั่นที่ว่านี้ มันก็เหลือแต่ความปวดกาย แต่ว่าใจไม่ปวดแล้ว ปวดกายแต่ใจไม่ปวดได้เพราะรู้ เพราะรู้ความจริงว่าเกิดจากความยึดมั่นสำคัญหมายว่าความปวดเป็นกู เป็นของกู จะเห็นอย่างนี้ได้ จะรู้อย่างนี้ได้ ก็ต้องเจอความปวด เจอความทุกข์ ถ้านอนอยู่ในห้องแอร์สบาย ๆ ไม่เห็นหรอก ไม่รู้ว่าอะไรคือสมุทัย แล้วถ้ารู้สมุทัย มันก็จะรู้ต่อไปว่าทำไมถึงจะไม่ทุกข์ ก็ละวางความยึดมั่นสำคัญหมายว่าเป็นกู เป็นของกู เริ่มจากการที่เห็นมัน ไม่เข้าไปเป็นมัน เห็นด้วยสติ ต่อไปก็เห็นด้วยปัญญา เห็นด้วยปัญญาก็เห็นจากไหน เห็นจากความทุกข์นี่แหละ เห็นจากความปวดนี่แหละ ถ้าไม่ปวดก็ไม่เห็น ถ้าไม่ทุกข์ก็ไม่เกิดปัญญา อันนี้เรียกว่าพัฒนา หรือเขยิบขยับจากการรู้ซื่อ ๆ หรือว่ารู้แล้ววางมาเป็นการรู้แล้วเกิดปัญญาขึ้นมา เพราะฉะนั้นให้เราเข้าใจเห็นให้ชัดว่าเหตุแห่งทุกข์ที่แท้มันคืออะไร โดยเฉพาะเวลาเกิดความทุกข์ใจนี้อย่าไปผิดฝาผิดตัว ไปมองไปโทษว่าความทุกข์เกิดจากสิ่งภายนอก ความทุกข์กายนั้นใช่ แต่ความทุกข์ใจเหตุแห่งทุกข์นี่มันมีอยู่ที่ใจเราทั้งนั้นเลย ฉะนั้นถ้าปฏิบัติแล้วไม่เห็นตรงนี้ มันก็ต้องปฏิบัติเรื่อยไป จนกว่าจะเห็น
Tue, 08 Jul 2025 - 29min - 1239 - 25680602pm--มือถือคืออุปกรณ์ฝึกสติ
2 มิ.ย. 68 - มือถือคืออุปกรณ์ฝึกสติ : ถ้าเวลาเราอยู่บ้าน หรือว่ายังไม่สามารถปลีกตัวมาวัดได้ เราต้องอยู่กับงาน ต้องทำงาน ต้องอยู่กับครอบครัว มันก็ยังมีโอกาสปฏิบัติได้เหมือนเดิม ถ้าเรายังมีเวลาอาบน้ำ ถ้าเรายังมีเวลาถูฟัน ถ้าเรายังมีเวลากินข้าว เราก็ยังสามารถปฏิบัติได้ และถ้าเรายังใช้เวลากับโทรศัพท์มือถือ ยังมีโทรศัพท์มือถืออยู่ใกล้มือ ก็ใช้มันเพื่อฝึกจิตฝึกใจของเรา ของทุกอย่างอย่าให้มันก่อโทษกับเราสถานเดียว ต้องรู้จักหาประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์จากมันด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าโทรศัพท์มือถือหรืออะไรก็ตาม ถ้าเราใช้มันให้เป็น ก็มีประโยชน์ แม้กระทั่งอารมณ์ เช่น ความหงุดหงิด ความโกรธ ความเบื่อ ความเซ็ง ความฟุ้งซ่าน พวกนี้ก็อย่าปล่อยให้มารบกวนจิตใจเราทั้งวัน ต้องรู้จักใช้มันบ้าง เอามาฝึกสติ อย่างที่เคยพูดไว้ว่า “หลง” มี 2 แบบ หลงเพื่อหลงกับหลงเพื่อรู้ หลงเพื่อหลงคือหลงแล้วก็หลงอีก แต่ว่าหลงเพื่อรู้นี่ ความหลงมันเกิดขึ้นเพื่อให้เรารู้ ความโกรธก็เหมือนกัน ความโกรธไม่ใช่ว่าจะชวนเราไปทางเสียหายอย่างเดียว ถ้าเราใช้ความโกรธให้เป็น มันก็ฝึกจิตฝึกใจเราได้ เพราะว่าเรารู้ทันความโกรธ ก็ต้องเจอความโกรธบ่อยๆ ความทุกข์ก็เหมือนกัน เราจะพ้นทุกข์ได้ ก็ต้องเจอทุกข์บ่อยๆ อย่างที่หลวงพ่อพรหมมาท่านเคยพูด จะพ้นทุกข์ก็ต้องเข้าหาทุกข์ ถ้ากลัวทุกข์ก็ไม่อาจพ้นทุกข์ได้ อันนี้ท่านสอนเพื่อเตือนเราว่า ความทุกข์ถ้าใช้เป็นก็มีประโยชน์ และก็ไม่ต้องกลัวทุกข์ ถ้ากลัวทุกข์ก็ไม่มีทางพ้นทุกข์ แต่ถ้าอยากให้พ้นทุกข์ก็ต้อง เข้าหาทุกข์ ที่จริงไม่ต้องเข้าหาก็ได้ เพราะทุกข์มันก็มาหาเราอยู่แล้วเรื่อยๆ แต่บางทีไม่มี ก็ต้องเข้าหามันบ้าง เพราะว่าถ้าสบายเกินไป มันก็จะมีแต่เกิดความหลงหนักขึ้น
Mon, 07 Jul 2025 - 27min - 1238 - 25680601pm--ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
1 มิ.ย. 68 - ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด : ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จ ที่ประสบกับสิ่งที่ถูกใจ มันก็คือการที่ไม่ลืม ไม่หลง ไม่ละเลยการทำสิ่งดี ๆ ที่ควรทำ ไม่ใช่เอาแต่เพลิดเพลินจนลืมเนื้อลืมตัว อันนี้ไม่ใช่ การที่จะเพลิดเพลิน หรือ มีความสุข มันควรจะเป็นสิ่งที่คนที่ประสบทุกข์ควรจะทำมากกว่า เพราะว่าถ้ามัวแต่จมอยู่กับความทุกข์ ความไม่สมหวัง ก็มีแต่จะทำให้จิตใจย่ำแย่ ในทุกข์มันมีสุข พระพุทธเจ้ายังตรัสไว้เลย ผู้มีปัญญา แม้ประสบทุกข์ก็ยังหาสุขพบ แม้ว่าความทุกข์เป็นสิ่งที่เราบางครั้งหนีไม่พ้น แต่เรามีสิทธิ์ที่จะไม่ทุกข์ได้ ถ้าเรารู้จักทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ก็คือการที่ไม่ปล่อยใจให้จมอยู่กับความทุกข์ หาโอกาสที่จะเติมสุขให้ใจ หาโอกาสที่จะทำสิ่งดี ๆ ที่จะทำให้เวลาที่มีอยู่ มันมีคุณค่า ถ้ากำลังจะตายก็เตรียมตัวเตรียมพร้อมสำหรับความตายที่จะมาถึง เหมือนกับที่คุณหมอแนตหรือหมอนิษฐาที่แนะนำคุณยาย รถไฟยังไม่มา เราก็เตรียมความพร้อมสำหรับการขึ้นรถไฟ แล้วก็หาอะไรสนุก ๆ ทำ พอรถไฟมาก็เราจะได้พร้อมที่จะขึ้นได้ โดยที่ไม่มีห่วง ไม่มีอาลัย
Sun, 06 Jul 2025 - 25min - 1237 - 25680531pm--ธรรมอย่างไรเมื่อใจเครียดSat, 05 Jul 2025 - 56min
- 1236 - 25680530pm--ต้นทางแห่งอิสรภาพ
30 พ.ค. 68 - ต้นทางแห่งอิสรภาพ : เกิดจากความหลงผิด ว่าจิตเป็นเรา เป็นของเรา บังคับได้ สั่งได้ แต่ถ้าเกิดว่าเรามีสติ สามารถจะเห็นได้ว่าเห็นความคิด เห็นอารมณ์ เห็นอาการของจิต พอเห็นแล้วมันก็จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ความคิดไม่ใช่เรา ความโกรธไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เมื่อเห็นว่ามันไม่ใช่ของเราก็ไม่ไปยึดมัน เมื่อไม่ไปยึดมันว่ามันเป็นของเรา เราก็ไม่เป็นของมัน มันทำอะไรเราไม่ได้ อันนี้คืออิสระขั้นต้นที่เราควรจะสัมผัสได้จากการปฏิบัติ มาปฏิบัติแล้วไม่เห็นตรงนี้ ก็ถือว่ายังไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร แล้วต่อไปมันก็จะเห็นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเห็นความจริง ไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่เป็นนามธรรม แต่เห็นความจริงจากสิ่งที่เป็นรูปธรรม ว่ามันไม่ใช่ของเรา มันไม่ใช่เรา ทรัพย์สมบัติ เงินทอง ชื่อเสียง ร่างกาย ไม่ใช่ของเรา จิตมันวางเลย มันไม่ยึดว่าเป็นของเราแล้วสิ่งเหล่านี้ พอใจไม่ยึดว่ามันเป็นของเรา เราก็ไม่เป็นของมัน เราก็เป็นอิสระ มันจะเสื่อม มันจะเป็นอย่างไร ใจก็ไม่ทุกข์ อันนี้มันเป็นวิถีสู่อิสรภาพทั้งจากภายในและภายนอก ซึ่งเริ่มต้นจากการที่เรามีสติเห็นอาการของใจ เห็นความจริงของจิต และความคิดอย่างที่ว่ามา
Fri, 04 Jul 2025 - 28min - 1235 - 25680529pm--สูงสุดคืนสู่สามัญ
29 พ.ค. 68 - สูงสุดคืนสู่สามัญ : ท่านอาจารย์โกวิทบอกคือ การไร้ความกังวล สิ้นไร้ความทะยานอยาก ไร้ศัตรูคู่อาฆาต ความอยากบรรลุธรรมก็ไม่มีแล้ว อันนี้ก็เรียกว่าเป็นองค์ประกอบของความสุขก็ได้ คนที่อุทิศตัวเพื่อการภาวนา เพื่อบรรลุธรรม การเข้าถึงนิพพานนี่กลายเป็นจุดหมายสูงสุดของอาจารย์โกวิท แต่ว่าพอถึงจุดหนึ่ง ปรากฏว่าก็แค่ไม่มีความกังวล สิ้นไร้ความทะยานอยาก ไร้ศัตรูคู่อาฆาต ความอยากบรรลุธรรมไม่มีแล้ว อันนี้กลายเป็นความสุขได้ อาจเป็นเพราะว่าอาจารย์โกวิทได้ถึงจุดหมายของชีวิตแล้ว หรือถึงแม้ยังไม่ถึง แต่ว่าพอไม่มีความทะยานอยาก ความสุขก็เกิดขึ้นได้ ก็เรียกว่าจากสูงสุดคืนสู่สามัญ ที่จริงความสุขไม่จำเป็นต้องสูงส่งอะไร เพียงแค่มีความรู้เนื้อรู้ตัว ไร้ความกังวล ไร้ความทะยานอยาก แม้จะเจอทุกขเวทนารักษาไม่หาย โรคพาร์กินสันสร้างความเดือดร้อนมาก แต่กับท่านอาจารย์โกวิทนั้น มองว่าไม่สำคัญเท่ากับว่า การที่ไร้ความกังวล ไร้ความทะยานอยาก แม้กระทั่งความอยากบรรลุธรรมก็ไม่มีแล้ว อันนี้ก็เรียกเป็นความสุขได้ จากชีวิตที่มุ่งความอุดมคติ มุ่งสูงสุดก็กลับมาคืนสู่สามัญ
Thu, 03 Jul 2025 - 32min - 1234 - 25680528pm--หลงเพื่อรู้ ทุกข์เพื่อไม่ทุกข์
28 พ.ค. 68 - หลงเพื่อรู้ ทุกข์เพื่อไม่ทุกข์ : ยิ่งกลัวอะไรยิ่งต้องเจอสิ่งนั้น ยิ่งกลัวทุกข์ก็ยิ่งเจอทุกข์ จึงไม่พ้นทุกข์ ยิ่งกลัวเกิดก็ยิ่งต้องเกิด จึงไม่พ้นเกิด ถ้าหากไม่อยากเกิดก็อย่าไปกลัวเกิด แต่ควรหาประโยชน์จากการเกิดว่า อะไรทำให้เกิด ไม่ว่าจะเป็นการเกิดจากท้องแม่ หรือการเกิดเป็นตัวกู มันก็ล้วนแต่มีสมุทัยก็คืออุปาทาน เพราะอุปาทานทำให้เกิดภพทำให้เกิดชาติ ถ้าไม่อยากเกิดก็ต้องเข้าใจทุกข์ เห็นทุกข์ จนกระทั่งรู้ว่ามันเกิดจากอุปาทาน มีอุปาทานจึงเกิดทุกข์ ถ้าไม่มีอุปาทานหรือละอุปาทานได้ก็ไม่เกิดทุกข์ แล้วก็ย่อมไม่นำไปสู่การเกิด ไม่ว่าจะเป็นภพชาติ ไม่มีภพไม่มีชาติ ก็ไม่มีชรามรณะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าหลงก็ดี ผิดก็ดี ทุกข์ก็ดี มันไม่ใช่เลวร้ายในตัวมันเอง อะไรเกิดขึ้นกับเรา มันจะดีหรือร้าย อยู่ที่เราว่าเรารู้สึกกับมันอย่างไร เราทำกับมันอย่างไร หลงถ้าไม่รู้ทัน มันก็ไม่ดี แต่หลงจะกลายเป็นดีได้เมื่อเรารู้ทัน ผิดกลายเป็นดี ถ้าเราเอามาเป็นครู จนสามารถจะทำความถูกต้องให้เกิดขึ้นได้ ทุกข์ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เลว ทุกข์สามารถเป็นประตูไปสู่สมุทัย นิโรธ แล้วก็มรรคได้ ถ้าหากว่าเรารู้จักมอง อย่างที่หลวงพ่อกงมาบอก ถ้าอยากพ้นทุกข์ก็ต้องเข้าหาทุกข์ ถ้ากลัวทุกข์ก็ไม่พ้นทุกข์ เพราะฉะนั้นเวลาเราเจอทุกข์ก็ถือว่าเป็นของดี เราจะได้เรียนรู้วิธีที่จะออกจากทุกข์ เหมือนกับที่อาจารย์กำพลบอกว่า ขอบคุณความทุกข์ เพราะความทุกข์สอนให้ผมรู้จักการออกจากทุกข์ เวลาเจอหลง ก็อย่าหลงเพื่อหลง แต่ให้หลงเพื่อรู้ หรือเปลี่ยนหลงให้เป็นรู้
Wed, 02 Jul 2025 - 30min - 1233 - 25680527pm--เป็นสุขเมื่อหมดความทะยานอยาก
27 พ.ค. 68 - เป็นสุขเมื่อหมดความทะยานอยาก : ท่านอาจารย์พุทธทาสพูดอยู่ 2 ประโยค ก็คือว่า อยู่อย่างไม่มีความทุกข์ไปเรื่อยๆ กับทำประโยชน์กับผู้อื่นให้มากที่สุด เท่านี้ก็พอแล้ว อันนี้มันก็โยงไปกับคำสอนของท่านที่พูดอยู่เสมอว่า ชีวิตที่ดีคือ ชีวิตที่สงบเย็นและเป็นประโยชน์ สงบเย็นเพราะว่าอยู่อย่างไม่มีความทุกข์ แล้วก็ไม่ทิ้งเรื่องการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น อันนี้ก็เป็นหลักในการดำเนินชีวิตของพวกเราได้ แต่ละวันๆ ถามตัวเองว่าตอนนี้เราสงบ เราพบความสงบเย็นหรือยัง หรือว่าจิตใจยังว้าวุ่น วุ่นวายรุ่มร้อน ยังมีความวิตกกังวล ก็ต้องพยายามทำให้ความรุ่มร้อนมันลดลง ทำให้ความวุ่นวายมันเบาบางลง การเจริญสติจะช่วยทำให้เราเข้าถึงความสงบเย็น โดยที่ไม่ทิ้งการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น ไม่ใช่สงบเย็นด้วยการหลบลี้หนีผู้คนเข้าไปอยู่ป่า โดยไม่สนใจที่จะช่วยเหลือผู้คน ในขณะที่เรายังไปไม่ถึงระดับของท่านอาจารย์พุทธทาส แล้วก็อาจารย์โกวิท เราก็ต้องเพียรพยายามไปเรื่อยๆ จนไกลถึงจุดที่เราจะรู้สึกว่า หมดสิ้นซึ่งการแสวงหาแล้ว เพราะว่าเข้าถึงความสงบ จะเป็นพระอรหันต์หรือไม่ ไม่สำคัญ แค่ไม่ทุกข์ก็พอแล้ว
Tue, 01 Jul 2025 - 28min - 1232 - 25680526pm--นิ่งได้แม้ถูกใส่ความ
26 พ.ค. 68 - นิ่งได้แม้ถูกใส่ความ : ท่านอาจารย์พุทธทาสซึ่งที่จริงก็สะท้อนความเป็นพุทธด้วย ก็คือว่าไม่หวั่นไหวต่อคำต่อว่าด่าทอ อันนี้ก็เป็นเครื่องวัดว่า เราปฏิบัติธรรมได้แค่ไหน ก็คือว่าเวลามีคนนินทาว่าร้าย ต่อว่าด่าทอแล้วใจเรานิ่งแค่ไหน หรือถึงไม่นิ่ง เรารู้จักควบคุม ไม่ตอบโต้ ไม่เอาคืน แม้บางอย่างการเอาคืนบางอย่างมันจะดูถูกต้องตามทางวิถีโลก เช่น ฟ้องหมิ่นประมาท แต่ว่าในทางธรรมมันก็แสดงว่าใจยังไม่นิ่งพอ เพราะว่ายังหวงแหนภาพลักษณ์ ยังมีอัตตาตัวตนสูง เพราะฉะนั้นจึงอยู่เฉยไม่ได้เวลามีคนพูดไม่ดีกับเรา หรือว่าใส่ร้ายเรา แต่ถ้าคนที่เขาอัตตาตัวตนน้อย ไม่ยึดติดในภาพลักษณ์ มีใครมาต่อว่าด่าทออะไรก็ไม่กระเทือน ไม่มีความจำเป็นต้องไปตอบโต้ ไม่มีความจำเป็นต้องเอาคืน ไม่มีความจำเป็นต้องมาขอขมา ถ้าจะมาขอขมาเองก็เป็นเรื่องของเขา แต่เราไม่ทำ อันนี้เป็นวิสัยของนักปฏิบัติธรรม แต่คนที่ใช้ชีวิตทางโลกก็จะใช้อีกวิธีหนึ่ง ตอบโต้ เอาคืน เพราะนั่นคือวิถีโลก แต่วิถีธรรมมันตรงข้าม อย่างท่านฮาคุอินหรือพระพุทธเจ้านี่ก็เป็นตัวอย่าง ที่ท่านพุทธทาสท่านทำ แล้วก็เป็นตัวอย่างว่าแม้ว่าถูกกระทบใจไม่กระเทือนก็ได้ เพราะว่าอัตตาตัวตนน้อย แล้วเพราะไม่ยินดีใน ไม่ยึดติดหวงแหนในภาพลักษณ์ จึงไม่เป็นทุกข์กับคำต่อว่าด่าทอจนต้องขยับ ต้องเอาคืน ต้องตอบโต้อย่างที่เรามักจะเห็นทั่วไปในสังคมทุกวันนี้
Mon, 30 Jun 2025 - 33min - 1231 - 25680525pm--งานมากมายแต่ใจไม่วุ่นวาย
25 พ.ค. 68 - งานมากมายแต่ใจไม่วุ่นวาย : เราบริหารใจ บริหารงาน บริหารเวลาด้วยดี ชีวิตมันก็จะง่ายขึ้น ไม่รีบร้อน ไม่ลุกลน ไม่ร้อนรน แล้วก็ไม่รุงรัง แต่มันก็ต้องให้เวลากับการฝึกจิต เพราะถ้าไม่ให้เวลากับการฝึกจิตมันก็จะมีปัญหา การฝึกจิตก็เป็นเรื่องที่สำคัญแต่มันไม่ด่วน แต่หลายคนกว่าจะรู้ว่าสำคัญก็ต่อเมื่อพลาดไปแล้ว เช่น ทะเลาะเบาะแว้งจนกระทั่งทุบตีเพราะเกิดจากความวู่วาม เกิดโทสะ หรือว่าไปลักขโมย ไปทุจริต ถูกจับได้ เพราะว่ามันเกิดความโลภเรียกว่าหน้ามืด หรือบางทีก็ไปทำมิดีมิร้ายกับคนอื่นเพราะว่าหน้ามืด ถึงตอนนั้นรู้ว่าเป็นเพราะว่าเราขาดสติ ไม่รู้จักครองสติ พอติดคุกติดตะรางไป ก็เลยมาได้คิดว่าเป็นเพราะเราไม่ให้สำคัญ ไม่ให้เวลากับการฝึกสติ มีหลายคนมานึกได้ก็ตอนที่มันสายไปแล้ว ตอนที่เผลอทำตามอารมณ์ หรือทำด้วยความวู่วาม แล้วค่อยมารู้ว่าถ้ารู้อย่างนี้ก็จะให้เวลากับการฝึกสติ ฝึกจิตมากขึ้น อาจจะทำตั้งแต่ยังหนุ่มเลย ไม่ใช่มารอทำเอาหลังจากที่มันเกิดเหตุแล้ว แล้วคนส่วนใหญ่ก็มักจะมาคิดได้ตอนนี้ อันนี้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องฝึกจิตอย่างเดียว แม้กระทั่งเรื่องการออกกำลังกายด้วย พอร่างกายมันแย่ เครื่องพังขึ้นมา ถึงค่อยรู้ว่าเราน่าจะให้เวลากับการออกกำลังกายมากกว่านี้ แต่นี่กลับมองข้าม ไม่ใส่ใจ เพราะไปมัวทำแต่สิ่งที่สำคัญและด่วน หรือสิ่งที่ไม่สำคัญแต่ด่วน ทำทุกอย่างยกเว้นสิ่งที่สำคัญและไม่ด่วน อันนี้เพราะว่าไม่รู้จักจัดลำดับความสำคัญของงาน เรียกว่าไม่รู้จักบริหารงาน และไม่รู้จักบริหารใจด้วย
Sun, 29 Jun 2025 - 29min - 1230 - 25680524pm--เปลี่ยนทุกข์เป็นธรรม
24 พ.ค. 68 - เปลี่ยนทุกข์เป็นธรรม : ทุกประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา แม้กระทั่งความทุกข์ มันก็ดีทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะรู้จักมอง หรือพูดแบบหลวงพ่อคำเขียนคือ รู้จักเปลี่ยน เปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม เปลี่ยนหลงให้เป็นรู้ เพราะที่จริงแล้วพิษของพืชบางชนิด ถ้าเอามาปรุงเอามาจัดการสักหน่อยก็เป็นยาได้ ความทุกข์ที่ทำให้คนบางคนคลั่งแค้น จะเป็นจะตาย หรือบางทีถึงกับฆ่าตัวตายนี่มันสามารถจะทำให้บางคนหรือผู้มีปัญญากลายเป็นอริยบุคคลได้ อย่างความรู้ที่เกิดจากนางกีสาโคตมีและนางปฏาจารา นั่นก็คือสิ่งเดียวกันกับที่ทำให้ทั้งสองท่านเป็นพระอริยบุคคล อันนี้เขาเรียกว่ารู้จักเปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม ฉะนั้นเราซึ่งเป็นนักปฏิบัติก็ต้องรู้จักฉลาด ถึงแม้จะไม่เรียกเราเป็นนักปฏิบัติแต่ถ้าใฝ่ธรรมก็ต้องรู้จักเปลี่ยน เปลี่ยนทุกข์ให้เป็นธรรม เปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา เปลี่ยนหลงให้เป็นรู้ให้ได้ อย่างน้อยก็รู้จักมองว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นกับเราดีเสมอ แม้บางอย่างดูเหมือนจะเป็นพิษ แต่ก็ยังที่หมอชีวกพบว่า สิ่งที่เป็นพิษก็ทำเป็นยาได้เหมือนกัน
Sat, 28 Jun 2025 - 29min - 1229 - 25680523pm--เจอทุกข์อย่าได้ท้อ
23 พ.ค. 68 - เจอทุกข์อย่าได้ท้อ : เวลาเจออารมณ์ที่เป็นอกุศล หรือแม้กระทั่งอารมณ์ที่น่าพอใจก็ตาม อย่าปล่อยใจให้มันจมอยู่ในอารมณ์เหล่านั้น ต้องรู้จักถอนใจออกมา จนเห็นว่าอารมณ์พวกนี้ก็อันหนึ่ง ใจเราก็อันหนึ่ง หรือเห็นว่ามันไม่ใช่เรา ความดีใจก็ไม่ใช่เรา ความเสียใจก็ไม่ใช่เรา ความโกรธก็ไม่ใช่เรา ความทุกข์ความสิ้นหวังก็ไม่ใช่เรา มีอารมณ์พวกนี้เกิดขึ้นได้ แต่มันทำอะไรจิตใจไม่ได้ เพราะเห็นว่ามันไม่ใช่เรา หรือว่ารู้จักวางระยะ เกิดระยะห่างระหว่างอารมณ์เหล่านี้กับจิตใจ เราก็รู้จักวางระยะกับคนที่ไม่แน่ใจว่าป่วยด้วยโรคโควิด หรือเป็นหวัดหรือเปล่า เราก็เรียกว่าโซเชียลดิสแทนชิ่ง social distancing แต่ว่ากับอารมณ์ที่มันเป็นอกุศลก็เหมือนกัน เราก็ต้องรู้จักวางระยะห่างจากมันบ้าง มันเกิดขึ้นก็อย่าให้มันครอบใจเรา ต้องรู้จักพาใจออกมาจากอารมณ์เหล่านั้น เห็นว่าอารมณ์ก็อันหนึ่ง ใจก็อันหนึ่ง หรือความทุกข์ก็อันหนึ่ง ใจก็อันหนึ่ง ตรงนี้แหละที่จะทำให้รอดจากความทุกข์ แล้วก็ผ่านมันไปได้ เหมือนกับนั่งรถทัวร์ผ่านสถานที่ต่างๆ ทั้งซากไฟไหม้ ทั้งโรงขยะ อย่างที่หลวงพ่อคำเขียนว่า ให้รักษาใจเหมือนกับนั่งรถทัวร์ผ่านตลอด ไม่มีมีการแวะ ไม่มีการไปข้องติดกับอะไร ถ้าหากว่าเราทำอย่างนั้นได้ เราก็จะเข้มแข็งกว่าเดิม ความทุกข์จะทำให้เราเข้มแข็งกว่าเดิม อย่างที่บางคนพูดว่า แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร ถ้าเราหยุดก็ถูกมันไหม้เผาผลาญจนไม่เหลืออะไรเลย แต่ถ้าผ่านมันได้เราจะเข้มแข็งกว่าเดิม หรือประสบสิ่งดีๆ มากกว่าเดิม อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์ที่ทำให้เรามีปัญญา มีภูมิคุ้มกันในการเผชิญกับวิกฤตที่รุนแรงยิ่งขึ้น หรือรุนแรงกว่านั้นในวันข้างหน้าได้
Fri, 27 Jun 2025 - 29min - 1228 - 25680522pm--ใจสงบได้แม้ถูกกระทบ
22 พ.ค. 68 - ใจสงบได้แม้ถูกกระทบ : แม้ว่ามันจะมีอารมณ์เกิดขึ้นเมื่อมีการกระทบ แต่ใจถ้าไม่กระเทือนก็ได้ ถ้าไม่ไปยึดอารมณ์เหล่านั้น ใจก็ยังสงบได้ สงบได้ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีอารมณ์ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความโศก ไม่มีความเครียด แม้มันยังมีได้ แต่ว่าใจก็ไม่ทุกข์ ใจก็ไม่กระเทือน เพราะว่ารู้ทัน รู้แล้วก็วาง รู้แล้วก็วาง ในที่สุดอารมณ์นั้นก็จางคลายไป นี่คือความสงบที่ไม่เกินเอื้อมของพวกเรา และที่เรามาปฏิบัตินี้ก็เพื่อมารู้จักกับความสงบชนิดนี้ ไม่ใช่สงบเพราะไม่มีอะไรมากระทบ แต่สงบเพราะว่าแม้มีอะไรมากระทบแต่ว่าใจไม่กระเทือน ไม่กระเทือนเพราะว่าไม่มีอารมณ์เกิดขึ้น ไม่มีความโศกเกิดขึ้น หรือถึงแม้จะมีความโกรธ ความหงุดหงิด ความเครียดเกิดขึ้น แต่ก็รู้ทัน แล้วก็ปล่อยวางมันได้ ไม่ไปยึดมัน พูดง่าย ๆ คือแม้มันมีอารมณ์เหล่านี้แต่ไม่เอา อันนี้คือความสงบที่มันไม่เหลือวิสัยที่เราจะทำให้เกิดขึ้นได้ แล้วมันเหมาะกับพวกเรามากเลย เพราะว่าการที่เราจะไปเจอ ไปอยู่ในที่ที่ไม่มีการกระทบนี้มันยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย แม้กระทั่งในวัดจะสงบยังไงก็มีเสียง หรือมีอะไรมากระทบ มีแมลงมากวน บางทีก็มีเสียงดัง แต่ถึงแม้จะมีเสียงดัง จะมีแมลงมากวน จะมีใครพูดไม่ถูกหู แต่ใจไม่ทุกข์ก็ได้ ไม่ทุกข์ไม่ใช่เพราะไม่โกรธ ไม่ใช่ไม่ทุกข์เพราะว่าไม่มีความหงุดหงิด ความโกรธ ความหงุดหงิดมี แต่รู้ทัน แล้วก็วางมันลง
Thu, 26 Jun 2025 - 32min - 1227 - 25680521pm--ทำความเพียรแล้ว ทำใจด้วย
21 พ.ค. 68 - ทำความเพียรแล้ว ทำใจด้วย : คนเราจะรู้จักยอมรับความจริงได้ มันต้องฝึก และเราสามารถจะเรียนรู้ตรงนี้ได้จากการมาปฏิบัติที่นี่ เพราะมันจะเจอกับสิ่งที่ไม่ถูกใจเราหลายอย่าง รวมทั้งพยายามปฏิบัติแล้ว มันก็ยังฟุ้ง พยายามปฏิบัติแล้วมันก็ยังไม่สงบ นั่นแหละเป็นของดี เป็นโอกาสที่เราจะได้ฝึกยอมรับ อยู่กับความไม่สมหวังด้วยใจที่ไม่ทุกข์ อยู่กับความไม่สำเร็จด้วยใจที่เป็นปกติ ถ้าเราฝึกใจยอมรับความฟุ้ง ความเครียดที่เกิดขึ้นได้ เราก็จะมีวิชาที่ไปต่อยอดได้เมื่อออกไปแล้ว คือฝึกใจยอมรับความเป็นไปของโลกและความเป็นไปของชีวิต อาจจะยังไม่ได้มีสติเต็มที่ ไม่ได้พบความสงบอย่างที่หวัง แต่ก็ได้บางอย่างที่มีค่าไปไม่น้อย หรือหลายอย่างด้วย หนึ่งในนั้นคือการรู้จักยอมรับ ยอมรับกาย ยอมรับใจ ยอมรับความจริง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ หลายคนที่มาก็ประสบความสำเร็จ เพราะว่าอาศัยความเพียร แต่มันไม่พอ อย่างที่บอก หลายอย่างหลายสิ่งมันไม่สามารถจะบรรลุได้เพราะความเพียร หรือเหตุปัจจัยยังไม่มากพอที่จะทำให้บรรลุได้ แต่ถ้ารู้จักทำใจยอมรับ มันก็ช่วยทำให้เราอยู่ในโลกที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ เจอความไม่สมหวังก็ไม่ทุกข์ แม้เจอความสมหวัง ใจก็ไม่ดิ่ง อันนี้แหละคือสิ่งที่เราสามารถจะเรียนรู้ได้จากการมาปฏิบัติที่นี่ มันเป็นสิ่งที่หลายคนไม่คิดจะมาเพื่อสิ่งนี้ ต้องการความสงบ ต้องการความพ้นทุกข์ และพ้นทุกข์ก็คือว่า ใจมันไม่คิดอะไร แต่ถ้ามันคิดล่ะ หรือคิดว่าไม่ทุกข์ เพราะยอมรับความจริงได้ เพราะอนุญาตให้มันเกิดขึ้นได้ นี่แหละคือ สิ่งที่เราสามารถจะตักตวง เก็บเกี่ยวได้จากการปฏิบัติ แม้จะยังไม่บรรลุถึงสิ่งที่คาดหวังจากการมาที่นี่ก็ตาม
Wed, 25 Jun 2025 - 27min - 1226 - 25680520pm--รู้ใจก็ไกลทุกข์
20 พ.ค. 68 - รู้ใจก็ไกลทุกข์ : ความหลง ความคิดฟุ้งซ่าน อารมณ์หงุดหงิด ความรู้สึกลบ มันเกิดขึ้นได้เพราะมันมีความหลงเป็นเชื้อเป็นอาหาร แต่พอเรามีสติรู้ทัน เรียกว่ารู้ใจ ความคิดลบที่เคยทำให้เราหงุดหงิดหัวเสีย ทำให้เราเครียด ทำให้เรากังวล มันก็หายไป พูดง่ายๆ คือว่า รู้กายทำให้รู้ใจ แล้วรู้ใจก็ทำให้ไกลทุกข์มากขึ้น ความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากความคิด ที่ชอบคิดลบ ชอบระแวง หรือความทุกข์ที่เกิดเพราะความเครียด ความกังวลที่เคยก่อกวนจิตใจ มันจะเล่นงานจิตใจเราไม่เหมือนก่อนแล้ว เพราะว่าเรามีสติรู้ทัน การรู้ใจมันก็ทำให้ใจเรามันไกลทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากความคิดลบ อารมณ์ที่เป็นอกุศล แม้มันยังเกิดขึ้นอยู่ แต่มันก็จะอยู่ไม่นาน ไม่สามารถรบกวนจิตใจเราได้ ยิ่งรู้ใจเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไกลทุกข์เร็วเท่านั้น แล้วพอไกลทุกข์ ใจก็จะสงบได้ เป็นความสงบเพราะรู้ ไม่ใช่สงบเพราะไม่รู้ ไม่ใช่เพราะไม่ได้ยิน แต่สงบเพราะรู้ใจ เราฝึกให้หมั่นรู้ใจบ่อยๆ แต่ว่าก่อนจะถึงตรงนั้นก็ต้องรู้กายก่อน รู้กายเร็วเท่าไหร่ ต่อเนื่องเท่าไหร่ ก็จะรู้ใจได้ไว รู้ใจได้ไว ก็จะพาใจออกห่างจากความทุกข์ได้มากแค่นั้น
Tue, 24 Jun 2025 - 33min - 1225 - 25680519pm--อะไรเกิดขึ้นกับเราดีทั้งนั้น
19 พ.ค. 68 - อะไรเกิดขึ้นกับเราดีทั้งนั้น : และถ้าเรายอมรับสิ่งต่าง ๆ ได้ รวมทั้งสิ่งที่ไม่ถูกใจ ออกไปข้างนอกเจอความไม่ถูกใจ มันก็ไม่ทุกข์ และนั่นแหละคือความสงบที่เราอาจจะคาดไม่ถึงเลย ไม่ใช่สงบเพราะไม่มีเสียงดัง แต่สงบเพราะใจมันไม่โวยวาย ใจมันยอมรับ มันก็สงบได้ ไม่ใช่ว่าปฏิบัติแล้วจะไม่หายปวด การปฏิบัติแล้วจะหายปวด ปฏิบัติแล้วจะไม่ฟุ้ง ยังฟุ้งอยู่แต่ใจไม่ทุกข์แล้ว เพราะว่าไม่คาดหวังความไม่ฟุ้ง จริง ๆ ความฟุ้งไม่ได้ลงโทษเรา ไม่ได้รบกวนเรา แต่ที่ทุกข์เพราะไม่ชอบความฟุ้ง ไม่อยากให้มันฟุ้ง คาดหวังความไม่ฟุ้ง แต่พอเราปรับใจยอมรับมันได้ วางความคาดหวังทุกอย่าง ฟุ้งก็ได้ ไม่ฟุ้งก็ได้ พอถึงเวลาที่ความฟุ้งเกิดขึ้น เราไม่ทุกข์แล้ว เพราะอย่างที่ว่าถ้าวางใจเป็น แม้กระทั่งมะเร็งมันก็กลายเป็นของขวัญได้ นับประสาอะไรกับความฟุ้ง ถ้าเรารับมือกับมันไม่ได้ ยังทุกข์เพราะมัน นี่แสดงว่าเรายังต้องฝึกอีกมาก แสดงว่าเราจะต้องเรียนรู้ที่จะต้องผ่านการฝึกฝนจากความฟุ้ง ให้มันฟุ้งเยอะ ๆ จนกระทั่งทำใจยอมรับได้
Mon, 23 Jun 2025 - 31min - 1224 - 25680518pm--ที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่มีเหตุให้ทุกข์
18 พ.ค. 68 - ที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่มีเหตุให้ทุกข์ : บางทีเราก็เครียด เราก็กังวล เพราะใจไปนึกถึงงานที่รออยู่ข้างหน้า ยังไม่ได้ไปสอบแต่ใจก็เครียดแล้ว ยังไม่ได้ไปพรีเซนต์งานในที่ประชุมเลยแต่ก็เครียดแล้ว กังวลซะแล้ว เราเครียดเรากังวลกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น แล้วบางอย่างก็อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าก็เครียดไปแล้ว ทุกข์ไปแล้ว นี่เรียกว่าหลงไปอดีต ลอยไปในอนาคต สรุปแล้วก็เลยจมอยู่ในความทุกข์ แต่ถ้าเรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน ไม่มีเหตุผลที่เราจะทุกข์เลยนะ ถ้าใจเราอยู่ตรงนี้ที่หอไตร มันไม่มีอะไรต้องทุกข์เลย ถึงแม้จะมีแมลงอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าพื้นจะแข็งบ้างแต่ก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอใจเราไปนึกถึงวันพรุ่งนี้เลย โอ๋ จะต้องปฏิบัติทั้งวันจะไหวหรือนี่ จะต้องปฏิบัติอีกตั้ง 6 วัน จะไหวหรือนี่ คิดถึงงานที่ยังไม่ได้ทำ คิดถึงหนี้ที่ยังไม่ได้ผ่อน เครียดเลย แต่ทำไมถึงคิดนะ เพราะไม่รู้ตัว แล้วเรื่องที่คิดก็เป็นเรื่องอนาคต ถ้าใจเราอยู่กับปัจจุบัน ที่นี่ เดี๋ยวนี้ มันไม่มีเหตุผลจะต้องเครียด ไม่มีเหตุผลจะต้องทุกข์ ไม่มีเหตุผลจะต้องเศร้าเลยนะ แต่ที่เราเศร้า ที่เราโกรธ ที่เราแค้น ที่เราอาลัยอาวรณ์ ที่เรากังวล เครียด เพราะใจไม่อยู่กับปัจจุบันทั้งนั้นเลย ถ้าใจกลับมาอยู่กับปัจจุบันก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำให้ทุกข์ สำคัญก็คือว่าใจเราไม่ยอมอยู่กับปัจจุบัน เพราะใจเราชอบหลง แต่ถ้ามีสติที่ฝึกไว้ดีแล้ว มันก็จะทำให้ใจอยู่กับปัจจุบันได้ง่าย การปฏิบัติที่เคยเป็นเรื่องยากก็กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมา แล้วก็จะรู้ว่าที่มันยากเพราะเราทำให้มันยากไปเอง ไม่ใช่เพราะว่าการปฏิบัติมันยากในตัว อันนั้นไม่ใช่
Sun, 22 Jun 2025 - 29min - 1223 - 25680517am--เติมสุขด้วยธรรมSat, 21 Jun 2025 - 1h 06min
- 1222 - 25680515pm--สอนเด็กให้รู้จักมรณานุสติ
15 พ.ค. 68 - สอนเด็กให้รู้จักมรณานุสติ : คนเราแม้เราจะรักกันอย่างไร แต่ถ้าเกิดว่าเราทำไม่ดีต่อกัน โดยเฉพาะในช่วงโมเมนต์สุดท้าย มันก็บาดลึกกินใจ แต่ในทางตรงข้าม ถ้าเกิดเราทำดีกับเขา ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาสุดท้าย แต่ทำมาดีโดยตลอด เวลาเขาจากไป ก็จะไม่เศร้าเสียใจมาก เพราะว่าตอนที่เขาอยู่กับเรา เราก็ทำดีกับเขาเต็มที่แล้ว คนเราถ้าหากระลึกว่าคนที่ผูกพันกับเรา เขาจะจากเราไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วเราก็พยายามทำดีกับเขา ไม่เอาความรู้สึกของตัวเองเป็นใหญ่ แล้วไม่ใช่เขาเท่านั้นที่อาจจะจากเราไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อาจจะเป็นเราก็ได้ด้วยซ้ำที่จากเขาไป จากพ่อจากแม่ไป จากลูก จากคนรัก ถ้าเกิดว่าเราได้ทำดีกับเขามาโดยตลอด ถึงเวลาที่เราจะจากไป เราก็ไม่มีความอาลัย ไม่มีความเสียใจ พร้อมจะไป
Fri, 20 Jun 2025 - 30min - 1221 - 25680514pm--กิเลสเนียนแค่ไหน ใจก็รู้ทัน
14 พ.ค. 68 - กิเลสเนียนแค่ไหน ใจก็รู้ทัน : คนเราเวลาไม่ได้รับความสนใจ มันก็ย่อมไม่พอใจ แต่ก็ต้องสังเกตว่าเป็นเพราะอะไร เพราะกิเลสหรือเปล่า อัตตาหรือเปล่า เป็นเพราะมานะไหม ถ้ารู้ทันก็อย่าให้มันครองใจ มันโกรธก็โกรธไป แต่ให้มันเป็นกิเลสที่โกรธ ไม่ใช่เราโกรธ แต่ถ้าไม่เท่าทันมัน ก็จะโกรธจนกระทั่งไม่มีความสุขเลย แล้วเป็นอย่างนี้กันเยอะ เพียงแค่ไม่ถูกทักโดยใครบางคน โกรธเขาจนตายก็มี แต่ถ้าเรารู้ทัน เราก็รู้ว่านี่มันเป็นเพราะกิเลส ก็ไม่ปล่อยให้ความโกรธนั้นครองใจ หรือบางทีอยากจะอวด แต่มันไม่มีช่องทางจะอวด เกิดความอัดอั้นตันใจขึ้นมา ก็ให้รู้ว่าที่อัดอั้นมันเป็นตัวมานะที่อยากจะโชว์ อยากจะประกาศให้โลกรู้ และเราก็ควรที่จะไม่ทำตามอำนาจของมันบ้าง เพราะถ้าทำตามอำนาจของมัน มันก็จะครองจิตครองใจเราอยู่ตลอดเวลา เราก็ต้องรู้จัก ไม่ปล่อยให้มันครองใจ แม้เราจะห่างไกลจากกิเลสที่หยาบ แต่กิเลสที่มันละเอียด กิเลสที่มันเนียนก็ยังสามารถจะเข้ามาเล่นงานจิตใจเราได้ เราต้องรู้ทัน โดยเฉพาะกิเลสที่ชื่อมานะ อยากประกาศตัวตน อยากจะให้ใครเขารู้จัก อยากจะอวดความเก่งความดี ความสามารถของเรา หรือแม้กระทั่งอยากจะเป็นคนดี อยากให้ใครชมว่าเราเป็นคนดี ตรงนี้ต้องระวัง เพราะถ้าเราปล่อยให้มันครองใจเมื่อไหร่ เราก็จะทุกข์ได้ง่าย แม้เราจะยังเอามันออกไปจากใจได้ไม่หมด แต่อย่างน้อยก็ให้รู้ทัน แล้วไม่สนองความต้องการของมัน
Thu, 19 Jun 2025 - 24min - 1220 - 25680512pm--เสริมสร้างภูมิคุ้มใจ
12 พ.ค. 68 - เสริมสร้างภูมิคุ้มใจ : ภูมิคุ้มกันจิตใจก็เหมือนกัน เราก็ต้องช่วยให้เขาทำงานได้ดี ที่จริงการเจริญสติมันก็เป็นวิธีการที่ชัดตรง หรือว่าลัดตรงอยู่แล้ว ยิ่งเราเจริญสติเท่าไหร่ สติเราก็มีกำลังแข็งแรง ถ้าหากว่าทำถูกวิธี แต่ถ้าทำไม่ถูกวิธี ทำด้วยความอยาก สติก็ไม่ได้โตหรือโตช้า วิธีการช่วยให้สติแข็งแรงก็ทำได้หลายอย่าง ส่วนหนึ่งก็พยายามห่างไกลจากสิ่งเร้าเย้ายวนไม่ว่าทางมือถือ การพูดคุยกับผู้คน การสังสรรค์เฮฮา อันนี้นอกจากทำให้ตัวหลงมีกำลัง ยังทำให้สติเราอ่อนแอด้วย ที่พระพุทธเจ้าตรัส การนอนการนั่งในที่อันสงัด ความหมายหนึ่งหรือวัตถุประสงค์อันหนึ่งก็คือ เพื่อให้สติเรามีกำลัง เป็นตัวช่วยให้สติมีกำลัง เพราะว่าถ้าหากว่าอยู่ในที่ที่วุ่นวาย มันก็จะมีสิ่งรบกวน มีสิ่งยั่วยุ สิ่งเย้ายวน สติก็เติบโตช้า การรู้จักเสพ การเสพพอประมาณ รู้จักประมาณในการบริโภค โดยเฉพาะการบริโภคข่าวสาร การบริโภคโซเชียลมีเดีย สมัยนี้ถ้าเราบริโภคแต่น้อย มันก็ช่วยเติมเสริมสติให้มีกำลังได้
Wed, 18 Jun 2025 - 28min - 1219 - 25680511pm--โลกทุกข์แต่ใจไม่ทุกข์Tue, 17 Jun 2025 - 45min
- 1218 - 25680510pm--ฝีกจิตเสริมประสบการณ์ชีวิต
10 พ.ค. 68 - ฝีกจิตเสริมประสบการณ์ชีวิต : ประสบการณ์ชีวิตก็สอนเรามากมาย แต่บางคนก็รู้ว่า อย่าไปสนใจกับความโกรธ อย่าไปสนใจกับเสียงดัง จากเพื่อนบ้าน แต่มันห้ามใจไม่ได้ รู้ว่าไม่ดี แต่ก็ไปสนใจกับมัน แล้วก็เลยหงุดหงิดหัวเสีย อย่างที่เขาพูดว่า ดีชั่วรู้หมด แต่อดใจไม่ได้ รู้ว่าเงินทองเป็นของนอกกาย แต่พอหาย หรือพอซื้อของเกิน จ่ายเงินเกิน แพงไป เสียใจ รู้ทั้งรู้ว่าเงินทองเป็นของนอกกาย แต่มันอดเสียดายเสียใจไม่ได้ แต่พอมีสติปุ๊บ นี่ โอ้ มันวางได้เลย มันจะมีความอาลัย ความเสียดายเกิดขึ้นในใจอย่างไร ก็ทำอะไรใจเราไม่ได้ มันจะมีเสียงต่อว่าแม่ค้าที่โกงเรา หรือเสียงด่าว่าตัวเองว่าทำไมโง่ให้เขาหลอก มันก็ไม่สน ไม่นานเสียงนี้ก็เงียบไป เพราะฉะนั้น เจออะไรก็ตาม ใจก็ไม่ทุกข์ ถ้าหากว่าเราฝึกจิตเราให้ดี และการฝึกจิตอย่างนี้คือการฝึกสติ และนี่คือเหตุผลที่เรามาฝึกกัน มาเสริมกับสิ่งที่เราได้เรียนรู้ จากประสบการณ์อันยาวนานของเรา จากประสบการณ์ที่ได้ผ่านโลกมา เรามาเสริมตรงนี้ เพื่อทำให้ชีวิตของเรามีความสงบเย็น รวมทั้งสามารถก้าวข้ามผ่านทุกข์ไปได้ง่ายขึ้น
Mon, 16 Jun 2025 - 28min - 1217 - 25680509pm--ทำบุญแล้ว ปฎิบัติธรรมด้วย
9 พ.ค. 68 - ทำบุญแล้ว ปฎิบัติธรรมด้วย : เราทุกข์เพราะความคิด การที่เรามาเห็น มารู้ทันความคิด และไม่ปล่อยให้จิตมันไหลไปอดีต ลอยไปอนาคตเป็นสิ่งสำคัญ ที่เรามันเจริญสติกันเพื่อที่เราจะได้รู้จักวิธีในการดับทุกข์ ดับที่ใจ ไม่ต้องไปดับที่อื่น เพราะบางอย่างก็ดับไม่ได้ ไปแก้ไม่ได้ บางทีเสียงริงโทนจากโทรศัพท์มือถือของคนอื่น มันดังเข้ามาเราจะไปทำอย่างไร แต่ถ้าเราปล่อยวาง ไม่ไปจดจ่อที่เสียงนั้น ไม่รู้สึกลบกับเสียงนั้น ปล่อยให้มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป ใจเราก็ไม่ทุกข์ ที่เรามาเจริญสติเพื่อมาฝึกให้ใจเรามีธรรมะ ก็คือสติรักษาใจ ฉะนั้นถ้าเรามีสติเป็นเครื่องรักษาใจ ใจมันก็จะไม่เพ่นพ่าน ไม่ไปหาทุกข์ หรือไม่ไปซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้ใจ เราถนัดกับการจัดการกับสิ่งภายนอกเพื่อให้ใจสงบ อันนี้เราคุ้นเราเก่งเราถนัด แต่ที่เรายังไม่ค่อยถนัดคือการปรับแก้ที่ใจเรา ปรับแก้ที่ความคิดที่มันชอบคิดลบคิดร้าย ที่มันชอบไปจมอยู่กับอดีต ไปพะวงกับอนาคต หรือว่าไปยึดติดกับความคาดหวังโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นถ้าเรามาฝึก มาปฏิบัติธรรม ได้ตรงนี้ไปมันจะช่วยทำให้เรารับมือกับความทุกข์ได้ อยู่กับ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่ไม่เป็นไปดั่งใจ ที่ไม่ถูกใจได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ นั่นแหละคือธรรมะที่เราควรจะมี นอกเหนือจากการที่เราหมั่นทำบุญอยู่เสมอ
Sun, 15 Jun 2025 - 31min - 1216 - 25680502pm--สงบนิ่งเมื่อใจหายพร่องSat, 14 Jun 2025 - 22min
- 1215 - 25680501pm--สนใจธรรมทำไมถึงโกรธง่าย
1 พ.ค. 68 - สนใจธรรมทำไมถึงโกรธง่าย : เราใช้เวลา 1 ชั่วโมงกับโทรศัพท์มือถือ กับโซเชียลมีเดีย จิตใจก็เครียดแล้ว อันนี้เพราะไม่รู้จักเปิดใจรับรู้สิ่งดี ๆ บ้าง หรืออย่างน้อยก็รู้จักพักจิตพักใจมั่ง เติมช่องว่างให้กับใจบ้าง แทนที่จะไปรับรู้สิ่งแย่ ๆ ก็กลับมารับรู้สิ่งที่มันเป็นกลาง ๆ เช่น ลมหายใจ กลับมาอยู่กับลมหายใจที่มันเป็นกลาง ๆ หรือมิเช่นนั้นก็ต้องยอมรับว่า ชีวิตประจำวันของเราไม่ใช่ว่าจะมีแต่สิ่งที่ถูกใจเราอย่างเดียว มันก็มีสิ่งที่ไม่ถูกใจด้วย ถ้าเราเผื่อใจเอาไว้ว่ามันจะมีสิ่งที่ไม่ถูกใจเรา เวลาเจอสิ่งที่ไม่ถูกใจ มันก็ทำใจได้ เพราะรู้ว่ามันเป็นธรรมดา หรือเพราะไม่คาดหวังว่าจะต้องมีแต่สิ่งที่ถูกใจอย่างเดียว ยอมรับความจริงของโลกได้ มันก็ทำให้ความหงุดหงิดที่สะสมหมักหมมในแต่ละวันน้อยลง ถ้าสิ่งที่สะสมหมักหมมน้อยลง เวลาถูกอะไรกระทบ มันก็ไม่ปรี๊ดแตกมาก แต่เดี๋ยวนี้คนเราปรี๊ดแตกง่ายเพราะสะสมหมักหมมความเครียดเอาไว้เยอะ จากการไปรับรู้แต่สิ่งแย่ ๆ หรือมิเช่นนั้นก็ไปคาดหวังว่ามันจะมีแต่สิ่งที่ดี ๆ ไม่ยอมรับความจริงว่ามันมีทั้งบวกและลบ มีทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องรู้จักฝึกใจไว้ด้วย จะไปหวังให้โลกนี้มันถูกใจเราทุกเรื่องมันยาก จะไปเปลี่ยนโลกนั้นไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนที่ใจของเราได้
Fri, 13 Jun 2025 - 24min - 1214 - 25680430pm--เยียวยาใจด้วยการให้อภัย
30 เม.ย. 68 - เยียวยาใจด้วยการให้อภัย : ใจที่มีบาดแผลเพราะความโกรธเกลียดนี้ มันทุกข์มาก เวลาเรามีความโกรธเกลียด มีความเคียดแค้นพยาบาท ความทุกข์ทรมานนี่มันรุนแรงมาก จิตใจมันรุ่มมร้อน บางทีสิ่งที่ถูกกระทำกับกับร่างกาย ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับความโกรธเกลียดที่มีอยู่ในใจ หลายๆ คนก็เลือกที่จะจัดการกับความโกรธเกลียดนั้น ด้วยการให้อภัย เพราะการให้อภัยมันเหมือนกับเป็นการเยียวยาจิตใจ
Thu, 12 Jun 2025 - 25min - 1213 - 25680429pm--รู้สึกตัวจนหายกลัว
29 เม.ย. 68 - รู้สึกตัวจนหายกลัว : ความกลัวก็เหมือนกัน กลัวอะไรใน ใจก็จะไปจดจ่ออยู่ตรงนั้น ต้องเรียกว่ามันมีอำนาจในการดึงดูดความสนใจของเรา แต่ถ้าเราแค่รู้ทันมันเฉย ๆ เห็นมัน ไม่ยุ่งกับมัน มันก็จะค่อย ๆ เบาลง ๆ ฉะนั้นการฝึกสตินี่สำคัญมากที่จะช่วยทำให้เรารับมือกับความกลัวได้ แต่การที่จะไปเห็นอารมณ์ รู้ทันอารมณ์ แล้วไม่ไปข้องแวะกับมัน ถ้าไม่ได้ฝึกมาก็ยาก และถ้าจะฝึกก็ต้องเริ่มจากสิ่งที่มันง่ายก่อน เช่น มารับรู้ดูกาย เวลาความกลัวเกิดขึ้นกายเป็นอย่างไร หน้านิ่วคิ้วขมวดหรือเปล่า ลมหายใจมันตื้น มันถี่ มันสั้นหรือเปล่า หัวใจเต้นแรงไหม มือไม้กำแน่นหรือเปล่า เพียงแค่เอาใจมาดูกาย มาสแกนเลยก็ได้ มาสแกนดูว่าอวัยวะแต่ละส่วน ๆ ตั้งแต่ใบหน้าลงมาจนถึงแข้งขาเป็นอย่างไร มันช่วยได้เยอะ เพราะในช่วงขณะนั้นแหละที่ทำให้ใจมันหลุดออกจากความกลัว หรือใจหลุดออกจากเรื่องที่กลัว เรียกว่าวางเรื่องที่กลัวหรือสิ่งที่กลัว ไม่ว่าปรากฏอยู่ในใจหรือว่าได้ยินหรือเห็นก็ตาม การมารับรู้กายนี้ช่วยได้เยอะ แล้วพอรับรู้กายแล้ว มันก็จะพบว่ากายนี่เริ่มจะผ่อนคลายลง การหายใจที่เคยสั้นและถี่ จะค่อยเป็นปกติมากขึ้น มันช่วยลดความกลัวได้
Wed, 11 Jun 2025 - 23min - 1212 - 25680428pm--ถนอมความสนใจให้กับสิ่งสำคัญ
28 เม.ย. 68 - ถนอมความสนใจให้กับสิ่งสำคัญ : ถ้าเรารู้จักเลือก ให้ความสนใจมาที่กาย ไม่ว่ารู้กายเคลื่อนไหว หรือบางทีมีความโกรธก็เอาความสนใจมาอยู่ที่ลมหายใจ หายใจเข้าหายใจออกลึก ๆ ให้ความสนใจกับกายแบบนี้มันดีกว่า ต่อไปก็เวลาใจมันคิดนึกอะไรก็รู้ รู้แบบรู้เฉย ๆ รู้แล้วก็วาง ไม่ได้ให้ค่า ไม่ได้ให้ความสนใจกับมัน ไม่ว่าจะเป็นคิดดีคิดไม่ดีก็แค่รู้ แล้วก็วาง ไม่สนใจต่อ มีความคิดลบคิดบวก อารมณ์ดี อารมณ์ไม่ดีก็แค่รู้เฉย ๆ เรามาฝึกให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านี้ดีกว่า ดีกว่าส่งจิตออกนอก ดีกว่าปล่อยใจออกไปกับเรื่องนั้นเรื่องนี้จนกระทั่งไม่มีเวลาที่จะมาอยู่กับตัวเองเลย ยุคนี้เป็นยุคที่การรู้จักให้ความสนใจเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าเราปล่อยใจไปตามอำนาจของสิ่งดึงดูดที่พยายามแย่งชิงความสนใจของเราไป สุดท้ายเราจะไม่เหลืออะไรเลย ไม่เหลือแม้กระทั่งเวลาที่จะเป็นตัวของตัวเอง มีลูก มีคนรัก เขาก็ทิ้งหมดเพราะว่าเราไม่สนใจเขา ไม่เหลืออะไรเลย ถ้าไม่รู้จักควบคุมความสนใจของเราให้เป็นที่เป็นทาง
Tue, 10 Jun 2025 - 23min - 1211 - 25680427pm--เรียกสติในยามวิกฤติ
27 เม.ย. 68 - เรียกสติในยามวิกฤติ : คนส่วนใหญ่เวลาดมเรียกสติ ส่วนใหญ่ก็หมายถึงสติคือความระลึกได้ ซึ่งก็มีประโยชน์ แต่ว่าไม่พอ เพราะว่าเวลาอารมณ์รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความกลัว สามัญสติอาจจะไม่พอ ไม่สามารถจะระลึกได้ว่า ที่จะทำไปจะเกิดโทษอย่างไรบ้าง หรือระลึกได้ว่า อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ แต่ถ้าเราฝึกสัมมาสติได้มากพอจะลึกได้เร็ว จะรู้ตัวได้ไว จะเห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้น รู้ตัวว่าเผลอแล้ว รู้ตัวว่าอารมณ์ท่วมท้น อารมณ์ก็จะเบาบางเพราะธรรมชาติของอารมณ์พวกนี้แพ้ทางสติ มันกลัวการถูกรู้ ถูกเห็น ฉะนั้นการท่อง การฟัง ได้ยินอะไรมามาก ๆ อาจจะช่วยให้เราระลึกได้ในยามจำเป็น แต่ว่าในบางครั้งระลึกไม่ได้เลย เพราะอารมณ์มันรุนแรง มันลืมตัวหนัก แต่พอเจอสัมมาสติเข้า เอาอยู่ ถ้าหากว่าได้ฝึกมา เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่เราควรจะต้องหมั่นฝึก ฝึกสัมมาสติ ฝึกให้มี ให้เห็น ให้รู้ทันความคิด ให้รู้ทันอารมณ์ อย่าหวังพึ่งตัวช่วย อย่าหวังพึ่งเพื่อนที่มาด้วยกัน เพราะบางทีเขาก็ไม่ได้มากับเรา หรือบางทีก็กลับยุเราด้วยซ้ำเพราะเขาก็โกรธพอ ๆ กับเรา ยุส่งให้เราไปลุยไปราวี แต่ว่าถึงแม้ไม่มีใครมาเตือนสติเราแต่ว่าสติในใจเรานี่แหละที่จะช่วยเราได้โดยเฉพาะถ้าเป็นสัมมาสติ
Mon, 09 Jun 2025 - 22min - 1210 - 25680426pm--ความร้อนสอนธรรม
26 เม.ย. 68 - ความร้อนสอนธรรม : ความรู้สึกว่าร้อนเป็นเวทนา ในยามนี้สำหรับคนส่วนใหญ่ก็คือทุกขเวทนา แต่ถ้าเกิดใจบ่นว่า “ร้อน ร้อนเหลือเกิน” อันนี้มันเจือไปด้วยความหงุดหงิด ความไม่พอใจ ตรงนี้เป็นสังขารแล้ว เวทนาอย่างเดียวเราจะมองว่าเป็นสัญญาก็ได้ เวทนาก็ได้ สังขารก็ได้ มันสำคัญยังไง สำคัญตรงที่ว่าเวลาเรารู้สึกร้อน แล้วมันไม่ใช่แค่รู้สึกร้อน แต่ใจมันบ่นว่า “ร้อน ร้อนเหลือเกิน” ตรงนี้มันแปลว่าไม่ใช่กายที่ร้อนอย่างเดียว ใจก็ร้อน ไม่ใช่กายที่ทุกข์อย่างเดียว ใจก็ทุกข์ด้วย แล้วถ้าเราปล่อยให้ใจทุกข์ มันก็เหมือนกับว่าทุกข์ 2 ชั้น หรือว่าร้อน 2 ต่อ ร้อนกายแล้วก็ร้อนใจ ถ้าร้อนแล้วมันทำให้ทุกข์กาย แล้วก็ทุกข์ใจตามไปด้วย ในเมื่อจะร้อนทั้งที ก็ให้มันร้อนอย่างเดียวคือร้อนกายแต่ว่าใจอย่าร้อน ในเมื่อมันทุกข์ ก็ให้ทุกข์แค่กายแต่ว่าใจอย่าทุกข์ แต่คนส่วนใหญ่ปล่อยให้ทุกข์ทั้งกาย ทุกข์ทั้งใจ ร้อนทั้งกาย ร้อนทั้งใจ แทนที่จะรู้สึกว่าร้อนเท่านั้น ใจมันก็บ่นว่าร้อน ร้อน มีความหงุดหงิด มีความไม่พอใจ เราเห็นไหม เห็นใจที่มันบ่นไหม เห็นใจที่มันหงุดหงิดไหม เห็นใจที่มันโวยวายไหม ถ้าไม่เห็นนี้ขาดทุน เพราะถ้าไม่เห็น มันก็ทุกข์ 2 ต่อ ทุกข์กายด้วย ทุกข์ใจด้วย ร้อนทั้งกาย ร้อนทั้งใจ และถ้าไม่เห็น ไม่เห็นว่าใจมันบ่น ใจมันโวยวายตีโพยตีพาย นอกจากจะแยกไม่ออกระหว่างสัญญา เวทนา และสังขาร ที่สำคัญก็คือ กลายเป็นทุกข์ฟรี ๆ
Sun, 08 Jun 2025 - 24min - 1209 - 25680425pm--สงบสยบอารมณ์
25 เม.ย. 68 - สงบสยบอารมณ์ : ความอยากมันท่วมท้นใจ ถ้าไม่ได้นี่อัดอั้นมาก แต่ว่าพอมาดูความอยาก ดูเฉยๆ ความอยากมันก็ค่อยๆ ลด ค่อยๆ หายไป กลายเป็นว่าพอไปดูวันที่สี่กลายเป็นเบื่อไปเสียแล้ว ไม่อยากได้แล้ว ความอยากมันหายไปเลย หายไปเพราะอะไร เพราะดูมัน อันนี้เป็นวิธีการรับมือกับอารมณ์ที่มีประโยชน์มาก ไม่ใช่ทำตามมัน แล้วก็ไม่ใช่กดข่มมัน กดข่มมัน มันก็ไม่ไปไหน มันก็จะซ่อนอยู่ข้างใน แล้วพอกดมากๆ ถึงจุดนึงก็ระเบิด คนที่กดข่มความอยาก ไม่ว่าจะเป็นอยากเหล้า หรือว่าอยากบุหรี่ หรือว่าอยากเล่นเกม พอข่มไปมากๆ พอถึงวันนึงมันระเบิดออกมา ก็จมอยู่กับความอยากนั้นเต็มที่เลย อันนี้ไม่ใช่วิธีการที่ดี ได้ผลเป็นผลดีเฉพาะระยะสั้น เช่นเดียวกับความโกรธ โกรธก็กดข่ม มันก็มีผลดีระยะสั้น แต่ถ้าทำไปบ่อยๆ ทำไปนานๆ มันก็ระเบิดออกมา พอระเบิดนี่บางทีเสียหายมากมาย ข้าวของถูกทำลาย หรือว่าด่าเสียๆ หายๆ ทำร้าย ใช้กำลังรุนแรง อันนี้เพราะว่าปรี๊ดแตก เพราะฉะนั้นทางที่ดีคือการที่มาดูมัน เห็นมัน รู้ซื่อๆ ดูมันเฉยๆ ใช้ความสงบสยบอารมณ์
Sat, 07 Jun 2025 - 24min - 1208 - 25680420pm--การดูแลด้วยใจและสติ
20 เม.ย. 68 - การดูแลด้วยใจและสติ : ความเจ็บป่วยเป็นธรรมดาของชีวิต ไม่มีใครหนีพ้นความจริงข้อนี้ไปได้ แม้พยายามป้องกันเพียงใดก็ตาม ก็ย่อมมีวันที่จะต้องล้มป่วย ในยามนั้นนอกจากการเยียวยารักษากายแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือการดูแลรักษาใจ เพราะความป่วยใจมักเกิดขึ้นควบคู่กับความป่วยกาย บ่อยครั้งความป่วยใจยังซ้ำเติมให้ความป่วยกายเพียบหนักขึ้น หรือขัดขวางไม่ให้การเยียวยาทางกายประสบผลดี แต่หากดูแลรักษาใจให้ดีแล้ว ความทุกข์ทรมานก็จะลดลง อีกทั้งยังอาจช่วยให้ความเจ็บป่วยทุเลาลงด้วย ป่วยกายแต่ไม่ป่วยใจนั้น เป็นไปได้ หากรู้จักวางใจให้เป็น ยิ่งกว่านั้นใจที่มีสติและปัญญา ยังสามารถหาประโยชน์จากความเจ็บป่วยได้ด้วย เช่น ทำให้เกิดความเข้าใจในความเป็นจริงของชีวิต ตระหนักถึงความไม่เที่ยงของสังขาร กระตุ้นให้เกิดความไม่ประมาท เร่งสร้างกุศล และทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดในขณะที่ยังมีเวลา ความเจ็บป่วยจึงสามารถเป็นปัจจัยผลักดันให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้จิตใจเจริญงอกงามและเป็นสุข
Fri, 06 Jun 2025 - 53min - 1207 - 25680420am--ทำบุญเพื่อละThu, 05 Jun 2025 - 29min
- 1206 - 25680416pm--แผนสำรองของชีวิต
16 เม.ย. 68 - แผนสำรองของชีวิต : ถ้าได้มารู้วิชาที่ว่านี้คือ วิชายอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับกายและใจ อย่าไปคาดหวังว่าปฏิบัติธรรมแล้วใจจะสงบ สงบก็ดี แต่ถ้าไม่สงบ เราก็มีแผนสำรอง backup เอาไว้ว่า แม้ไม่สงบ แต่ว่าใจไม่ทุกข์ เพราะยอมรับมันได้หรือเพราะรู้ทันมัน อันนี้คือวิชาหรือแผนสำรองที่คนมักจะไม่ค่อยนึกถึงเท่าไหร่ แม้จะเป็นนักปฏิบัติธรรมก็ตาม เพราะว่าทำไปๆ ก็คาดหวังว่าจะไม่ทุกข์ ไม่หงุดหงิด ไม่หัวเสีย ไม่โมโห ไม่เศร้าไม่โศก แต่พอมันยังเกิดขึ้นอยู่ ก็ไปไม่เป็น จัดการกับมันไม่ได้ นี่เพราะว่าไม่มีแผนรองรับเพื่อรับมือกับอารมณ์เหล่านี้ แม้ว่าไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่พอมันเกิดขึ้นแล้ว อย่างน้อยเราก็รู้วิธีที่จะรับมือกับมันได้ อันนี้คือแผนสำรอง หรือตัว backup ที่เราควรจะมีด้วย
Wed, 04 Jun 2025 - 26min - 1205 - 25680415pm--เหตุผลของลูก ความทุกข์ของแม่
15 เม.ย. 68 - เหตุผลของลูก ความทุกข์ของแม่ : คนสมัยก่อนเขาบอก ชีวิตมันสั้นต้องรีบทำความดี อันนี้แหละคือตรรกะที่ถูกเพราะว่าถ้าเราทำความดีมันไม่ใช่แค่ทำให้เราไปสู่สุคติ ถึงแม้ไม่เชื่อว่าจะมีสุคติในภพหน้าแต่อย่างน้อยการทำความดีก็ช่วยทำให้เมื่อจะตายนี่มันไม่ทรมาน เพราะคนเราไม่ได้ตายแบบปุบปับหรือปิดสวิตช์ ต้องใช้เวลากว่าจะตาย แล้วในช่วงนั้นถ้าไม่เตรียมใจมันก็จะมีความทุกข์ทรมานมาก แต่ถ้าเราฝึกจิตเอาไว้ ทั้งทำความดี สร้างบุญสร้างกุศล แล้วก็ฝึกเจริญมรณสติ รวมทั้งเจริญสัมมาสติด้วย ก็ทำให้เรารับมือกับความทุกข์ก่อนตายได้ แต่ถ้าเกิดว่าเอาแต่ช้อปปิ้ง เอาแต่เที่ยวสนุกสนาน ถึงเวลาป่วยหนักแล้วก็ยืดเยื้อหลายเดือนหรือหลายอาทิตย์ ไม่มีวิชาความรู้ ไม่มีวิชาที่จะรับมือกับความทุกข์ก่อนตายเลย มันจะทรมานมาก ยังไม่ต้องพูดว่าตายแล้วจะไปไหน แต่เดี๋ยวนี้มันก็เป็นตรรกะ ตรรกะที่จะเรียกว่าเป็นมิจฉาตรรกะก็ได้ เพราะมันเป็นเหตุผลของกิเลส ชีวิตนี้สั้น ไม่จีรัง อีกไม่นานก็ตาย เพราะฉะนั้นเสพสุขให้เต็มที่ดีกว่า หรือว่าทำชั่วก็ได้ เพราะตายไปแล้วก็จบ อันนี้ก็เป็นมิจฉาตรรกะ หรือจะเรียกว่าเป็นตรรกะวิบัติก็ได้ แล้วคนก็คล้อยตามเพราะดูมันเป็นตรรกะดี ชีวิตนี้สั้นฉะนั้นเสพสุขให้เต็มที่ ก็ดูเหมือนว่ามีเหตุมีผลแต่ไม่เป็นเหตุผลของกิเลส มันเป็นเหตุผลจำพวกเดียวกัน ในเมื่อพ่อแม่ให้กำเนิดเรามา เพราะฉะนั้นต้องเลี้ยงดูเราให้มีความสุขเต็มที่ แทนที่จะมองว่า เออ พ่อแม่กำเนิดเรามา เพราะฉะนั้นควรจะขอบคุณ ควรจะสำนึกในบุญคุณของพ่อแม่ แต่เขาไม่คิดแบบนี้กันแล้ว แต่นี่ก็ธรรมดา ก็ต้องชี้ให้เห็นว่ามันเป็นตรรกะที่ผิดพลาดอย่างไร ไม่ใช่ตอบโต้ด้วยการด่า มันไม่มีประโยชน์ แต่ต้องหักล้างด้วยเหตุด้วยผล ด้วยการชี้ให้เห็นว่ามันเป็นเหตุผลที่มีแต่จะทำให้เกิดโทษกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
Tue, 03 Jun 2025 - 23min - 1204 - 25680414pm--สำเร็จแต่ไม่มีความสุข
14 เม.ย. 68 - สำเร็จแต่ไม่มีความสุข : อันนี้ก็เป็นบทเรียนคนที่ต้องการความสำเร็จในอาชีพการงาน ต้องการสร้างอาณาจักร คิดว่าถ้าร่ำรวย มีชื่อเสียง แล้วจะมีความสุข อันนี้มันเป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆ เพราะว่าอย่าว่าแต่ความล้มเหลวเลย แม้สำเร็จก็ไม่ใช่มีความสุข ไม่มีความสุขเพราะว่าความสำเร็จที่ว่านี้มันไม่ให้ความสุขกับเราอย่างแท้จริง เงินทอง ชื่อเสียง และมิหนำซ้ำต้องมีความทุกข์ ทุกข์กับการรักษา ทุกข์กับการรักษาความสำเร็จเอาไว้ ทุกข์กับการรักษาสมบัติหรืออาณาจักรที่สร้างเอาไว้ มันก็เหมือนกับคนมีเงิน มีเงินก็ไม่ได้มีความสุขหรอก เงินไม่ได้ให้ความสุขที่แท้จริง แถมยังต้องทุกข์กับการรักษา แล้วรักษาอย่างไรก็รักษาไม่ได้ เพราะมันต้องเสื่อมไปตามหลักอนิจจัง พอมันหายไปก็ทุกข์ เรียกว่าสุขชั่วคราวแต่ทุกข์ยาวนาน อันนี้มันก็เป็นอุทาหรณ์สอนใจผู้คน แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ยอมเรียนรู้ เพราะคิดว่านั่นเป็นเรื่องของเขา แต่ถ้าเป็นฉันมันจะไม่เป็นอย่างนั้น แต่พอประสบความสำเร็จจริง ๆ ก็อาจจะพบว่ารู้งี้ ไม่ทำอย่างที่เป็นก็ได้ เหมือนอย่างที่เดวิทท์บอกอยากจะพังทุกอย่างแล้วก็เริ่มต้นใหม่ แต่ทำไม่ได้แล้ว คนเราถ้าหากว่าไม่เจอ ไม่มีประสบการณ์ด้วยตัวเอง บางทีก็ไม่เข้าใจ กว่าจะเรียนรู้ก็สายไปแล้ว แทนที่จะเอาเวลาไปทำสิ่งที่มีค่า พบกับความสุขที่แท้จริง กลับไปเจอกับความสุขปลอม ๆ อย่างที่ธอโรบอกว่า โศกนาฏกรรมของชีวิตก็คือการที่เพียรพยายามทั้งชีวิตเพื่อจะจับปลา แต่ปรากฏว่ามันไม่ใช่ปลาที่ตัวเองต้องการอย่างแท้จริง ได้มาก็จริงแต่ว่าไม่มีความสุข นี่ยังไม่นับประเภทว่าล้มเหลวไม่ได้มา อันนั้นยิ่งทุกข์เข้าไปใหญ่ ถ้าวางไม่เป็น
Mon, 02 Jun 2025 - 25min - 1203 - 25680413pm--เตรียมพร้อมรับความตายอยู่เสมอ
13 เม.ย. 68 - เตรียมพร้อมรับความตายอยู่เสมอ : การเจริญสตินี้มันก็ช่วยเราได้ เราไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ ตายเพราะอะไร แต่ถ้าเกิดว่าจะต้องตายเพราะเหตุที่ปัจจุบันทันด่วน สติก็จะช่วยเราได้ ช่วยคุ้มครองใจเราไม่ให้ตื่นตระหนก แล้วก็เมื่อถึงเวลาที่จิตดับ ก็ไปสุคติ อย่างคุณยายท่านนี้แม้ว่าจะตายแบบกะทันหัน แล้วก็ตายแบบไม่สวยในสายตาคนทั่วไป แต่ก็เชื่อว่าคุณยายน่าจะไปดี เพราะว่าตั้งอยู่ในความไม่ประมาท คุณยายได้ฟังธรรมะแล้วก็เตือนใจตัวเองว่าให้ว่าความตายไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่ากลัว ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท อยู่กับปัจจุบัน ทำให้ดีที่สุด แล้วก็กำลังจะใส่บาตรด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีส่วนอำนวยให้ใจของคุณยายเป็นกุศล แล้วก็แม้จะมีเหตุร้าย แต่ว่าก็เชื่อว่าจะไม่ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วแวบเดียวก่อนที่จะสิ้นลม แม้เราจะไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ แต่ว่าการเจริญสติสำคัญมาก ฝึกใจเอาไว้ พร้อมเผชิญกับทุกอย่างด้วยใจที่สงบ ฉะนั้นก่อนหน้านั้นก็ควรหมั่นทำความดี สร้างบุญ สร้างกุศลอยู่เนือง ๆ ไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจที่จะทำให้จิตมันหวนกระหวัดไปถึงตอนที่จะตาย ไม่ใช่ว่าตอนจะตาย ไปนึกถึงลูก นึกถึงทรัพย์สมบัติ นึกถึงความผิดพลาดที่เคยทำกับพ่อแม่ แบบนั้นก็คงจะไปไม่ดี แต่ถ้าจิตนี้ผ่องใส มีสติ ยิ่งสวดมนต์อยู่บ่อย ๆ ถึงเวลาตอนนั้นก็อาจจะนึกถึงบทสวดมนต์ กำกับจิตให้สงบได้ ก็แน่นอนว่าไปดีแน่ แม้ว่าจะไปแบบกะทันหันแบบนี้ก็ตาม
Sun, 01 Jun 2025 - 24min - 1202 - 25680412pm--ปรับจิตให้พอดี
12 เม.ย. 68 - ปรับจิตให้พอดี : หน้าที่ของครูบาอาจารย์ คือทำให้อยู่พอดี ๆ ซึ่งตรงนี้คือเหตุผลว่าทำไมคนเราควรจะมีอาจารย์ อาจารย์ที่จะช่วยตบให้เราไม่เหวี่ยงไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่งอันนี้มันมีแต่อาจารย์ที่เป็นมนุษย์ที่จะทำได้นะ ทุกวันนี้เราพูดถึง AI นะ AI สอนธรรมะนี่ตอนนี้มีเยอะแยะ แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ AI ทำไม่ได้ ก็คือไม่รู้ว่าคนใช้เขามีจริตนิสัยอย่างไร เขาเอียงไปทางไหน แล้วจะแนะนำเขาให้กลับมาอยู่ในความพอดี หรืออยู่ในทางสายกลางได้อย่างไร AI ทำไม่ได้นะ AI ได้แต่ตอบได้ว่าอนัตตาคืออะไร สติคืออะไร สัมปชัญญะคืออะไร แต่เวลาจะแนะนำการปฏิบัติให้มันถูกกับจริตนิสัย AI คงยังทำไม่ได้อีกนาน แล้วอาจจะทำไม่ได้เลย เพราะไม่รู้ว่าคนใช้เขามีจริตนิสัยอย่างไร เขามีความสุดโต่ง ความเอียงไปทางไหน เพราะฉะนั้นจะแนะนำให้เขาอยู่ในความพอดีนี่มันยาก แต่คนนี้ทำได้ โดยเฉพาะถ้าคนที่เป็นระดับครูบาอาจารย์ เขาก็จะสามารถทำในสิ่งที่มันไม่มีอยู่ในตำราก็ได้ แต่อาศัยความสามารถเฉพาะตัว เรียกว่าทำไม่อยู่ในแบบแผน ครูบาอาจารย์บางท่านนี่สอนลูกศิษย์ด้วยการถีบเลยนะ ไม่ใช่เฉพาะเซนอย่างเดียวนะ หลวงพ่อชาท่านก็ถีบเหมือนกัน AI ไม่ทำ AI ทำไม่เป็น เพราะคิดว่าหรือเพราะถูกสอนมาว่าการถีบนี่ไม่ดี แต่ว่าลูกศิษย์บางทีก็ถูกอาจารย์ถีบ แล้วก็บรรลุธรรมก็มี
Sat, 31 May 2025 - 28min - 1201 - 25680411pm--พื้นที่ปลอดภัยอยู่ที่ใจเรา
11 เม.ย. 68 - พื้นที่ปลอดภัยอยู่ที่ใจเรา : ถ้ามีความสุขเป็นตัวรองรับ มันก็ช่วยหนุนสติและปัญญาที่ทำให้รักษากายรักษาใจของเราให้ปลอดภัยได้ ใจเราจะไม่มีความปลอดภัยเลยถ้าขาดสติ ขาดปัญญา เป็นตัวเป็นเครื่องรักษา อยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยแม้แต่อยู่ในบ้าน แม้แต่อยู่ในห้องนอนก็ไม่ปลอดภัย อันนี้ไม่ใช่เฉพาะเด็กอย่างเดียว ผู้ใหญ่ก็เหมือนกัน แต่สิ่งที่จะช่วยให้ชีวิตเราปลอดภัยก็คือ ใจที่มีสติ ใจที่มีปัญญา พื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ จิตที่มีสติ มีความรู้สึกตัวครอบครองใจ ตราบใดที่ถ้าใจยังไม่มีสติ ไม่มีความรู้สึกตัว เพราะขาดปัญญาหรือสติเป็นตัวกำกับแล้ว อยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะในยุคนี้ สื่ออินเตอร์เน็ตแพร่ไปทั่ว และไม่ใช่เฉพาะสื่ออินเตอร์เน็ตอย่างเดียว สิ่งแวดล้อมด้วย พวกมิจฉาชีพเดี๋ยวนี้มันก็อยู่กระจายไปทั่ว ฉะนั้นจะว่าไปแล้วถ้าเราต้องการชีวิตที่ผาสุก มันต้องมีพื้นที่ที่ปลอดภัยในใจของเรา ทำบ้านให้เป็นที่ปลอดภัยก็ได้ แต่ว่ามันก็ยังไม่ปลอดภัยอย่างแท้จริงจนกว่าใจเรานี้จะมีสติ มีปัญญา และมีความสุขที่ประณีตเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีตรงนี้ก็ยังเรียกว่าชีวิตยังอยู่ในความเสี่ยง แม้จะเรียนจบหลายปริญญา แม้จะมีความรู้เยอะแต่ก็เอาตัวไม่รอด ที่เขาเรียกว่าความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด เพราะมันขาดสิ่งหนึ่งคือขาดความรู้สึกตัว แล้วความรู้สึกตัวจะมีได้เพราะมีสติและปัญญาเป็นเครื่องกำกับ เพราะฉะนั้นในยุคนี้การที่มีธรรมะโดยเฉพาะสติและปัญญา เรียกว่าเป็นหลักประกันเลยที่จะทำให้ชีวิตนี้มีความผาสุก ไม่ใช่ไม่มีอุปสรรค มี แต่ว่าก็สามารถจะผ่านมันได้ ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บไม่ป่วย ยังต้องเจ็บต้องป่วย แต่ว่ามันก็ป่วยแต่กาย ใจไม่ป่วย ไม่ได้คับแค้นใจ
Fri, 30 May 2025 - 26min - 1200 - 25680410pm--ไม่รักษาใจก็ไม่รักตัวเอง
10 เม.ย. 68 - ไม่รักษาใจก็ไม่รักตัวเอง : ถ้าขอโทษมันก็สบายใจ แต่พอไม่ขอโทษ ความขัดแย้งมันก็เลยยืดเยื้อเรื้อรัง ฉะนั้นถ้าหากว่าพวกเราไม่อยากโง่เพราะความโกรธ ก็ต้องพยายามดูแลใจให้มีอัตตาน้อยๆ เหมือนกับพ่อค้าแผงขายหนังสือ คนมาดูหนังสือแต่ไม่ซื้อเลยสักเล่ม ก็ไม่โกรธ เพราะไม่ได้ยึดมั่นว่าตัวกูของกู แถมเวลาเขาลำบากก็ช่วยเขา ตัวเขาเปียกปอน ก็ยื่นถุงพลาสติกให้ นี่คือวิธีการสร้างมิตร ถ้าเราโกรธ เราก็มีแต่จะเสียมิตร เสียเพื่อน แล้วก็ทำร้ายตัวเอง แต่ถ้าเราไม่โกรธ เราจึงจะเรียกว่ารักตัวเองอย่างแท้จริง.พวกเรานี่ต้องรักตัวเองให้เป็น เพราะถ้าเรารักไม่เป็น เราจะทำร้ายตัวเอง ด้วยความโกรธ ด้วยความกลัว เพราะจิตที่ไม่มีการดูแลรักษาให้ดี แต่ถ้าจิตเรามีการรักษา มีการดูแล ความโกรธไม่ครอบงำ ความกลัวไม่มารังควาน เราก็จะรักตัวเองได้อย่างแท้จริง
Thu, 29 May 2025 - 31min - 1199 - 25680409pm--เติมแสงสว่างให้แก่จิตใจ
9 เม.ย. 68 - เติมแสงสว่างให้แก่จิตใจ : บางคนขี้โกรธมาก บางคนขี้กลัวมาก พวกนี้อาจจะเป็นเพราะว่าอิทธิพลของจิตไร้สำนึกที่คอยมาปั่นป่วนในจิตใจ หน้าที่ของเราก็คือ ตรวจสอบว่ามันมีอะไรหมักหมมหรือว่าซุกซ่อนอยู่ในจิตไร้สำนึกไหม เราก็ต้องเริ่มต้นจากการที่เรามีสติ รับรู้ความคิดและอารมณ์ต่างๆ ในยามปกติ รู้แล้ววาง รู้แล้ววาง ทำอะไรด้วยความรู้เนื้อรู้ตัว มันก็จะช่วยทำให้การหมักหมม สะสมสิ่งที่เป็นขยะลงไปในจิตไร้สำนึกน้อยลง พอทำให้มันน้อยลงแล้ว ต่อไปก็เข้าไปสอดส่องดูว่า มันมีอะไรซุกซ่อนอยู่หรือเปล่า แล้วก็จัดการเผชิญหน้ากับมัน มีความโกรธซ่อนอยู่ ก็เผชิญหน้ากับมัน ยอมรับมัน มีความเกลียดซ่อนอยู่ ก็เผชิญหน้ากับมัน มีความรู้สึกผิดซุกซ่อนอยู่ ก็เอามันขึ้นมา เผชิญหน้ากับมัน มีความระแวง มีความกลัวซ่อนอยู่ ก็ยอมรับมัน เผชิญหน้ากับมัน อันนี้ก็เปรียบเหมือนการเพิ่มแสงสว่าง หรือเอาแสงสว่างสาดส่องลงไป ไม่ใช่แค่ในจิตสำนึกอย่างเดียว แต่ลงไปถึงจิตไร้สำนึกด้วย มันก็ทำให้ชีวิตเราถูกอารมณ์ที่ซุกซ่อนอยู่ สร้างความปั่นป่วน รบกวนจิตใจเราน้อยลง ก็จะอยู่เป็นปกติสุขได้มากขึ้น
Wed, 28 May 2025 - 26min - 1198 - 25680407pm--ทำครบทั้งทำกิจและทำจิต
7 เม.ย. 68 - ทำครบทั้งทำกิจและทำจิต : อาจารย์พุทธทาสเคยพูดอยู่เสมอว่า ชีวิตที่ดีคือชีวิตที่สงบเย็นและเป็นประโยชน์ อันนี้เป็นคำพูดที่เรียกว่าครอบคลุมทั้งการทำจิตและทำกิจ เพราะว่าสำหรับชาวพุทธ การทำจิตสุดท้ายคือเพื่อความสงบเย็น สงบเย็นคือสงบที่ใจโดยที่ไม่พึ่งอิงสิ่งแวดล้อม แม้จะอึกทึก พลุกพล่าน จอแจ เสียงดังอย่างไร คนจะไม่น่ารัก ทำตัวน่าระอา แต่ใจก็เป็นปกติ สงบเย็นได้ แม้กระทั่งมีสิ่งล่อเร้าเย้ายวนก็ไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม นี่คือสงบเย็น แต่ว่าสงบเย็นอย่างเดียวไม่พอ ต้องเป็นประโยชน์ด้วย เป็นประโยชน์คือการทำกิจ ทำกิจเพื่อช่วยเหลือส่วนรวม ไม่ใช่เก็บตัวอยู่แต่ในป่า หรืออยู่ในวัด มุ่งมั่นให้จิตสงบเย็น แต่ว่าไม่คิดจะไปทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม ไฟไหม้ก็ไม่สนใจถือว่าป่าไม่ใช่ของเรา ใครจะมาขโมยสมุนไพรในวัดก็ไม่กระตือรือร้นที่จะจัดการไล่ออกไป เพราะคิดว่าไม่ใช่ของเรา อันนี้เรียกว่าทำจิตแต่ไม่ทำกิจ แล้วที่จริงก็ทำจิตไม่ถูกต้องด้วย เพราะว่าการทำจิต อย่างน้อยต้องมีความกตัญญูรู้คุณ หรือต้องมีความเมตตา กตัญญูรู้คุณต่อสิ่งแวดล้อม มีความเมตตาต่อสรรพสัตว์ ฉะนั้นมีใครมาทำลายป่า ถ้าเรามีเมตตาจริง เราก็จะไม่อยู่เฉย จะเข้าไปขับไล่ไม่ให้มาทำลายป่า ไม่ให้มาทำลายสัตว์ เราจะมีความกตัญญูต่อธรรมชาติ แล้วเราก็จะช่วยกันรักษาธรรมชาติให้ดี ความกตัญญูรู้คุณ ความเมตตาก็เป็นเรื่องการทำจิต ไม่ใช่แค่ปล่อยวางอย่างเดียว แล้วคนไทยก็ไม่เข้าใจ ชาวพุทธก็ไม่เข้าใจ ไปเข้าใจว่าการปล่อยวางคือการวางเฉย ไม่ทำอะไร การวางเฉยไม่ทำอะไรนี่เป็นเรื่องการไม่ทำกิจ ซึ่งไม่ถูกต้อง การปล่อยวางถ้าเป็นการปล่อยวางที่ใจคือการทำจิตถูกต้องแล้ว แต่ว่าปล่อยวางแล้ว ไม่ใช่ว่านิ่งเฉย ปล่อยวางอย่างรับผิดชอบ คือสิ่งที่ครอบคลุมทั้งการทำจิตและการทำกิจ ถ้าปล่อยวางแบบวางเฉย ไม่รับผิดชอบ อันนี้เรียกว่าทำจิตก็ผิด แล้วก็ละเลยเพิกเฉยไม่ทำกิจด้วย มันก็ไม่ได้เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ
Tue, 27 May 2025 - 26min - 1197 - 25680406pm--วิถีโลกกีดขวางเส้นทางธรรม
6 เม.ย. 68 - วิถีโลกกีดขวางเส้นทางธรรม : เวลาใจทุกข์ก็คิดแต่จะไปจัดการกับสิ่งที่อยู่นอกตัว เสียงดัง หรือว่าการกระทําคําพูดที่ไม่ถูกใจของใครบางคน คิดแต่จะไปจัดการกับสิ่งเหล่านั้น อันนี้เป็นวิธีการทางโลก วิธีการทางโลกมันเน้นการจัดการกับคน จัดการกับสถานที่ จัดการกับสิ่งแวดล้อม แต่ในทางธรรม มุ่งจัดการกับใจของตัว หลายคนแม้จะมาปฏิบัติธรรมแล้ว แต่เนื่องจากต้องการความสงบ แต่ว่ายังติดวิธีการทางโลกอยู่ ก็ไปจัดการกับสิ่งภายนอก จัดการให้สิ่งแวดล้อมไม่มีเสียงรบกวน จัดการกับผู้คนให้ทําตัวเรียบร้อย การกระทําคําพูดไม่ก่อปัญหา แต่ที่จริงแล้วนั่นไม่ใช่วิธีการทางธรรม ทางธรรมคือมาจัดการที่ใจของเรา มาดูว่าใจเรามันมีอุปาทาน มีความยึดติดหรือเปล่า แต่ถ้าหากว่ายังมีความอยากได้ อยากได้ความสงบ มันก็อดไม่ได้ที่จะไปจัดการกับสิ่งภายนอก แต่ถ้าเรามุ่งลดละความยึดติดในใจ ยอมรับสิ่งต่างๆ อย่างที่มันเป็น เสียงดังก็ไม่ได้ทําให้ใจทุกข์ หรือว่าใครจะทําอะไร ก็สามารถจะวางใจไม่ทุกข์เพราะสิ่งเหล่านั้นได้ นี่คือจุดมุ่งหมายของการปฏิบัติธรรม การใช้ชีวิตทางธรรมมันต้องมาถึงจุดนี้ เพราะไม่อย่างนั้นถึงแม้ว่าภายนอกดูเหมือนกับยังปฏิบัติธรรม แต่ว่าข้างในก็ยังใช้วิธีการเดียวกับวิธีทางโลก มันก็เลยสวนทางกัน แล้วสุดท้ายก็ไม่สามารถจะพบกับความสงบอย่างแท้จริง เพราะว่าไม่สามารถทำให้เกิดการลดการละขึ้นได้
Mon, 26 May 2025 - 27min - 1196 - 25680405pm--อย่าหลงสุขวันนี้จนละทิ้งสุขวันหน้า
5 เม.ย. 68 - อย่าหลงสุขวันนี้จนละทิ้งสุขวันหน้า : ถ้าเราสามารถทำให้การอดทนอดกลั้นต่อความสุขชั่วคราว ความสุขเฉพาะหน้า มันไม่ใช่ความอดทน กล้ำกลืนฝืนทนอีกต่อไป แต่มันคือความสุข ถึงตอนนั้นมันก็ทำไปได้เอง ไม่ใช่ว่ายอมลำบากวันนี้เพื่อสบายวันหน้า ใหม่ๆ จะรู้สึกแบบนั้น ต้องยอมลำบากวันนี้ เพื่อสบายวันหน้า แต่ต่อไป มันไม่ใช่ลำบากวันนี้แล้ว เพราะว่าสิ่งที่ทำในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย การเรียนหนังสือ การค้นคว้าหาความรู้ การใช้เงินอย่างอดออม หรือการปฏิบัติธรรม ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง เป็นความสุขแบบเรียบๆ ซึ่งมันช่วยหล่อเลี้ยงใจให้สามารถทำสิ่งเหล่านั้นไปได้เรื่อยๆ อย่างมีความหมาย ในทางตรงข้าม คนที่มีความสุขจากการกิน จากการจับจ่ายใช้สอย เพราะมือเติบ ไปถอยบัตรเครดิตมาหลายใบ หรือว่าเล่นเกม สุดท้ายไม่มีความสุข เพราะว่ามันสุขเท่าไหร่ก็ไม่พอสักที จ่ายเท่าไหร่ก็ไม่พอสักที แล้วก็มีความเครียดเหมือนคนจำนวนไม่น้อย แม้ว่าจะได้สิ่งปรนเปรอตามใจอยาก สุดท้ายก็ไม่มีความสุขเพราะเบื่อง่าย ความสุขจางคลายเร็ว แล้วก็ต้องดิ้นรนอยู่อย่างนั้น ต้องกลับไปหาความสุขที่มันแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วทำให้ชีวิตตกต่ำย่ำแย่ ฉะนั้น พวกเราต้องพยายามใช้เหตุผล หรือว่าปัญญา ในการเลือก อะไรที่มันเป็นความสุขเฉพาะหน้า แต่ว่าทุกข์ในวันหลัง เราต้องฉลาดพอที่จะอดกลั้นที่จะไม่หลงใหลเพลิดเพลินไปกับสิ่งนั้น เพื่อที่เราจะได้มีความสุขในวันหน้า แล้วต่อไป ถ้าเรามีสติมีปัญญา สิ่งที่เราอดกลั้น มันก็ไม่ใช่เป็นความลำบากอีกต่อไป มันก็จะกลายเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่หล่อเลี้ยงใจ
Sun, 25 May 2025 - 28min - 1195 - 25680404pm--ทุกข์เพราะหลงสิ่งที่ไม่จริง
4 เม.ย. 68 - ทุกข์เพราะหลงสิ่งที่ไม่จริง : ถ้าเรารู้ว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจมันเกิดจากการปรุงแต่ง เกิดจากการสร้างภาพ เกิดจากมายา สติช่วยทำให้เห็นว่าอันนี้มันเป็นของไม่จริง แม้กระทั่งตัวกู กูเดิน กูโกรธ กูโมโห กูเศร้า กูเกลียด พวกนี้ล้วนแต่ไม่จริง เพราะมันไม่มีตัวกูตั้งแต่แรก แต่ไปสร้างขึ้นมา การปฏิบัติธรรม คือการที่พาให้เรามาอยู่กับความจริง แล้วก็ยอมรับความจริง ความจริงที่ว่านอกจากหมายถึงการไม่มีกู ไม่มีของกูแล้ว ยังรวมถึงว่าทุกอย่างมันก็ไม่เที่ยง มันก็เป็นทุกข์ แต่พอเราไปยึดมั่นสำคัญหมายว่ามันเที่ยง ยึดมั่นสำคัญหมายว่าเป็นสุข ร่างกายนี้เราหมายมั่นคาดหวังว่าให้มันให้ความสุขกับเรา เราก็ยิ่งหลงยึดมันเข้าไปใหญ่ อันนี้ก็เรียกว่ายึดเพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจความจริง แต่ถ้าเราเข้าใจความจริง มันก็ปล่อย มันก็วาง มันก็ไม่ปรุง มันหยุดปรุง แล้วมันก็หยุดยึดหยุดถือ ตรงนั้นแหละที่ทำให้จิตอิสระ พอจิตไม่ยึด ไม่ถือ ไม่หลง มันก็เกิดความอิสระ เกิดความปกติสุขขึ้นมา เพราะฉะนั้นให้กลับมาอยู่กับความจริง ให้กลับมาเรียนรู้ความจริง แล้วก็มารู้เท่าทันความไม่จริง หรือสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมาในใจเรา ให้รู้ละเอียด รู้อย่างรวดเร็วฉับไว เพื่อไม่ให้ความหลงมันครอบงำใจ
Sat, 24 May 2025 - 26min - 1194 - 25680403pm--สุขเพราะปรุง ทุกข์เพราะแต่ง
3 เม.ย. 68 - สุขเพราะปรุง ทุกข์เพราะแต่ง : การปฏิบัติธรรม เราต้องมองให้เห็นถึงตัวปรุงแต่งที่มันเกิดขึ้น ไม่ว่าบวกหรือลบ เห็นถึงการให้คะแนนว่าให้คะแนนยอด ให้คะแนนเยี่ยม หรือให้คะแนนแย่ ใจเรามันมีการปรุงแต่งอย่างนี้อยู่เสมอ ซึ่งก็เป็นตัวการที่ทำให้สุขหรือทุกข์ ถ้าสุขก็เพราะปรุงแต่งในทางบวก ก็เหมือนกับหมาที่มันแทะกระดูกแล้วมันอร่อย ก็เพราะว่ารสชาติของน้ำลายจากปากของมัน ไม่ใช่เป็นเพราะรสชาติของกระดูก สิ่งที่เสพไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกของเราที่มีต่อสิ่งนั้น ไม่สำคัญเท่ากับการปรุงแต่งที่มีต่อสิ่งนั้น อาหารที่อร่อยไม่ได้อยู่ที่เครื่องปรุงมากเท่ากับการปรุงแต่งในใจเรา แล้วมองให้เห็น มองให้เห็น มันก็จะรู้ว่าทุกข์ก็เหมือนกัน ทุกข์มันก็เกิดเพราะการปรุงแต่ง ในใจเรา ไม่ใช่เป็นเพราะว่าสิ่งที่ประสบ สิ่งที่เสพ สิ่งที่เจอ อันนั้นยังไม่สำคัญเท่ากับการปรุงแต่งในใจเรา เป็นเพราะปรุงแต่งในทางลบ ให้ค่าในทางลบ หรือว่าเป็นเพราะว่ามันไม่ตรงกับความคาดหวัง นี้ถ้ามองไปลึก ๆ มันจะพบว่ามันมีปรุงแต่งอีกตัวหนึ่งซึ่งก็เป็นเรื่องใหญ่ ก็คือการปรุงแต่งตัวกูขึ้นมา เป็นผู้สุข ผู้ทุกข์ เป็นผู้เสพ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง
Fri, 23 May 2025 - 26min - 1193 - 25680402pm--กับดักของผู้ใฝ่ธรรม
2 เม.ย. 68 - กับดักของผู้ใฝ่ธรรม : ติดดีหรือคาดหวังให้คนอื่นดีเหมือนตัวก็ดี หรือคาดหวังให้ตัวเองดีตามมาตรฐาน ลึกๆ ก็เป็นเรื่องของตัวกูทั้งนั้นแหละ ซึ่งมีกิเลสคือมานะอยู่เบื้องหลัง มานะก็คือความถือตัวถือตน ไม่ได้แปลว่าความเพียรพยายาม เดี๋ยวนี้เรามักจะแปลคำว่ามานะคือความพยายาม แต่ความจริงมานะเป็นกิเลสตัวหนึ่ง สําคัญมาก ความยึดติดในตัวกูของกู อยากให้ใครๆ ดีเหมือนกู หรืออยากให้กูเป็นที่เชิดหน้าชูตา โดดเด่น อยู่ในสายตาของคนอื่น หรือทําให้ตัวกูเป็นที่ยอมรับในสายตาของคนอื่น หรือว่าให้ใครๆ ดีในแบบของกู พวกนี้ก็ล้วนแต่เป็นกับดักของนักปฏิบัติธรรม แม้ว่าจะขยันให้ทาน ขยันทําบุญ หรือว่ารักษาศีล หรือแม้แต่เจริญภาวนา แต่ถ้ามองไม่ทะลุ ไม่เห็นถึงการชักใยของตัวกูหรือมานะ ก็ทําให้ความติดดียากที่จะหายไปได้ มีแต่จะหนาแน่น แล้วก็คาดหวังต่างๆ คาดหวังผู้อื่น คาดหวังตัวเอง โดยที่ไม่ยอมรับความจริงอย่างที่มันเป็น สุดท้ายก็ทําให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับผู้อื่น และความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับตัวเอง ไม่ซื่อตรงต่อตัวเอง ไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง สุดท้ายก็กลายเป็นคนที่หลอกตัวเอง พอหลอกตัวเองได้ก็หลอกคนอื่น กลายเป็นว่าแทนที่จะมั่นคงอยู่ในความดี กลับกลายเป็นไม่ดีไปเพราะว่าต้องคอยสร้างภาพอยู่เสมอ สร้างภาพให้คนอื่นเห็น หรือหนักกว่านั้นคือสร้างภาพให้ตัวเองยอมรับและหลงเชื่อ เรียกว่า ยิ่งติดดีก็ยิ่งคลาดเคลื่อนจากความดีมากเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้นต้องระวัง ต้องรู้เท่าทันกับดักนี้ให้ได้
Thu, 22 May 2025 - 25min - 1192 - 25680401pm--แผ่นดินไหวคือสัญญาณเตือนภัย
1 เม.ย. 68 - แผ่นดินไหวคือสัญญาณเตือนภัย : เหตุการณ์ครั้งนี้ก็เกิดขึ้นกับคนพม่า ไม่ใช่เรา หรือคนไทยส่วนใหญ่ แต่ใครจะไปรู้ วันหน้าอาจจะเกิดขึ้นกับเรา อาจจะไม่ใช่กับคนไทยส่วนใหญ่ก็ได้ แต่อาจจะเกิดขึ้นกับเราคนเดียวก็ได้ หรือว่าคนที่เรารัก ฉะนั้น ต้องมองว่านี่คือสัญญาณเตือนภัย เป็นเทวทูตอย่างหนึ่ง ก็ต้องเตรียม ทั้งเตรียมตัวและเตรียมใจ เตรียมตัว เตรียมการ รับมือกับน้ำท่วม ไฟไหม้ แผ่นดินไหว หรือว่าแก๊สระเบิด รถตกคู อันนี้ก็ต้องศึกษาเอาไว้ ว่าจะป้องกันอย่างไร และจะรับมืออย่างไร เพื่อไม่ให้สูญเสียชีวิต หรือสูญเสียทรัพย์สมบัติ เมื่อเกิดเหตุการณ์นั้น แต่เมื่อถึงคราวที่จะต้องตายจริงๆ ก็ต้องทำใจได้เหมือนกัน เพราะว่าเรื่องแบบนี้มันไม่อยู่ในอำนาจของเรา มันเป็นสิ่งที่ต้องเตรียม ทั้งเตรียมตัวและเตรียมใจเสมอ และนี่คือสิ่งที่เราควรจะได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ด้วย ไม่ใช่แค่การเข้มงวดกับการสร้างตึก สร้างอาคาร หรือว่าการมีกฎระเบียบที่มันเข้มงวด แล้วก็ปลอดภัย รวมถึงการปรับปรุงระบบแจ้งเตือนภัย หรือการช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยเท่านั้น เราแต่ละคนก็ต้องเตรียมใจ หรือเตรียมการเพื่อรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิดด้วย
Wed, 21 May 2025 - 22min - 1191 - 25680323pm-ดีหรือร้ายอยู่ที่ใจเรา
23 มี.ค. 68 - ดีหรือร้ายอยู่ที่ใจเรา : ถ้าเราจะมองเหตุการณ์ ก็ขอให้มองอย่างคนที่สอง เวลาเจออุปสรรค เวลาเจอปัญหาแทนที่จะบ่นว่าโชคไม่ดี ๆ ให้มองว่า โอ้ นี่เราโชคดี มีแบบฝึกหัดมาฝึกให้เราเข้มแข็ง ฉะนั้นเวลาเจอคนเขานินทาต่อว่าเรา ถ้ามองไม่เป็นก็ทุกข์ที่เขาว่าเรา แต่ถ้ามองเป็นเรียกว่ามองบวกก็จะเห็นว่า เออ เรารู้ว่าเราจะต้องแก้ไขอะไร ถือว่าได้ประโยชน์ ถือว่าได้คำแนะนำ มันอยู่ที่การมอง เด็กสองคนยืนอยู่ใกล้ ๆ กันตอนเช้า ยืนอยู่ข้าง ๆ ใกล้ ๆ กัน คนหนึ่งนี่สดชื่นแจ่มใส อีกคนหนึ่งหม่นหมอง แปลกนะอยู่ใกล้กันมองไปข้างหน้าเหมือนกัน แต่ทำไมความรู้สึกไม่เหมือนกัน ถามคนแรกว่าทำไมสดชื่น แจ่มใส เขาบอกว่าเห็นท้องฟ้าสวยงาม แสงเงินแสงทองแต่งแต้มท้องฟ้าสวยงาม เห็นแล้วสบายใจ ถามคนที่สองทำไมห่อเหี่ยว เขาบอกว่าเห็นถนน มันเป็นหลุมเป็นบ่อ เฉอะแฉะ มีขยะอยู่ข้างทางเต็มไปหมดเลย คนหนึ่งเห็นท้องฟ้าอยู่ข้างหน้า แต่คนหนึ่งเห็นถนนที่เฉอะแฉะ ถ้าเราเห็นท้องฟ้าเราก็สดชื่น เบิกบาน แต่ถ้าเราเห็นถนนเฉอะแฉะเราก็จิตใจหม่นหมอง เราเลือกได้ว่าจะมองฟ้าหรือมองถนน เหมือนกับเด็กผู้ชายก็เห็นว่าโชคร้ายที่น้ำปลาหายไปครึ่งหนึ่ง แต่น้องสาวบอกโชคดีที่คว้าได้ทัน มีน้ำปลาเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง เวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่เรื่อย ๆ แต่เราจะสุขหรือจะทุกข์อยู่ที่มุมมองของเรา เรียกว่ามองลบหรือมองบวก บางทีเราเข้าแถวตักอาหาร เราไม่ได้ไก่ทอด ข้างหน้าเขาตักไก่ทอดไปก่อนแล้ว เป็นไก่ทอดชิ้นสุดท้ายด้วย เสียใจอดกินไก่ทอด แต่คนหนึ่งเขาบอกว่า เออ มีหมูย่าง ถึงไม่มีไก่ทอดแต่ว่ามีหมูย่าง จะเสียใจไปทำไม คนหนึ่งคิดแต่ว่า ฉันไม่ได้ไก่ทอด ๆ เพราะว่าคนข้างหน้าเขาตักไปแล้ว แต่อีกคนหนึ่งบอกว่า ฉันมีหมูย่าง ไม่สนใจถึงแม้จะไม่มีไก่ทอดแต่มีหมูย่าง คนแรกก็จะทุกข์ เสียใจโกรธเพื่อนว่า ทำไมตักเอาไก่ทอดไป แต่คนที่สองเขาไม่ทุกข์เลยเพราะว่าเขาเห็นหมูย่าง อยู่ที่มุมมอง ถ้ามองไม่เป็นก็ทุกข์ แต่ถ้ามองเป็นก็ยิ้มได้สบายมาก อยู่ที่ใจ
Tue, 20 May 2025 - 33min - 1190 - 25680322pm--อย่าหลงเชื่อเหตุผลไปเสียหมด
22 มี.ค. 68 - อย่าหลงเชื่อเหตุผลไปเสียหมด : การที่เรามีสติมันช่วยให้เราไม่หลงเชื่อความคิด ไม่หลงเชื่อเหตุผลอะไรง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลหรือความคิดที่กิเลสปรุงแต่งขึ้นมา หรือว่าเป็นเพราะสมองมันทำของมันขึ้นมาเอง ฉะนั้นการรู้จักไตร่ตรองใคร่ครวญไม่หลงเชื่อเหตุผลก็สำคัญ คนเราอย่าไปคิดว่ามีเหตุผลนี่ดีเสมอไป เพราะเหตุผลบางอย่างก็ไม่ถูกต้องเหมือนกัน การที่เรามีสติมันช่วยให้เราใคร่ครวญ อะไรที่เราทำโดยที่ไม่รู้ตัว เราก็ยอมรับว่าทำโดยไม่รู้ตัว เพราะเผลอไป อะไรที่เราทำไม่ได้ ก็ไม่อ้างว่าเป็นเพราะองุ่นเปรี้ยว แต่เป็นเพราะว่าเราไม่มีความเพียรพยายามเพียงพอ อันนี้มันทำให้เราเกิดอาการที่เรียกว่า ซื่อตรงต่อตัวเอง แต่คนเราการที่จะซื่อตรงต่อตัวเองมันก็ยาก เพราะว่าความติดดี อยากจะให้ใครยอมรับ หรืออยากจะให้ตัวเองรู้สึกดี จะบอกว่า ฉันล้มเหลว ฉันเลิกเพียรพยายามเพราะว่าขี้เกียจ บางทีเราก็ยอมรับไม่ได้ เราก็เลยอ้างว่าเป็นเพราะองุ่นมันเปรี้ยว ก็เลยไม่อยากจะเสียเวลากับมัน แต่ที่จริงไม่ใช่หรอก เป็นเพราะไม่มีความเพียรมากพอมากกว่า การที่คนเราจะยอมรับว่า ฉันไม่มีความเพียรมากพอ มันยากเพราะมีอัตตา ความติดดี อีโก้ มันทำให้เรายอมรับความจริงอันนี้ไม่ได้ เราก็เลยไปสรรหาเหตุผลอ้างเป็นเพราะว่าที่ไม่ทำ ที่ไม่ไปกระโดดงับองุ่นเพราะองุ่นมันเปรี้ยว เสียเวลา อันนี้จะเรียกว่าเป็นเพราะการติดดีก็ได้ที่ทำให้มีเหตุผลอย่างนั้นขึ้นมา
Mon, 19 May 2025 - 27min - 1189 - 25680321pm--อย่าดูแคลน ความหลงลืมในใจตน
21 มี.ค. 68 - อย่าดูแคลน ความหลงลืมในใจตน : คนที่ดูถูกคนเมา หาว่าโง่ สุดท้ายตัวเองก็กินเหล้าจนเมา ไม่ใช่เมาอย่างเดียว ติดเหล้า เป็นโรคสุรารื้อรัง ตายเพราะเหล้าก็มีเยอะ อันนี้เรียกว่าเพราะประมาทเหมือนกัน ประมาทว่าคนอย่างกูไม่มีทางที่จะเมาเหล้าจนเหมือนหมาหรอก นั่นมันคนอื่นแต่ไม่ใช่กู สุดท้ายก็ลืมไปว่าเคยปรามาสใครเอาไว้ แล้วก็กลายเป็นขี้เมาหยำเป ถึงบอกว่า อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา เพราะถ้าไปว่าเขาแล้วเดี๋ยวก็อาจจะเป็นเสียเอง คนที่ไม่ประมาท เขาก็จะไม่ต่อว่าใครง่ายๆ เพราะเขารู้ว่าเราเองก็อาจจะเป็นอย่างนั้นได้เหมือนกัน ถ้าเราประมาท เห็นคนติดยาติดการพนัน ก็ไม่ได้ไปดูถูกเขา เพราะว่าวันดีคืนดีตัวเองก็อาจจะเป็นอย่างนั้นได้เหมือนกัน พระที่เคร่งวินัย ดูถูกหรือต่อว่าคนกินเหล้าว่าแค่ศีล 5 ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปทำอะไร แต่สุดท้ายพอสึกออกไป กลายเป็นคนติดเหล้าเมาหยำเป จนกระทั่งไม่มีใครคบ ไม่มีใครหา ไม่มีใครว่าจ้าง ต้องไปคุ้ยหาของในขยะไปขาย เพราะว่าทำอะไรก็ไม่ได้ เอาเงินไปทำอะไร ไปกินเหล้า สุดท้ายก็โดนรถชนตาย จากพระที่เป็นผู้ที่เคร่งในวินัย กลายเป็นขี้เหล้าเมาหยำเปก็มี อันนี้เรียกว่าคนเราถ้าหากว่าไม่ระมัดระวัง ขาดสติ ตั้งอยู่ในความประมาท ที่เคยเห็นว่าถูกต้องดีงาม มันลืมหมด สุดท้ายก็ลืมตัว พอลืมตัวแล้วก็พลาดท่าเสียที เพราะฉะนั้นอย่าประมาทความสามารถในการหลงลืมของคนเรา ลืมของยังไม่เท่าไหร่ แต่ลืมตัวนี่หนักมาก แล้วคนที่ไม่ประมาทเขาก็จะใส่ใจการฝึกฝน ไม่เปิดช่องให้กิเลสเข้ามาครอบงำได้ง่ายๆ
Sun, 18 May 2025 - 24min - 1188 - 25680320pm--มีสติเมื่อใด ใจไม่ก่อทุกข์
30 มี.ค. 68 - มีสติเมื่อใด ใจไม่ก่อทุกข์ : หากว่าเราเข้าใจ สามารถที่จะเจริญสติให้งอกงามขึ้นมาในใจ ก็จะเห็นเลยว่าสุขหรือทุกข์มันไม่ได้อยู่ที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา แต่มันอยู่ที่ว่าเราปฏิบัติอย่างไรต่อสิ่งนั้น แค่รู้เฉย ๆ หรือว่าไปปรุงแต่งให้ค่า เผลอปรุงแต่งให้ค่าเกิดอารมณ์ขึ้นมาแล้วก็ยังมีโอกาสที่จะรู้เฉย ๆ หรือว่าเข้าไปยึดอารมณ์นั้น ฉะนั้นถ้าเราปฏิบัติแล้วเราไม่เห็นตรงนี้ มันก็น่าเสียดาย แต่ว่ามันก็ยังไม่สายที่เราจะปฏิบัติจนถึงจุดนั้นได้ แล้วเราก็จะเข้าใจว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะทั้งนั้น อย่างที่ท่านหลวงพ่อชาได้พูดไว้ ผู้ใดมีสติทุกเวลาผู้นั้นย่อมได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าตลอดเวลา
Sat, 17 May 2025 - 22min - 1187 - 25680319pm--สิ่งดีๆที่ได้ระหว่างทาง
19 มี.ค. 68 - สิ่งดีๆที่ได้ระหว่างทาง : เพราะไปเชื่อใจ ไปเชื่อใจว่ามันใช่เเน่ จริงๆ มันไม่ใช่หรอก ใจเรามันเปลี่ยนแปลงได้ง่าย แล้วเราก็เห็นได้ง่ายจากการปฎิบัตินี่แหละ แล้วเราจะรู้ต่อไปนะว่า ใจไม่ใช่ของเรา ใจไม่ใช่เรา ใจไม่ใช่ของเรา แต่ก่อนคิดว่าใจเป็นเรา เป็นของเรา ความคิดเป็นเรา เป็นของเรา ไม่ใช่ ไม่มีอะไรที่จะเป็นเราเป็นของเราเลย นี่ก็เป็นความรู้นะ เพราะฉะนั้นถึงเเม้เราจะยังไม่ได้บรรลุถึงเป้าหมายที่ต้องการในการมาที่นี่ แต่ว่าระหว่างทางก่อนที่จะถึงเป้าหมาย มันมีอะไรดีๆ ให้กับเรามากมาย มันฝึกอะไรเราได้เยอะเลยนะ เเละก็มีความสำคัญด้วย ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับสิ่งต่างๆ ด้วยใจที่เป็นกลาง การรู้จักมองในสิ่งต่างๆ ว่ามันมีข้อดี ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราดีทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นหรือเปล่า แล้วก็ได้เรียนรู้ใจของเรานะว่า มันมีอะไรให้เรียนรู้เยอะเลย เเม้ว่าจะหัวหกก้นขวิดระหว่างปฎิบัติ เเม้จะมีความฟุ้งซ่านหงุดหงิด เเต่นั่นก็ให้อะไรดีๆ กับเราเยอะเลย
Fri, 16 May 2025 - 23min - 1186 - 25680316pm--เติมเต็มใจให้หายพร่อง
16 มี.ค. 68 - เติมเต็มใจให้หายพร่อง : อย่าไปรังเกียจความคิดฟุ้งซ่าน ความหลง อะไรที่เกิดขึ้นกับเรา จะดีหรือแย่อยู่ที่เรา ความคิดฟุ้งซ่านความหลงเกิดขึ้น ถ้าเอามาใช้ฝึกสติ มันก็เป็นของดี แต่ถ้าปล่อยให้มันครองจิตครองใจจนหลงจนทุกข์ อันนี้ก็ไม่ดี แต่ทุกข์แล้วก็ยังจะดีขึ้นได้ถ้าหากว่าเห็นทุกข์ เห็นทุกข์แต่ไม่เป็นทุกข์ ความทุกข์นี้พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นความจริงอันประเสริฐ แต่มันจะประเสริฐได้ก็ต่อเมื่อเราเห็นมัน ถ้าเราเห็นความทุกข์ มันจะกลายเป็นความจริงอันประเสริฐ แต่ถ้าไม่เห็นมัน คือ เข้าไปเป็นมัน มันก็ไม่ใช่ความจริงอันประเสริฐ มันกลับจะทำให้เราเป็นทุกข์หนักขึ้น และมันเกิดขึ้น ก็ดี ถ้าหากรู้ ฉะนั้นอย่าไปคิดว่าปฏิบัติแล้วมันต้องไม่คิด มันต้องไม่หงุดหงิด มันต้องไม่ว้าวุ่น แม้หงุดหงิดแต่รู้ ก็ดีกว่าไม่หงุดหงิดโดยที่ไม่รู้ มีความฟุ้งเกิดขึ้น ก็ดี ถ้ารู้ ดีกว่าสงบแต่ไม่รู้ รู้เป็นสิ่งที่ดี แล้วจะรู้ได้ก็ต้องมีความคิดฟุ้งซ่าน มีอารมณ์ต่างๆ มาฝึก เป็นแบบฝึกหัดให้สติรู้ ใหม่ๆ รู้ช้า คิดไป 10 เรื่องถึงค่อยรู้ตัวหรือรู้ว่าเผลอคิดไป แต่ต่อไปมันจะรู้ได้เร็วขึ้น รู้ได้เร็วขึ้น แล้วกลับมาได้เร็ว กลับมาได้เร็ว การปฏิบัติ เราไม่สนใจว่ามันจะไปไหน แต่เราจะพยายามฝึกให้มันกลับมา ไปไม่ว่า ให้กลับมาไวๆ กลับมาไวๆ กลับมาที่ไหน กลับมาที่กาย กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว แล้วรู้สึกตัว ทำอย่างนี้เรื่อยๆ มันจะเป็นการเติมความรู้สึกตัวให้กับใจ เมื่อเติมเรื่อยๆ เติมเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง มันก็จะรู้สึกเติมเต็มขึ้นมา จิตใจเราได้รับการเติมเต็มแล้วทีละเล็กทีละน้อย ความพร่องก็จะค่อยๆ ลดลง พอความรู้สึกตัวเติมเต็มจิตใจเรา เราจะรู้สึกมั่นคงสงบนิ่งได้ ไม่ว้าวุ่น ไม่แส่ส่าย แล้วถ้าใจเราได้รับการเติมเต็ม ขาดความพร่อง ความสุขความสงบก็จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา
Thu, 15 May 2025 - 23min - 1185 - 25680315pm--สรรเสริญนินทา เป็นธรรมดาโลก
15 มี.ค. 68 - สรรเสริญนินทา เป็นธรรมดาโลก : ถ้าเรารู้ว่าใจเราเอาแน่เอานอนไม่ได้ เราก็จะไม่พลีผลามเชื่อใจของเรา เวลาชอบก็ไม่ใช่ว่าจะโจนเข้าไปหาสิ่งที่ชอบ เวลาไม่ชอบอะไรก็ไม่ใช่ว่าจะผลักไสถอยห่างสิ่งเหล่านั้น ก็ดูมันไป เพราะฉะนั้น ถ้าเราเห็นความไม่แน่นอนของใจ โดยเฉพาะความชอบความไม่ชอบ เราก็รู้ว่าเชื่อมันมากไม่ได้ อย่างที่หลวงพ่อชาท่านก็สอนลูกศิษย์ว่า ใจเราอย่าไปเชื่อมันนะ เชื่อไม่ได้ แต่ถึงแม้มันแปรเปลี่ยนไป เราก็ไม่ต้องทุกข์กับมัน ก็แค่ดูมันไปเรื่อยๆ ดูมันขึ้นดูมันลง ดูมันดีใจดูมันเสียใจ ไม่หลงเชื่อมันง่ายๆ อันนี้ก็ทำให้เราได้รู้จักตัวเองได้ดีขึ้น รู้จักใจของเรา ความชอบใจความไม่ชอบใจของคนอื่น เราก็รับรู้ว่ามันเป็นธรรมดา ไม่ปล่อยใจให้เคลิบเคลิ้มเมื่อคนชม ไม่ปล่อยใจจมดิ่งอยู่ในความทุกข์เมื่อมีคนตำหนิ เพราะเรารู้ว่าทำอะไรก็ตาม แม้จะดีแค่ไหน ก็มีคนไม่พอใจอยู่นั่นเอง หรือแม้แต่ทำแย่ๆ มันก็ยังมีคนที่สรรเสริญเรา พอใจ เอานิยามไม่ได้ว่า สิ่งที่เราทำ ถ้ามีคนพอใจ แสดงว่าดี สิ่งที่เราทำ ถ้ามีคนไม่พอใจ แสดงว่าไม่ดี อันนั้นก็ไม่ใช่ เอาความรู้จักแยกแยะ มีวิจารณญาณ ไม่หวั่นไหว ใจกระเพื่อมไปกับเสียงสรรเสริญนินทา ขณะเดียวกัน ความพอใจความไม่พอใจที่เกิดขึ้นในใจ ก็แค่ดูมันเฉยๆ เห็นมัน หาประโยชน์จากมันให้ได้ ถ้าเรารู้จักหาประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา แม้แต่คำต่อว่าด่าทอก็มีประโยชน์ เป็นขุมทรัพย์ที่ให้บทเรียนกับเรา แม้แต่ถูกด่าก็ยังเห็นสัจธรรม อันนี้หลวงพ่อคำเขียนเคยสอนเอาไว้ ใจที่ขึ้นที่ลงก็เหมือนกันนะ มันก็สอนอะไรเรามากมาย ให้เห็นว่าใจมันไม่เที่ยง ไม่ใช่ของเราเลย คุมไม่ได้ และสิ่งนี้จะทำให้เราเกิดปัญญา เมื่อเจอความไม่เที่ยง ไม่ว่าสรรเสริญหรือนินทา ไม่ว่าชอบใจหรือไม่ชอบใจ ได้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้าวางใจไม่เป็น ก็ทุกข์ หรือไม่ก็พลาดท่าเสียทีกิเลสได้
Wed, 14 May 2025 - 24min - 1184 - 25680313pm--ทำอะไร เจออะไร ก็เป็นธรรมTue, 13 May 2025 - 22min
- 1183 - 25680308pm--รู้กายรู้ใจจนไกลทุกข์
8 มี.ค. 68 - รู้กายรู้ใจจนไกลทุกข์ : เพียงแค่เราเริ่มต้นจากการดูกายดูใจ แล้วขยับไปเป็นการดูเวทนา ต่อไปมันก็จะเห็นธรรม แล้วก็จะทำให้ออกจากทุกข์ได้เร็วขึ้น จากเดิมที่ปล่อยวางอารมณ์ต่างๆ ที่เป็นลบ เมื่อมีการกระทบ ต่อไปก็จะสามารถรับมือกับสิ่งที่มากระทบ ไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส รูปกระทบตา ก็สักแต่ว่าเห็น เสียงกระทบหู ก็สักแต่ว่าได้ยิน ไม่ยึดติด ไม่ผลักไส แล้วก็ไม่ไขว่คว้า และต่อไป แม้กระทั่งสิ่งที่มันเคยให้ความสุขกับเรา เงินทองทรัพย์สมบัติ คนรัก ก็ไม่ยึด เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ฉะนั้นการภาวนาสำคัญมาก แม้ทำบุญรักษาศีล หรือหมั่นมาทำวัตร ใส่บาตร มันก็ดีแต่ว่าต้องไม่ทิ้งการภาวนา โดยเฉพาะพวกเราที่เป็นนักปฏิบัติ หรือเรียกตัวเองว่าเป็นนักปฏิบัติ จะทิ้งการภาวนาไม่ได้ และการภาวนาที่เป็นหัวใจก็คือสติปัฏฐาน 4 หรือการเจริญสติ
Mon, 12 May 2025 - 24min - 1182 - 25680307pm--ในดีมีเสีย
7 มี.ค. 68 - ในดีมีเสีย : ถ้าเราไม่อยากแบกรับภาระมาก ก็ไม่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมาก พระพุทธเจ้าจึงสอนพระให้มีบริขารน้อยๆ มีบริขารน้อยๆ จะได้ไม่เป็นภาระมาก และจะได้ไม่ยึดติดกับบริขาร ถึงจะมีก็ต้องรู้ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทว่า นอกจากมันจะทำให้เกิดภาระมากขึ้นแล้ว มันก็ยังมีโทษ เพราะว่าพอไปยึดติดกับสิ่งนั้น แล้วพอมันเสื่อมสลายหายไป ก็ทุกข์ ถ้าไม่อยากทุกข์เพราะการเสื่อมสลาย ก็มีให้น้อยๆ และถ้าจะมี ก็มีด้วยความไม่ประมาท เข้าใจว่า สิ่งที่มีมันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ ความสะดวกสบายที่ได้รับ มันตามไปด้วยภาระ แล้วก่อโทษ เพราะฉะนั้นก็ต้องรู้จักใช้อย่างมีสติ ท่านเรียกว่ามีมนสิการ มีปัญญาเข้าใจธรรมชาติของสิ่งเหล่านี้ เพราะโลกนี้ทุกอย่างมันมาเป็นเป็นแพ็กเกจ มันมา มันพ่วงติดกัน อันนี้ก็ไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่ดี สิ่งที่ไม่ดีก็เหมือนกัน สิ่งที่ไม่ดีมันก็พ่วงเอาสิ่งดีๆ มาด้วย อย่าไปคิดว่าสิ่งที่ไม่ดีมันพ่วงหรือตามมาด้วยโทษ สิ่งที่เป็นโทษมันก็พ่วงสิ่งที่ดีเข้ามาด้วย ในทุกข์มันก็มีสุข ความยากลำบากนี้มันก็มีสิ่งดีๆ พ่วงติดมาด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเวลาใครเจอความยากลำบากนี้ก็อย่าไปตีอกชกหัว เพราะว่ามันก็นำสิ่งดีๆ มาให้กับเรา เหมือนกับที่หลายคนพบว่าความเจ็บป่วย โรคมะเร็งก็สามารถจะนำสิ่งดีๆ มาให้กับชีวิตได้หลายอย่าง อยู่ที่ว่าจะมองเห็นหรือเปล่า
Sun, 11 May 2025 - 20min - 1181 - 25680306pm--มองท้องฟ้าเห็นธรรม
6 มี.ค. 68 - มองท้องฟ้าเห็นธรรม : สิ่งที่มันผ่านเข้ามาในชีวิตเรา มันก็มีทั้ง 2 อย่าง สิ่งที่ย่ำแย่เหมือนลูกกรง กับสิ่งที่ดีงามเหมือนกับท้องฟ้าที่สว่างไสว การที่เราเห็นทั้ง 2 อย่างเป็นเรื่องดี แต่ถ้าหากว่าเราไปติด หรือมองลบก็จะเห็นแต่ลูกกรง แล้วก็จะมีความทุกข์มากว่า ฉันติดคุกนี่ ฉันไม่มีอิสระ ไปไหนมาไหนไม่ได้ ตีอกชกหัว แต่อีกคนหนึ่งไม่ยอมให้ลูกกรงนี้มาขวาง มาปิดบังความงดงามของท้องฟ้า ฉะนั้นเวลาเขาวาดรูป ก็วาดท้องฟ้าที่สวยงามโดยไม่มีลูกกรงเลย อันนี้มันเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ว่า เราจะเลือกมองเห็นแต่ลูกกรง หรือเราเลือกที่จะมองเห็นท้องฟ้า บางคนเดี๋ยวนี้มองเห็นแต่ลูกกรง ทั้งที่มองเลยไปหน่อยก็จะเห็นท้องฟ้า แต่มองไม่เห็นท้องฟ้า ฉะนั้นต้องฝึกใจของเราให้รู้จักมอง มองให้ทะลุลูกกรงออกไปจนเห็นท้องฟ้า และถ้ามองเห็นไปถึงขั้นว่า ท้องฟ้าก็สอนเราให้รู้จักวางใจเป็นกลางต่อความคิด อารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เหมือนกับท้องฟ้านี้อนุญาตให้เมฆนานาชนิดเกิดขึ้นได้ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรกับเมฆเหล่านั้น เพราะรู้ว่าไม่นานเมฆก็จางหายไป และท้องฟ้าก็ยังเป็นท้องฟ้าเหมือนเดิม อันนี้เรียกว่ารู้จักทำใจให้สงบ โปร่งเบา หรือยิ่งกว่านั้นก็คือ เห็นท้องฟ้าแล้วก็นึกถึงสัจธรรมความจริงว่าอะไร ๆ ต่าง ๆ ก็ล้วนแต่เชื่อมโยงสัมพันธ์กัน เมฆกลายเป็นดอกไม้ กลายเป็นอาหารที่เรากิน แล้วกลายเป็นน้ำที่เราดื่ม อันนี้เรียกว่าเกิดปัญญาขึ้นมา ไม่ใช่แค่จิตใจสว่าง โปร่งโล่ง ซึ่งจัดอยู่ว่าเป็นเรื่องของสมถะ แต่ยังเห็นสัจธรรมความจริง เกิดปัญญาขึ้นมาซึ่งเป็นเรื่องของวิปัสสนา ฉะนั้นท้องฟ้านี่สอนอะไรเราได้เยอะเลย ถ้าเรามองเป็น
Sat, 10 May 2025 - 19min - 1180 - 25680305pm--หาตัวช่วยเพื่อเสริมใจใฝ่ดี
5 มี.ค. 68 - หาตัวช่วยเพื่อเสริมใจใฝ่ดี : หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเดินกลับไปกลับมา หรือทำไมเวลายกมือสร้างจังหวะต้องหยุดสักนิดหน่อย แต่ละจังหวะๆ ต้องหยุดสักนิด แล้วก็ไปต่อ นี่เป็นตัวช่วย เพราะถ้าหากว่ายกมือสร้างจังหวะเป็นสายยาวเลย มันเปิดช่องให้ความหลงเล่นงานได้ เพราะว่าคนเราเวลาใจลอย หรือกำลังมันกับความคิด มันจะยกมือเป็นสายเลย ไม่มีหยุด การที่เราหยุดสักพักหนึ่ง มันทำให้ความคิดสะดุด พอความคิดสะดุด ตัวหลงก็พลอยสะดุดไปด้วย เปิดช่องให้ตัวรู้หรือสติเข้ามาทำงานแทน เพราะฉะนั้นการกลับไปกลับมา หรือว่าการยกมือสร้างจังหวะแล้วหยุด แต่ละจังหวะๆ มันช่วย หรือแม้แต่การทอดสายตา ทำไมไม่มองไกลๆ ทำไมต้องมองที่พื้น นี่ก็เป็นตัวช่วย ช่วยไม่ให้มันฟุ้ง แต่ถ้าเดินช้ามันก็ทำให้เครียดง่าย เราต้องรู้จัก เวลาเราเจริญกรรมฐาน หรือว่าเราจะทำสิ่งดีงามก็ตาม มันต้องมีตัวช่วยเสมอ โดยเฉพาะสำหรับผู้ฝึกใหม่ ต้องรู้จักหาตัวช่วย จะเป็นสถานที่ จะเป็นผู้คน เป็นสิ่งแวดล้อม เป็นวิถีชีวิต หรือกติกาที่สร้างขึ้นมาเอง พวกนี้เป็นตัวช่วยได้ เวลาเราฟุ้งๆ เราก็หาตัวช่วยที่ทำให้ใจมันไม่ฟุ้ง เวลาง่วง หาตัวช่วย ทำอย่างไร ก็เอาน้ำล้างหน้า หรือไม่ก็มองไปที่ท้องฟ้ากว้างๆ เห็นแสงสว่างก็ช่วยทำให้หายง่วงหายเครียดได้ พวกนี้เป็นตัวช่วยที่เราต้องรู้จัก มันจะเป็นกำลังให้กับตัวรู้ สามารถเอาชตัวหลงได้ เพราะฉะนั้นต้องรู้จักหาตัวช่วยให้กับตัวเอง ตัวช่วยสำหรับตัวรู้หรือตัวช่วยสำหรับใจใฝ่ดี ถ้ามันมีตัวช่วยอย่างนี้ มันก็ทำให้ใจเรามีพลัง มีความเข้มแข็ง เอาชกิเลส เอาชตัวหลงได้
Wed, 07 May 2025 - 28min - 1179 - 25680304pm--ออกจากคุกทางใจ
4 มี.ค. - ออกจากคุกทางใจ : คุกทางใจมีหลายอย่าง มีทั้งความเศร้าโศก ความเสียใจ ความรู้สึกผิด ความโกรธแค้นพยาบาท ความอาลัยอาวรณ์ แต่ทั้งหมดนี้มันต้องเริ่มต้นจากการเผชิญหน้ากับมัน ถ้าเรามีสติรู้จักวิชา “รู้ซื่อๆ” ดูมัน โดยไม่เผลอพลัดเข้าไปเป็นมัน หรือเข้าไปจมอยู่ในอารมณ์ มันก็ออกมาได้เหมือนกัน หรือเดี๋ยวนี้คุกที่ขังคน ขังใจคนจำนวนไม่น้อยคือความซึมเศร้า เป็นกันเยอะ เพราะว่าปล่อยใจให้ไปจมอยู่กับอารมณ์ต่างๆ หรือปล่อยใจให้ไปจมอยู่กับเหตุการณ์ในอดีตที่เจ็บปวด พอหลุดออกมาไม่ได้ก็กลายเป็นจมดิ่ง เกิดภาวะซึมเศร้าขึ้นมา ซึ่งก็เป็นภาวะที่สร้างความทุกข์ให้กับผู้คน ที่ยิ่งกว่าติดคุกเสียอีก ติดคุกที่มันก่อด้วยอิฐสร้างด้วยปูน ก็ยังไม่ร้ายเท่ากับติดคุกทางใจที่ว่า แต่ถ้าหากว่าสามารถเผชิญกับมันได้ ก็เป็นอิสระ อย่างที่ว่า หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีอารมณ์พวกนี้มันหนียาก โดยเฉพาะอารมณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับอดีตที่เจ็บปวด การที่คนเราสามารถจะหลุดจากอดีต กลับมาอยู่กับปัจจุบันได้ มันเป็นวิชาที่สำคัญมาก เพราะช่วยทำให้เรามีชีวิตเต็มร้อยอย่างแท้จริง ทุกวันนี้คนพูดถึงการมีชีวิตเต็มร้อย แต่ส่วนใหญ่หมายถึงการเที่ยว การสนุกสนานให้เต็มฟัดเต็มเหวี่ยง แต่จริงๆ แล้วการมีชีวิตเต็มร้อยคือการอยู่กับปัจจุบัน อยู่ด้วยความรู้สึกตัว ไม่หลงจมอยู่กับอดีต หรืออารมณ์ที่เจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นความโศกเศร้า ความรู้สึกผิด หรือว่าความโกรธแค้นพยาบาท ถ้ายังอยู่กับอารมณ์เหล่านี้ ยังจมอยู่กับอารมณ์เหล่านี้ ก็ยากที่จะบอกได้ว่าเป็นชีวิตที่เต็มร้อย จะเรียกว่ามีชีวิตจริงจังๆ ก็ยังไม่ได้เลย เพราะว่าเป็นชีวิตที่หลงจมอยู่กับอดีต ไม่ใช่กับปัจจุบัน
Tue, 06 May 2025 - 29min - 1178 - 25680303pm--สงบได้แม้ใจกระเพื่อม
3 มี.ค. 68 - สงบได้แม้ใจกระเพื่อม : อารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ ความโกรธ ความเครียด ความหงุดหงิด มันเกิดขึ้นแต่เห็นมัน ไม่เข้าไปยึด ไม่มีผู้โกรธ ไม่มีผู้โศกผู้เศร้า มันก็ไม่ทุกข์ อันนี้ต้องฝึกให้ได้แม้ว่าเรายังไม่สามารถทำให้จิตไม่หวั่นไหวใจไม่กระเพื่อมเวลามีการกระทบเกิดขึ้น คนธรรมดาก็ย่อมมีอาการกระเพื่อม เวลาเจอเสียงดัง เวลาเจอคนต่อว่าด่าทอ เวลาสูญเสียทรัพย์ เวลาเจ็บป่วย แต่พอมันกระเพื่อมแล้วก็เห็นมัน เห็นแล้วก็วาง เห็นแล้วก็ปล่อย มันก็สงบลง เป็นความสงบที่เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เพราะมีเสียงดังจากข้างนอกแต่เพราะมีอารมณ์ที่ไม่พอใจเกิดขึ้นข้างในก็ยังสงบได้ อันนี้คือความสงบที่เราควรจะรู้จัก
Mon, 05 May 2025 - 29min - 1177 - 25680302pm--เสียงในหัวคือตัวการก่อทุกข์
2 มี.ค. 68 - เสียงในหัวคือตัวการก่อทุกข์ : เวลาใครทำอะไรไม่ถูกใจก็มีเสียงในหัวดัง เสียงพวกนี้เป็นตัวการแห่งความทุกข์มากกว่า เพราะว่าถ้าไม่มีเสียงนี้หรือเสียงมันสงบ เจออะไรใจก็ไม่ทุกข์ แต่พอปล่อยให้เสียงในหัวดังแล้วก็ไปเกี่ยวข้องกับมันไม่ถูก ไปหลงเชื่อมันบ้าง ไปตกอยู่ในอำนาจของมันบ้าง หรือไม่ก็ไปผลักไสมัน ต้องมีสติไว ไวเห็น ไวจนเห็นละเอียดพอที่จะได้ยิน รับรู้เสียงในหัวที่ดัง ที่จริงมันก็ไม่ใช่มีเท่านี้ มันมีเสียงที่มาล่อหลอกให้เราเกิดความโลภ หรือว่าหลอกให้เราหาสิ่งปรนเปรอสนองกิเลสสารพัด เราต้องรู้ทัน ฉับไวมากพอ คิดอย่างเดียวไม่พอมันต้องมีสติด้วย สติที่จะเห็น รับรู้เวลามีเสียงพวกนี้ดังขึ้นมา ใจมันก็กระเพื่อม ก็รู้ทัน แล้วก็แค่รู้ซื่อ ๆ มันก็เรียกว่าหมดพิษสง และไม่ช้าก็จะดับไป เสียงดังกระทบหูแต่เสียงในหัวไม่ดัง ใจก็สงบได้ ที่ใจไม่สงบมันไม่ใช่เพราะเสียงข้างนอกแต่เป็นเพราะเสียงในหัวต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะความโกรธ ความกลัว ความโลภ พวกนี้ก็ทำให้จิตใจไม่สงบได้ เป็นทุกข์แม้ว่ารอบตัวจะราบรื่นหรือสงบสงัดก็ตาม
Sun, 04 May 2025 - 28min - 1176 - 25680301pm--ทักท้วงวิธิคิด ปิดทางกิเลส
1 มี.ค. 68 - ทักท้วงวิธิคิด ปิดทางกิเลส : ที่ว่าศึกษาธรรมไม่เป็นคืออย่างไร ก็คือศึกษาเพื่อยกตนข่มท่าน เพื่อกำราบผู้อื่นไม่ให้คิดแย้ง ไม่ให้ถกเถียง เอามาใช้ข่มคนอื่น หรือมิฉะนั้นก็เพื่อแสวงหาลาภสักการะ แสวงหาลาภสักการะมาสนองกามตัณหา แต่ว่าเพื่อยกตนข่มท่านมันสนองภวตัณหา ความเป็นใหญ่กว่าคนอื่น เก่งกว่าคนอื่น ไม่ได้ปรารถนาลาภสักการะ แต่ต้องการให้คนชื่นชมสรรเสริญ หรือทำให้ตัวตนมันพองโต แต่ถ้าเกิดว่าเรามีสติ เราก็จะเฉลียวใจ หรือว่าเห็นกิเลสตัวใหญ่ๆ มันซ่อนอยู่เบื้องหลัง ไม่หลงเคลิ้มคล้อยไปกับเหตุผล แม้จะสวยหรูเพราะว่ามีธรรมะมาเป็นเครื่องยืนยัน แต่ว่าก็ยังสามารถที่จะมองทะลุไปเห็นว่า ที่อ้างธรรมะนี่ มันเพื่อสนองหรือปรนเปรอกิเลส มันแยบคายมาก แต่ถ้าเกิดว่าเรามีสติเมื่อไหร่ เราก็จะรู้ทัน มันไม่ใช่ช่วยทำให้เราไม่มัวแต่คิดลบอย่างเดียว หัดรู้จักมอง หรือคิดในทางบวก มันมากกว่านั้น มันทำให้รู้เท่าทันกิเลส รู้เท่าทันตัวอารมณ์ที่มันแสดงออกมาด้วยการผลักดันของกิเลส เวลาโกรธ เวลาโลภ ก็รู้ว่ามันเป็นฝีมือของกิเลส หรือถึงแม้มองไม่เห็น ก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องจัดการ จัดการด้วยความรู้เท่าทัน ไม่ปล่อยให้ความโกรธครองใจ ไม่ปล่อยให้ความโลภครองใจ หรือรวมถึงไม่ปล่อยให้ความคิดลบคิดร้ายมันครอบงำใจ จนกระทั่งสร้างความทุกข์ให้กับตัวเอง นอกเหนือจากการความทุกข์ให้กับผู้อื่น ฉะนั้น การหมั่นมองตนเป็นเรื่องสำคัญมาก หมั่นมองตน และหมั่นทักท้วง ว่าสิ่งที่เราทำคิด มันคิดดีแล้วหรือ หรือบางทีเพียงแต่รู้จักคิดสลับขั้วเท่านั้นแหละ ความทุกข์มันก็ลดไปเยอะ เปลี่ยนดินฟ้าอากาศไม่ได้ แต่ว่าเปลี่ยนมุมมองได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องลองหมั่นพิจารณาตัวเองอยู่เสมอ
Sat, 03 May 2025 - 26min - 1175 - 25680221pm--สันติวิหารในเรือนใจ
21 ก.พ. 68 - สันติวิหารในเรือนใจ : จึงอยากจะให้พวกเราตระหนักว่า สันติวิหารมันไม่ใช่แค่เป็นอาคาร ไม่ใช่เป็นสถานที่ แต่มันยังเป็นอุดมคติของเราทุกคน แม้เป็นฆราวาสจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสันติวิหารที่เป็นตึกเป็นอาคารได้ แต่เราจะได้อานิสงส์อย่างมากเลยถ้าเรามีสันติวิหารในเรือนใจ และไม่ว่าใจของเราที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไร จะย่ำแย่แค่ไหน แต่ว่าเราสามารถที่จะสถาปนาให้เกิดสันติวิหารในใจได้ สันติวิหารตึกนี้เมื่อปีที่แล้ว มันดูไม่ได้เลย ทั้งซกมก สกปรก มอซอ แล้วก็อันตราย คือถ้าใครไม่ได้เห็นภาพจะนึกไม่ออกว่าปีที่แล้วมันไม่น่าอยู่เอาเสียเลย แต่ตอนนี้ดูสิ น่าอยู่ ตึกที่โทรม ๆ มันซ่อมได้ มันรีโนเวต(Renovate) ให้ดีได้ ชีวิตของเรามันจะย่ำแย่อย่างไรที่ผ่านมา มันสร้างได้ รีโนเวตได้ จิตใจของเราที่ผ่านมาแม้มันจะย่ำแย่ สกปรก หม่นหมอง แต่เราสามารถทำให้กลับกลายเป็นเรือนสงบที่น่าอยู่ได้ มันอยู่ที่ความตั้งใจ อยู่ที่การฝึกจิต
Fri, 02 May 2025 - 47min - 1174 - 25680219pm--ดูแลพ่อแม่อย่างไรใจไม่ทุกข์
19 ก.พ. 68 - ดูแลพ่อแม่อย่างไรใจไม่ทุกข์ : เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า ส่วนผู้ใหญ่ในวันนี้คือเด็กในวันหน้า ท่านก็หมายถึงคนแก่ก็เหมือนกับเด็ก ต้องการความเห็นใจ ขี้เหงา แล้วก็เอาใจตัว เป็นต้น บางที่ก็หดหู่ห่อเหี่ยวง่าย เจออะไรมากระทบบางทีก็ร้องไห้ หรือไม่ก็กราดเกรี้ยว จะว่าไปก็ไม่ต่างกับเด็ก ถ้าเกิดว่าลูกยอมรับว่าพ่อแม่ของเราเป็นอย่างนี้ พอถึงวัยชราแล้วมันก็เป็นอย่างนี้แหละ ร่างกายที่เสื่อมถอย ความตายที่ใกล้เข้ามา รวมทั้งเคมีฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนไป มันทำให้คนที่รื่นเริงแจ่มใสกลายเป็นคนหดหู่เหี่ยว เพราะฉะนั้นก็เลยอ่อนไหว อยากให้คนอยู่ใกล้ พอลูกจะไม่อยู่ใกล้เพราะไปธุระ ก็ไม่พอใจ กลัว ตื่นตระหนก กราดเกรี้ยว อันนี้จะว่าไปมันก็ไม่ต่างกับเด็ก ถ้ายอมรับว่าคนแก่พอมาถึงวัยหนึ่งแล้วก็ไม่ต่างจากเด็ก ยอมรับเขาได้อย่างที่เขาเป็น ไม่ติดในภาพที่เขาเป็นผู้ใหญ่ที่องอาจ เข้มแข็ง แจ่มใส มันก็ไม่ทุกข์เท่าไร แล้วที่จริงถ้ามองอีกแง่หนึ่ง สิ่งที่พ่อแม่ทำกับเราในวันนี้ ก็ไม่ต่างจากที่เราทำกับพ่อแม่ตอนที่เรายังเด็ก ตอนที่เรายังเด็กเราก็โวยวาย เอาใจตัวเหมือนกัน บางทีถีบ บางทีอาละวาด ขว้างปาข้าวของเวลาไม่ถูกใจ ถึงตอนนี้สิ่งที่เราทำกับพ่อแม่ พ่อแม่ก็ทำกับเรา แล้วก็อย่างที่บอกคือว่าตอนที่เราทำกับพ่อแม่นี่เรายังเด็ก พ่อแม่เป็นผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว พ่อแม่สลับบทบาทกลายเป็นเด็กไปแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่พ่อแม่ทำกับเรา มันก็ไม่ต่างจากเราทำกับพ่อแม่ตอนที่เรายังเด็ก ลองนึกแบบนี้ก็ถือว่ามันก็แฟร์ เราทำกับเขาอย่างไร ตอนนี้เขาก็ทำกับเราอย่างนี้แหละ
Thu, 01 May 2025 - 28min - 1173 - 25680218pm--ยิ่งอยากได้ ก็ยิ่งไม่ได้
18 ก.พ. 68 - ยิ่งอยากได้ ก็ยิ่งไม่ได้ : ยิ่งอยากให้เสร็จเร็วๆ ก็ยิ่งเนิ่นช้า แต่ยิ่งอยากให้มันเนิ่นนาน มันยิ่งกลับผ่านไปเร็ว อันนี้เราคงรู้สึกได้ เวลาสนุกอยากให้มันสนุกนานๆ แต่ทำไมมันสนุกแป๊บเดียวเอง เวลาเจอความเบื่อ อยากให้ความเบื่อมันหายไปไวๆ ทำไมมันนานเหลือเกิน ที่จริงมันไม่นานหรอก มันก็เท่าเดิมนั่นแหละ เพียงแต่ว่าความรู้สึกถ้ามันเจือด้วยความอยากให้ผ่านไปไวๆ มันก็จะรู้สึกว่าผ่านไปเนิ่นนาน เนิ่นช้า ถ้าอยากให้มันผ่านไปช้าๆ ให้รู้สึกเนิ่นนาน มันกลับผ่านไปเร็ว ยิ่งอยากได้ยิ่งไม่ได้ แต่พอยิ่งสละ กลับได้ เช่น ความสุข ถ้าอยากได้ความสุข มันยิ่งทุกข์นะ เพราะว่าไม่ใช่ว่าไม่ได้ มันได้ แต่มันได้เท่าไหร่ก็ไม่พอใจ แต่ว่าพอไม่อยากได้ แถมสละด้วยนะ เช่น ให้ ผู้ให้ความสุขย่อมได้รับความสุข อันนี้เป็นพุทธภาษิต มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พอเรายิ่งให้ยิ่งได้ แต่ถ้ายิ่งตักตวงก็ยิ่งสูญเสีย หรือไม่ได้ มันเป็นด้านตรงข้ามที่อยู่ด้วยกัน อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราต้องเรียนรู้ คำว่าอยากหรือคาดหวัง มันเป็นอุปสรรคที่ทำให้สิ่งที่อยากหรือสิ่งที่คาดหวังไม่เกิดขึ้น หรือมาได้อย่างช้า ที่จริงบางทีมันไม่ได้ช้า แล้วมันก็ไม่ได้น้อยด้วย แต่ความอยากมันทำให้รู้สึกว่ามันช้า ความอยากมันทำให้รู้สึกว่าที่ได้มันยังน้อย เพราะยิ่งอยากก็ยิ่งโลภ เช่นเดียวกัน ความกลัวก็เหมือนกัน ยิ่งกลัวอะไรยิ่งเจอ ยิ่งกลัวความสูญเสียก็ยิ่งเจอความสูญเสีย ยิ่งกลัวผีก็ยิ่งเจอผี บางทีมันไม่ใช่ สิ่งที่เจอมันไม่ใช่ผีหรอก แต่ใจมันปรุง ยิ่งกลัวก็ยิ่งเจอ คนที่นอนไม่หลับ ยิ่งอยากนอนให้หลับ มันก็ยิ่งไม่หลับ แต่พอลืมความอยากไป มันจะหลับเมื่อไหร่ก็ได้ ฉันไม่สนใจ ปรากฏว่าไม่นานก็หลับ ความอยากนอนหลับมันทำให้เกิดความเครียด พอเกิดความเครียดแล้วก็ทำให้ใจมันไม่ค่อยสงบ มันก็เลยหลับได้ยาก พอมีความเครียดก็มีฮอร์โมนบางตัวหลั่งออกมา คอร์ติซอลอะไรต่างๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการนอนไม่หลับ จริงๆ การนอนไม่หลับไม่ได้ทำให้เราทุกข์ แต่ที่เราทุกข์เพราะอยากนอนให้หลับ เวลานอนไม่หลับมันก็ไม่ได้ทุกข์อะไร เพราะไม่มีเจ็บไม่มีปวด ก็แค่นอนอยู่บนเตียง หรือนอนอยู่บนฟูก นอนอยู่บนเบาะ ไม่ได้ทำอะไร ไม่เหนื่อยไม่ออกแรง ไม่ปวด มันจะทุกข์อะไร แต่ทำไมบางคนทุกข์ ทุกข์เพราะอะไร ไม่ใช่ทุกข์เพราะนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะอยากนอนให้หลับ พออยากนอนให้หลับมันก็ยิ่งไม่หลับ แต่หลายคนก็เรียนรู้วิธี ก็อย่าไปสนใจความอยาก กลับมาตามลมหายใจ กลับมายอมรับความจริงว่าไม่หลับก็ไม่หลับ ปรากฏว่าไม่นานก็หลับเอง แต่คนที่อยากนอนให้หลับต่างหากที่นอนไม่หลับ อันนี้ก็เป็นเรื่องเดียวกัน ยิ่งอยากได้ก็ยิ่งไม่ได้ แต่ปัญหาคือคนเราไม่ค่อยตระหนักว่า ความอยากคือปัญหา ความอยากคืออุปสรรค รวมทั้งความคาดหวังด้วย
Wed, 30 Apr 2025 - 27min - 1172 - 25680217pm--หลงเชื่อทุกความคิด ชีวิตย่ำแย่
17 ก.พ. 68 - หลงเชื่อทุกความคิด ชีวิตย่ำแย่ : ที่จริงหลายคนแม้จะไม่ถูกหลอกด้วยเพราะมิจฉาชีพ แต่ว่าชีวิตก็ย่ำแย่เพราะว่าความคิดมันหลอก หลอกเรื่องการพนัน หลอกเรื่องอบายมุข โดยที่ไม่มีมิจฉาชีพมาเกี่ยวข้องเลย แต่ว่าชีวิตก็ย่ำแย่ เพราะฉะนั้นการรู้ทันความคิดนี้มันสำคัญมากเลย และก่อนที่จะ และการที่จะรู้ทันความคิดที่จะพาเราเข้ารกเข้าพงได้ มันต้องฝึกรู้ทันความคิดที่เป็นตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน อย่างเช่นความคิดเรี่ยราด ความคิดเพ้อเจ้อ ความคิดพวกนี้มันไม่ค่อยอันตรายเท่าไหร่ แต่มันเกิดขึ้นทุกวัน ๆ เวลาเราอาบน้ำ เวลาเราถูฟัน มันก็จะมีความคิดเรี่ยราด มีความคิดเพ้อเจ้อ ซึ่งแม้จะไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่ถ้าเราฝึกรู้ทันมันเอาไว้ ไม่ปล่อยให้มันพาจิตกระเจิดกระเจิง รู้จักปล่อย รู้จักวาง รู้จักทักท้วงมันบ้าง ต่อไปถ้าเป็นความคิดที่มันปรุงแต่งไปในทางลบทางร้าย ที่ก่อให้เกิดโทษ ถ้าเราหลงตามมัน เราก็จะรู้จักทักท้วงมันได้ ถ้าปล่อยให้จิตใจนี้หลงเชื่อความคิดที่เรี่ยราด ความคิดเพ้อเจ้อ ต่อไปความคิดปรุงแต่งที่มันแย่ ๆ เราก็จะหลงเชื่อได้ง่าย ถึงตอนนั้นก็อาจจะสายไปแล้ว เพราะว่าทำอะไรที่แย่ไปเรียบร้อยแล้ว
Tue, 29 Apr 2025 - 26min - 1171 - 25680216pm--จะเลือกสุขหรือเลือกทุกข์
16 ก.พ. 68 - จะเลือกสุขหรือเลือกทุกข์ : คนเราไม่ว่าจะตกอยู่ในเหตุการณ์ใด เราก็ยังเลือกได้ว่าจะสุขหรือทุกข์ถึงแม้ว่าทุกข์ไปเรียบร้อยแล้ว ทุกข์เพราะเศร้า ทุกข์เพราะโศก ทุกข์เพราะโกรธ ทุกข์เพราะเครียด ทุกข์เพราะกลัว แต่ก็ยังไม่สายที่จะเลือก เลือกอะไร เลือกสุข อย่างน้อยก็ต้องรู้จักถามตัวเองตอนที่กำลังทุกข์ว่า ฉันจะเลือกอะไร จะเลือกสุขหรือจะเลือกทุกข์ ถ้าเลือกสุขก็ต้องลงมือ พาใจกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เปิดใจรับรู้สิ่งดี ๆ ที่มีอยู่รอบตัว หรือว่ากลับมาตามลมหายใจ กลับมารับรู้กายแม้ว่ายังโกรธ แม้ว่ากำลังเครียด กลับมารู้ใจที่กำลังมีความโกรธ เผาลน กำลังมีความหนักอกหนักใจ บีบคั้นใจ มีความเกลียดทิ่มแทงใจ แล้วก็ไม่ต้องไปทะเลาะกับอารมณ์เหล่านี้ เพราะอารมณ์เหล่านี้มันก็ชวนทะเลาะอยู่แล้ว ใหม่ ๆ มันก็จะมีการยื้อแย่งต่อสู้กัน เราเลือกสุขแล้วแต่ยังอยากทุกข์ แต่ว่าถ้าเราทำไปเรื่อย ๆ ไม่ไปทะเลาะกับมัน อนุญาตให้มันโกรธได้ อนุญาตให้ความทุกข์เกิดขึ้นได้ ไม่ผลักไสไล่ส่งมัน แค่ดูอยู่ห่าง ๆ มันก็จะล่าถอยไป ใหม่ ๆ ก็มานึกได้ว่า ฉันควรเลือกสุขหลังจากที่เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว แต่ต่อไปมันก็จะนึกขึ้นได้กลางวง หรือระหว่างที่กำลังจมในความทุกข์ นั่นแหละก็เปิดช่องให้สติความรู้สึกตัวเข้ามา ทำให้เห็นทำให้รู้ว่ากำลังทุกข์ แล้วก็ลงมือที่จะเติมสุขให้ใจ เติมความรู้สึกตัวให้ใจ และสุดท้ายก็จะสามารถครองจิตครองใจในขณะที่ความทุกข์มันก็ค่อย ๆ ละลายหายไป อย่าลืม ลองถามตัวเองเวลาเศร้าเวลาโศกเวลาโศกเวลาเครียดว่า ฉันจะเลือกสุขหรือจะเลือกทุกข์
Mon, 28 Apr 2025 - 28min - 1170 - 25680215pm--หมั่นเตือนใจตนว่าอะไรๆก็เกิดขึ้นได้
15 ก.พ. 68 - หมั่นเตือนใจตนว่าอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ : ไม่ว่าจะเป็นลาภยศ สรรเสริญ พวกนี้เป็นสิ่งที่สามารถจะเปลี่ยนคนให้กลายเป็นอีกคนได้ แล้วไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีด้วย เปลี่ยนไปในทางที่แย่ เสื่อมลาภเสื่อมยศก็เหมือนกัน หรือว่าความเจ็บป่วย ความแก่ชรา ไม่ต้องพูดถึงความตาย ฉะนั้นคนเรายังไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับความไม่เที่ยงของสังขาร หรือความผันผวนแปรปรวนของโลก มันก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งแย่กว่าเดิม ที่จริงการปฏิบัติธรรมมันก็ทำให้เราเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งอยู่แล้ว แต่ว่าเป็นอีกคนที่ดีกว่าเดิม พร้อมที่จะเผชิญกับความทุกข์ ความพลัดพราก ความสูญเสีย ความไม่สมหวังได้ มันทำให้เราได้พบกับมิติใหม่ของตัวเอง หรืออย่างน้อยก็สามารถที่จะคุมความเป็นผู้เป็นคนเอาไว้ได้ ในยามที่เจอกับความสูญเสีย ในยามที่เจอกับความผันผวนปรวนแปรของชีวิต ถ้าไม่ตระหนัก เกิดความประมาท ไม่เข้าใจว่าอะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ มันก็อาจจะทำให้เกิดความหลงตัวลืมตน ไม่คิดที่จะเตรียมเนื้อเตรียมตัว หรือเตรียมใจในการที่จะรับมือกับสิ่งเหล่านี้ ตอนที่เราอยู่ตอนนี้ความรู้สึกตอนนี้มันจะไม่เหมือนเดิมเมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป แต่ถ้าหากว่าทำใจยอมรับได้ อย่างน้อยก็ไม่ทุกข์ ถึงเวลาเจ็บป่วยนิสัยใจคอความรู้สึกอาจจะเปลี่ยนไป ก็จะยังคงความปกติเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ทุกข์ แล้วต้องเตือนใจอยู่เสมอ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันจะไม่อยู่จนถึงวันหน้า เพราะวันหน้าอาจจะกลายเป็นอื่นไปแล้วก็ได้
Sun, 27 Apr 2025 - 25min - 1169 - 25680214pm--รักตัวเองก่อนรักคนอื่น
14 ก.พ. 68 - รักตัวเองก่อนรักคนอื่น : วันแห่งความรัก เราควรนึกถึงการให้ดอกไม้แก่ตัวเองมั่ง ให้เพื่ออะไร เพื่อเป็นกำลังใจ กำลังใจที่อาจจะรู้สึกท้อแท้กับชีวิตที่ผ่านมา รู้สึกเหนื่อยล้า รู้สึกผิดที่ยังทำดีไม่พอ บางทีเราต้องให้กำลังใจตัวเอง การให้ดอกไม้ก็เป็นการให้กำลังใจตัวเองเพื่อให้เดินหน้าต่อไป อย่าท้อถอย ภาษาสมัยใหม่เขาเรียกให้มูฟออน ไม่ใช่เอาแต่ห่อเหี่ยว ท้อแท้ เพราะโบยตีตัวเองว่าเธอมันแย่ เธอมันไม่ได้เรื่อง แล้วเราต้องให้ดอกไม้แก่ตัวเองเป็นกำลังใจให้เดินหน้าต่อไป หรือไม่ก็ให้เพื่อเป็นรางวัลว่า โอ้โห เธอไม่ใช่ย่อยเลยนะ ตลอดปีที่ผ่านมาอุปสรรคมากมาย เธอก็สามารถฟันฝ่ามันไปได้ ฉันให้กำลังใจ ฉันให้รางวัลเธอนะเป็นดอกไม้ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ เป็นการแสดงความชื่นชม คนเราต้องทำแบบนี้กับตัวเองบ้าง ไม่ใช่เอาแต่โบยตีตัวเอง ทำให้จิตใจรู้สึกท้อแท้ หรือบั่นทอนความหวังกำลังใจที่จะก้าวหน้าต่อไป และถ้าทำดีก็ต้องให้รางวัล ให้ดอกไม้นี่แหละเป็นสัญลักษณ์ของการให้กำลังใจ เพื่อที่ตัวเองจะได้เดินหน้าต่อไป แล้วก็เป็นการให้รางวัลกับสิ่งดี ๆ ที่เราได้ทำ กับความพากเพียรพยายามที่ฟันฝ่าอุปสรรคมาได้ หรือว่าความสำเร็จโดยเฉพาะการที่รู้จักรักตัวเองให้ถูกต้อง เติมสติให้กับตัวเอง เติมความรู้สึกตัวให้กับตัวเอง ก็เป็นเหตุผลที่เราสมควรจะให้รางวัลกับตัวเอง เพื่อจะได้มีกำลังใจในการทำความดีเช่นนี้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
Sat, 26 Apr 2025 - 29min - 1168 - 25680213pm--ความนิ่งสงบที่พบได้แม้ใจกระเพื่อม
13 ก.พ. 68 - ความนิ่งสงบที่พบได้แม้ใจกระเพื่อม : แม้ว่าเราจะไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำให้ใจสงบได้ ในยามที่มีความเจ็บป่วยทางกาย แต่อย่างน้อยถ้าเราเห็นใจที่มันไม่สงบ อันนั้นก็จะทำให้เราได้เข้าถึงความสงบอีกชั้นหนึ่ง ที่เป็นความสงบชั้นรอง ซึ่งมันอยู่ในวิสัยที่เราจะทำได้ นักภาวนาจำนวนมากไม่รู้จักความสงบแบบนี้ ไปรู้จักหรือคาดหวังแต่ความสงบตัวหลักที่ว่าเจออะไรใจไม่กระเพื่อม แต่ไม่ได้นึกว่าแม้ใจกระเพื่อมแล้ว แม้จะมีอารมณ์เกิดขึ้น แม้จะมีความคิดฟุ้งซ่านเกิดขึ้น ก็ยังสามารถจะเข้าถึงความสงบอีกชั้นหนึ่งได้ แม้จะเป็นความสงบชั้นรอง แต่ว่ามันก็ช่วยทำให้อาการที่กระเพื่อมภายในใจมันไม่มารบกวน เพราะว่าพอเห็นความหงุดหงิด เห็นความท้อแท้ เห็นความผิดหวัง เห็นความโกรธที่เกิดขึ้น เนื่องจากความเจ็บความป่วย พออารมณ์เหล่านี้มันถูกเห็น มันก็จะสงบลงได้ ไม่ใช่ว่าใจไม่กระเพื่อม แต่มันกระเพื่อมได้ไม่นาน เพราะว่ามันถูกรู้ถูกเห็น นี้เป็นสิ่งที่เราควรจะมารู้จัก แล้วก็ทำให้มันเกิดขึ้นด้วยการฝึก ฝึกให้มีสติเห็นอารมณ์ต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น เห็นแล้วก็รู้ทันการรู้ทันนี่แหละที่จะช่วยทำให้วางมันลงได้ ของแบบนี้มันต้องฝึก ฝึกเอาจากการที่มีสติ มารู้จิต มารู้เวทนา เราอาจจะไม่มีสติมากพอที่จะทำให้เกิดภาวะป่วยกายแต่ใจไม่ป่วย ไม่มีสติมากพอที่จะเห็นความปวดโดยไม่เป็นผู้ปวด แต่แม้จะเป็นผู้ปวด แล้วมันมีอาการโวยวายตีโพยตีพาย มันก็ยังไม่สายที่เราจะมีสติเห็นมัน ธรรมชาติของสตินี้เขาเรียกว่าให้โอกาสกับเรามาก แม้ว่าใจกระเพื่อมใจเป็นทุกข์ แต่ก็ไม่สายที่จะเห็นความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับใจ ตราบใดที่เรายังมีสติไม่มากพอ ยังมีปัญญาไม่มากพอ เวลากายทุกข์ ใจก็ย่อมทุกข์ด้วย แต่ยังอยู่ในวิสัยที่จะเห็นใจที่ทุกข์ได้ คือเห็นเวทนาที่เกิดขึ้นกับใจ หรือเห็นอารมณ์อกุศลที่เป็นผลมาจากเวทนานั้น แล้วตรงนี้แหละที่จะทำให้ใจสงบได้ สงบเพราะเห็นความผันผวนปรวนแปรในใจ ไม่ใช่เพราะใจไม่ผันผวน ไม่ใช่เพราะใจนิ่งสงบล้วนๆ แต่เห็นอาการที่ใจไม่นิ่ง เห็นอาการที่ใจไม่สงบ มันก็พาเราไปพบกับความสงบอีกแบบหนึ่งได้ นี้เป็นความสงบภายในที่เราต้องรู้จัก ตราบใดที่เรายังเป็นปุถุชน ที่ยังไม่มีปัญญาหรือสติมากพอ ที่จะลดละความยึดติดถือมั่นต่างๆ จนกระทั่งจิตสามารถจะสงบนิ่งไม่หวั่นไหว หรือใจไม่กระเพื่อมเมื่อมีสิ่งมากระทบ.
Fri, 25 Apr 2025 - 27min - 1167 - 25680212pm--เว้นชั่ว ทำดี และฝึกจิต ชีวิตไกลทุกข์
12 ก.พ. 68 - เว้นชั่ว ทำดี และฝึกจิต ชีวิตไกลทุกข์ : เวลาเราเวียนเทียน ขณะที่เราเวียนเทียนรอบพระพุทธรูป พระปฏิมา ก็ขอให้เราน้อมนึกถึงคำสอนของพระองค์ไปพร้อมๆ กัน และพยายามทำให้คำสอนของพระองค์เข้ามาเป็นศูนย์กลางของชีวิต เราไม่ได้เวียนเทียนรอบพระพุทธรูปเท่านั้น แต่ขอให้ชีวิตของเรา จิตใจของเรา วนเวียนอยู่รอบธรรมะ หรือมีธรรมะของพระองค์เป็นศูนย์กลางของชีวิตเรา ก็ช่วยทำให้ชีวิตของเรามีความเจริญงอกงาม วันมาฆบูชาก็จะมีความหมายต่อชีวิตของเรา ไม่ใช่แค่เป็นวันสำคัญที่หยุดงาน หรือว่าเป็นวันที่เราจะมาทำบุญใส่บาตร หรือว่าเวียนเทียนเท่านั้น แต่ว่าจะมีความหมายในทางที่ทำให้ชีวิตของเราเจริญงอกงาม เพราะว่าจิตของเราสว่างไสวจากการได้ฝึกอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ทำดี แล้วก็เว้นชั่วเท่านั้น
Thu, 24 Apr 2025 - 37min - 1166 - 25680211pm--ปลูกสติให้งอกงามกลางใจ
11 ก.พ. 68 - ปลูกสติให้งอกงามกลางใจ : ให้เราสังเกตดู ถ้าเราทำเล่น ๆ มันจะเกิดความนุ่มนวลข้างในใจ ใจก็จะกลับมา กลับคืนสู่บ้านอย่างเรียกว่าละม่อม ไม่ใช่ถูกกระชากลากถู ขณะเดียวกันความคิดที่มันพาจิตฟุ้งไป มันก็จะไม่ถูกห้าม ถูกบีบ ถูกตัด แต่มันค่อย ๆ เลือนหายไปเอง มันเป็นกระบวนการที่ละมุนละม่อม อ่อนโยน เวลาใจจะคิดไป ฟุ้งไปไหน ก็อนุญาตให้ไปได้ แต่ก็จะถูกชวนให้กลับมา ไม่ใช่ไปลากลู่ถูกังให้กลับมา ฉะนั้นถ้าเราทำให้ใจมันเกิดความนุ่มนวล สติก็จะเติบโต แล้วสุดท้ายมันก็เหมือนกับต้นกล้าแห่งสติในใจเราก็จะค่อย ๆ งอกงาม จนกระทั่งเติบโตเต็มพื้นที่ เขียวขจี ร่มรื่น ที่เคยแห้ง ที่เคยแล้ง ร้อน มันก็จะกลายเป็นร่มรื่น แล้วก็ชุ่มชื่น สงบเย็น เกิดขึ้นภายในใจของเรา
Wed, 23 Apr 2025 - 29min - 1165 - 25680210pm--อะไรเกิดขึ้นก็แค่รู้
10 ก.พ. 68 - อะไรเกิดขึ้นก็แค่รู้ : ใจรู้ว่ากายเคลื่อนไหวแปลว่าอะไร แปลว่า ใจอยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ถ้าใจไม่รู้ว่ากายเคลื่อนไหว แสดงว่าตอนนั้นใจลอยแล้ว ใจลอยก็ดีเหมือนกัน จะได้ฝึกให้มันกลับมารู้เนื้อรู้ตัว แต่การที่เราไม่รู้ว่ากายเคลื่อนไหว มันก็เป็นตัวบ่งชี้ว่าใจลอย ก็เป็นของดี ฝึกให้ใจกลับมารู้เนื้อรู้ตัว อยู่กับเนื้อกับตัว ต่อไปก็จะรู้ทันความคิดและอารมณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดกว่าความรู้สึกทางกาย ทำไปเรื่อยๆ ทำเล่นๆ ไป อย่าไปบังคับจิต อย่าไปพยายามเพ่ง อะไรเกิดขึ้นก็ดีทั้งนั้น เพราะมันเป็นแบบฝึกหัดให้ใจได้รู้ มันไปก็ดี เราจะได้ฝึกให้ใจพามันกลับมา อะไรพาจิตกลับมา ก็สตินั่นแหละ สตินั่นแหละคือสิ่งที่จะช่วยพาจิตกลับมา ยิ่งสติทำงานบ่อยๆ พาจิตกลับมาบ่อยๆ สติก็จะเร็วมากขึ้น และนี่แหละคือสิ่งที่เราต้องการ คือฝึกให้สติรวดเร็วฉับไว รู้ทันเร็วๆ ทำไปเรื่อยๆ ไม่ว่าในรูปแบบ หรือเวลาเราทำกิจอื่นที่เคลื่อนไหว เช่น เดินกลับกุฏิ ถูฟัน เก็บที่นอน พวกนี้ก็เป็นโอกาสของการปฏิบัติได้
Tue, 22 Apr 2025 - 28min - 1164 - 25680209pm--ทำพื้นที่กลางใจให้ปลอดโปร่ง
9 ก.พ. 68 - ทำพื้นที่กลางใจให้ปลอดโปร่ง : อะไรเกิดขึ้นกับใจก็ดีทั้งนั้น ขอเพียงแต่ให้รู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นในใจ แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ค่อยมารู้กาย แต่ใหม่ ๆ ก็คงจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานที่สิ่งแวดล้อม แล้วก็พยายามเคี่ยวเข็ญตัวเองให้ตื่นแต่เช้า แล้วก็ปฏิบัติทั้งวันไม่ว่ามันจะเบื่ออย่างไร ง่วงอย่างไร หรือว่าฟุ้งอย่างไร ก็ทำไป 2-3 วันแรกก็จะต้องปลุกปล้ำขับเคี่ยวกับตัวเองหน่อย แต่ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ดีทั้งนั้นถ้ารู้ แม้เบื่อ แม้หงุดหงิด เราไม่เรียกร้องว่าต้องไม่เบื่อ ต้องไม่หงุดหงิด ต้องไม่ฟุ้ง การปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียนไม่เรียกร้องว่าจะต้องใจสงบ ไม่ฟุ้ง ไม่เบื่อ ฟุ้งไปเลย หงุดหงิดไปเลย เซ็งไปเลยก็ได้ แต่ขอให้รู้ แล้วก็อย่าไปไหลตามมันเท่านั้นเอง
Mon, 21 Apr 2025 - 26min - 1163 - 25680208pm--เปลี่ยนเหตุผลที่แท้ให้เป็นเหตุผลที่ดี
8 ก.พ. 68 - เปลี่ยนเหตุผลที่แท้ให้เป็นเหตุผลที่ดี : คนจบปริญญาเอกนี่ กิเลสมันก็จบปริญญาเอกเหมือนกัน แต่ไม่ใช่แค่นั้น คนที่รู้ธรรมะนี่ กิเลสมันก็รู้ธรรมะเหมือนกัน และกิเลสบางทีมันก็สรรหาธรรมะมาล่อหลอกให้เราหลงเชื่อ ทำตามอำนาจของมัน คนเรานี่ทำตามอำนาจกิเลสเพราะว่าหลงเชื่อข้ออ้างในทางธรรม ก็มีมาเยอะแล้ว เอามาใช้ประหัตประหารกัน อ้างธรรมะ เพราะว่าทนไม่ได้ที่มีใครบางคนมาข่มอัตตา เด่นดังกว่า ก็เลยต้องเล่นงาน โดยอาศัยข้ออ้างทางธรรม เพื่อพิทักษ์ธรรม เพื่อรักษาความถูกต้องของธรรมะ ก็เลยถล่มอีกฝ่ายหนึ่งที่เห็นต่าง เหตุผลก็ดูดี เพื่อธรรมะ แต่ว่าไม่ใช่เหตุผลที่แท้ แต่นักปฏิบัติธรรมนี่ หน้าที่ของเราคือ รู้ทันเหตุผลของกิเลส แล้วก็ไม่ประมาทว่าธรรมะที่มันเอามาเป็นข้ออ้างนี่ อาจจะไม่ใช่เหตุผลที่แท้ก็ได้ แต่เป็นเหตุผลของกิเลส ทีนี้ พอเรารู้ทันอำนาจของกิเลสแล้ว ไม่เปิดโอกาส หรือไม่เปิดช่องให้กิเลสมันครองใจ อาจจะเผลอโวยวายไปบ้าง เพราะว่าไม่รู้ทัน แต่ก็กลับมาตั้งหลักมีสติได้ ต่อไปก็ต้องพยายามบำรุงส่งเสริมความใฝ่ดีในใจเรา เช่น เมตตา กรุณา ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความรู้จักให้อภัย สติ สมาธิ ต้องเสริมสร้างพลัง หรือปัจจัยฝ่ายดี ให้มันครองใจเรา
Sun, 20 Apr 2025 - 26min - 1162 - 25680207pm--มีให้เป็น เจอให้ถูก ก็ไม่ทุกข์
7 ก.พ. 68 - มีให้เป็น เจอให้ถูก ก็ไม่ทุกข์ : มีอะไรไม่สำคัญเท่ากับว่า มีอย่างไร เจออะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเจออย่างไร เจอเสียงดังมากระทบหู หรือว่าเจอคนต่อว่าด่าทอ หรือเจอความเจ็บความป่วย แต่ว่าถ้าปฏิบัติกับมันถูก ไม่ทุกข์ แถมได้ประโยชน์ด้วย อย่างที่เคยเล่าพระอาจารย์ทองรัตน์ถูกคนหย่อนบัตรสนเท่ห์ ขู่จะเอาลูกปืนมายิง มาไล่ออกจากวัด ท่านกลับเอามาสอนเณรว่านี่ของดี โลกธรรม 8 เป็นอย่างนี้เอง เคยได้ยินมา แต่ว่าวันนี้มาเห็นด้วยตัวเอง ท่านเรียกว่าเป็นอมฤตธรรม แล้วคนที่หย่อนบัตรสนเท่ห์ให้ท่านก็เรียกว่าเป็นเทวดา ฉะนั้น เจออะไรไม่สำคัญเท่ากับว่าเจออย่างไร เจอด้วยท่าทีแบบไหน เจออย่างมีสติมีปัญญา เพราะฉะนั้นเวลาปฏิบัติอย่าไปกังวลว่า ขออย่าได้ไม่มีอย่างโน้น ไม่มีอย่างนี้ ไม่มีความคิดฟุ้งซ่าน ไม่มีความกังวล จะมีก็มีมาเลย แต่ว่าเรารู้ เรามีวิชาที่จะรับมือกับมัน ไม่ใช่ความคิดฟุ้งซ่าน ไม่ใช่เฉพาะอารมณ์อกุศล แม้กระทั่งความเจ็บป่วย เสียงต่อว่าด่าทอ เมื่อมีหรือเจอ มีให้เป็น เจอให้ถูก ก็ไม่ทุกข์ แถมจิตใจเจริญงอกงาม มีสติปัญญาก้าวหน้าด้วย
Sat, 19 Apr 2025 - 25min - 1161 - 25680129pm--ทำดีต้องประพฤติดีด้วย
29 ม.ค. 68 - ทำดีต้องประพฤติดีด้วย : การปฏิบัติธรรม แม้จะเป็นธรรมดีที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว มันก็ไม่ใช่ว่าจะปฏิบัติแบบซื่อๆ ตรงๆ หรือว่าแบบเถรส่องบาตร จะต้องปฏิบัติโดยใช้ปัญญา ปฏิบัติโดยสมควร เช่น ไม่ทำน้อยไป ไม่ทำมากไป หรือใช้ให้ถูกกรณี ถูกเวลา แล้วที่สำคัญคือ ไม่ยึดมั่นถือมั่นกับมัน ไม่ใช่เอาธรรมะมาทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะเชื่อว่าของตัวเองถูก ของตัวเองดีกว่า อย่างที่มีหลายสำนักมาทะเลาะกันว่า การปฏิบัติของสำนักฉันดีกว่าของสำนักเธอ บางทีลูกศิษย์ก็มาทะเลาะกัน อันนี้เรียกว่าเอาธรรมะมาเป็นเครื่องยึดมั่นถือมั่น สุดท้ายก็กดถ่วงหรือว่าหน่วงเหนี่ยวให้เกิดความเนิ่นช้าในการปฏิบัติ
Fri, 18 Apr 2025 - 28min - 1160 - 25680127pm--พื้นที่ปลอดภัยที่แท้จริง
27 ม.ค. 68 - พื้นที่ปลอดภัยที่แท้จริง : แต่ต่อไปพอมีปัญญาเข้าใจสัจธรรมความจริง ความโกรธก็ไม่มี เพราะว่าไม่มีความยึดติดถือมั่นตั้งแต่แรก ไม่มีตัวกู ไม่มีการยึดว่าเป็นตัวกูตั้งแต่แรก จึงไม่มีผู้โกรธ ใครมาด่าว่าอะไรก็ไม่รู้สึกว่าตัวกูถูกกระทบ เหมือนกับว่าโยนหินลงไป ไม่มีแก้วมารับการกระแทก ไม่มีการแตกร้าว ก็คือไม่มีความทุกข์ ใครจะว่าอะไรก็ไม่ทุกข์ เพราะว่าไม่มีตัวกูเป็นผู้รับคำต่อว่าด่าทอ ทรัพย์สินที่ถูกแย่งชิงไปก็ไม่ได้ทำไม่ทุกข์ เพราะไม่ได้คิดว่าเป็นของเราตั้งแต่แรก กายเจ็บกายป่วยก็ไม่ได้ทุกข์ ไม่ได้หงุดหงิด ไม่ได้โมโห ไม่ได้หวั่นกลัว เพราะว่าไม่ได้ยึดว่ากายนี้เป็นเราเป็นของเราตั้งแต่แรก ฉะนั้นความทุกข์หรืออารมณ์ที่เคยรบกวนจิตใจ ตอนนี้ก็เรียกว่าเลือนหายไป ใจก็เลยเป็นเรียกว่าแดนสงบ แคล้วคลาดจากอันตราย มีความสงบเย็นอย่างแท้จริง ตรงนี้แหละที่เรียกว่า เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง เพราะมีสติ มีความรู้สึกตัวคอยรักษา แล้วก็ยิ่งกว่านั้นคือ มีปัญญาที่จะช่วยสร้างความสว่างไสวให้กับใจ กวาดเอาความทุกข์ อุปสรรค ที่เกิดจากอวิชชา แล้วก็ความละกิเลสออกไปให้หมด แล้วเรามาแสวงหาหรือว่ามาสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยกลางใจเรา อันนี้จะดีกว่า เพราะว่าถ้าทำได้เช่นนี้ โรคภัยไข้เจ็บก็ทำให้ใจเป็นทุกข์ไม่ได้ ความพิการ ความแก่ชรา ความสูญเสีย ก็ทำให้ใจเป็นทุกข์ไม่ได้ เรียกว่าปลอดภัยอย่างแท้จริง
Thu, 17 Apr 2025 - 28min - 1159 - 25680126pm--ทำความทุกข์ให้มีคุณค่าWed, 16 Apr 2025 - 26min
- 1158 - 25680125pm--ฝึกตนให้เป็นผู้ใฝ่รู้
25 ม.ค. 68 - ฝึกตนให้เป็นผู้ใฝ่รู้ : ใฝ่รู้อีกความหมายหนึ่งก็คือว่า ใฝ่เรียนรู้ อะไรเกิดขึ้นก็เรียนรู้ หาประโยชน์จากมัน เพราะฉะนั้นเวลาคนต่อว่าด่าทอ แทนที่จะทุกข์ก็ได้รู้ ได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันบอกอะไรเรา ฉะนั้นถ้าคนเราใฝ่เรียนรู้อยู่เสมอ มันได้ประโยชน์ เงินหาย เจ็บป่วย ก็ได้เรียนรู้ อาจจะเรียนรู้เรื่องความไม่เที่ยง อาจจะได้เรียนรู้เรื่องอนัตตา ไม่ใช่แค่อนิจจังอย่างเดียว รวมถึงอนัตตาด้วย หรืออาจจะได้เรียนรู้ว่า เราต้องระมัดระวังมากกว่านี้ เอาความผิดพลาดเป็นครู ที่ผ่านมาเราพลาด ประมาท หรือว่าไว้วางใจก็เลยถูกเขาหลอกเอาเงินไป หรือเป็นเพราะไม่ดูแลรักษาร่างกายให้ดี พักผ่อนน้อยไป ก็เลยเจ็บป่วย อันนี้จะเรียกว่าเป็นการเรียนรู้ในทางโลกก็ได้ เรียนรู้ในทางโลกว่า ที่สูญเงิน ที่เจ็บป่วยนี่เพราะอะไร ก็เอาผิดเป็นครู เป็นบทเรียน แต่ที่เรียนรู้ในทางธรรมก็คือว่า มันสอนในเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สอนเรื่องไตรลักษณ์ให้กับเรา ฉะนั้นถ้าใฝ่รู้แบบนี้อะไรเกิดขึ้นกับเราก็ดีทั้งนั้น เรียกว่าได้ ได้เสมอ ไม่ว่าจะเสียไปเท่าไหร่ก็ได้เสมอ ได้บทเรียน ได้ความรู้ ได้ปัญญา อันนี้เพราะว่าใจที่ใฝ่รู้ ถ้าไม่ใฝ่รู้มันก็จะเอาแต่คร่ำครวญ โวยวายตีโพยตีพาย ก่นด่าชะตากรรม แต่ถ้าใฝ่รู้ แทนที่จะคร่ำครวญ มันจะใคร่ครวญ ไม่เหมือนกัน คร่ำครวญนี่มีแต่ทุกข์แต่ใคร่ครวญนี่ได้ปัญญา แล้วคนที่จะขยันใคร่ครวญนี่ได้ก็คือผู้ที่ใฝ่รู้ อะไรเกิดขึ้นก็ได้เรียนรู้อยู่เสมอ
Tue, 15 Apr 2025 - 25min - 1157 - 25680124pm--รู้เรื่องตัวเองให้มาก รู้เรื่องคนอื่นให้น้อย
24 ม.ค. 68 - รู้เรื่องตัวเองให้มาก รู้เรื่องคนอื่นให้น้อย : การที่คนเราจะรู้เรื่องตัวเองมาก ๆ มันไม่ใช่แค่ไปดูหน้าตัวเองที่กระจก สิ่งที่พระพุทธเจ้าได้สอนเรื่องสตินี้มันมีความสำคัญมากเลย เพราะมันเป็นเครื่องมือที่จะทำให้เราเห็นตัวเองอย่างชัดเจน เห็นตัวเองแบบละเอียดเลย เห็นเลย อ๋อ เป็นเพราะความยึดติดในหน้าตาจึงเป็นเหตุให้ทุกข์ เป็นเพราะคาดหวังให้เขาชม พอเขาไม่ชมจึงทุกข์ เป็นเพราะคาดหวังให้เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ พอเขาไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดหวัง เราจึงทุกข์ พยายามที่ผ่านมาก็พยายามจะให้เขาเป็นอย่างที่เราคาดหวัง แต่พอปรับเปลี่ยนที่ใจของเราคือลดความคาดหวังลง ความทุกข์มันหายไปเลย แต่คนเราจะไม่รู้ว่าตัวเองนี่เป็นตัวการก่อทุกข์หรือสร้างทุกข์สร้างปัญหาให้กับตัวเองได้อย่างไร จนกว่าจะมีสติ เพราะบางครั้งเราอาจจะไม่ได้ทำอะไรที่เป็นปัญหา แต่ว่าใจของเรานั่นแหละ ความหลง ความไม่รู้ตัว ความยึดติดถือมั่น ตรงนี้แหละที่มันสร้างปัญหา เราอาจจะไม่ได้นินทาว่าร้ายใคร เราอาจจะไม่ได้ไปรังแกใคร แต่ว่าใจของเรายังวางไว้ไม่ถูก ยังยึดติดถือมั่นเวลาใครว่าอะไรก็ไปจดจ่อใส่ใจ แทนที่จะปล่อยให้มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาก็ปล่อยให้มันวนเวียนในหัว ยิ่งวนเวียนเท่าไหร่ก็ยิ่งทุกข์ แล้วก็ไปโทษคนอื่น แต่ไม่ได้มองว่าความเป็นเพราะเราวางใจผิดจึงเกิดความทุกข์ขึ้นที่ใจของตัว การเจริญสติมันช่วยทำให้เราเห็นตัวเอง แล้วก็รู้เรื่องตัวเองเยอะ ๆ แล้วก็ไม่ให้ค่า ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องของคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความทุกข์ในใจเรา แต่ถ้าหากว่าเราไม่มีสติ มันก็จะอดไม่ได้ที่ส่งจิตออกนอก แล้วก็จะไปเห็นความผิดพลาดของคนนั้นคนนี้ รวมทั้งโทษด้วยว่าเขาสร้างปัญหาให้กับเรา ที่ค้าขายไม่ค่อยดีก็เป็นเพราะคู่แข่ง ไม่ใช่เป็นเพราะตัวเรา นี่มันไปถึงขนาดนี้ แล้วที่คำพูดของนักธุรกิจคนนี้ รู้เรื่องตัวเองเยอะ ๆ รู้เรื่องคนอื่นน้อย ๆ จริง ๆ แล้วนี่มันมีความหมายในทางธรรมไม่น้อยเลยถ้าหากว่าเรารู้จักมอง
Mon, 14 Apr 2025 - 26min - 1156 - 25680123pm--แก่อย่างมีความสุข
23 ม.ค. 68 - แก่อย่างมีความสุข : ใจจะไหลไปอดีต ลอยไปอนาคต ก็ดึงกลับมา ทำที่บ้าน ทำทุกวัน แล้วใจก็จะเริ่มมีความสดชื่น เพราะความรู้สึกตัวจะช่วยขับไล่ความเบื่อ ความเซ็ง ความเหงา มันจะปกป้องใจไม่ให้ความคิดเกี่ยวกับอดีตและอนาคตมารบกวนบีบคั้นเรา อย่าขยันแต่ทำบุญอย่างที่เคยทำ อันนี้ก็ดีอยู่แต่มันไม่พอ ต้องฝึกปฏิบัติธรรมด้วยเพื่อเราจะได้มีเครื่องมือรักษากายและใจ ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนเกียร์แล้วนะ จากเกียร์ 4 เกียร์ 5 มาเปลี่ยนเป็นเกียร์ 1 เกียร์ 2 จากการแสวงหาความสำเร็จ ชื่อเสียง เงินทอง แสวงหาความสุขสิ่งเสพ มาเป็นการดูแลรักษากายและใจให้เป็นสุข แล้วเราก็จะเป็นคนแก่ได้อย่างมีความสุข ใครจะเรียกว่าเราแก่ เราก็ไม่ได้อับอายอะไร ไม่ต้องเรียกว่าสูงวัยก็ได้ แก่อย่างมีคุณภาพ แก่อย่างมีความสุข ถึงเวลาป่วยก็จะป่วยได้โดยไม่ทุกข์ เพราะว่าเรามีธรรมะรักษากายและใจ เวลาป่วยก็ป่วยแต่กาย ใจไม่ป่วย ไม่วิตกกังวลอะไร อยู่กับความเจ็บป่วย อยู่กับความแก่ได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ นี่แหละคือสิ่งที่ธรรมะจะช่วยเราได้
Sun, 13 Apr 2025 - 27min - 1155 - 25680122pm--ชีวิตที่ถูกตามใจเป็นทุกข์ได้ง่าย
22 ม.ค. 68 - ชีวิตที่ถูกตามใจเป็นทุกข์ได้ง่าย : คนทุกวันนี้จิตใจอ่อนแอมาก ไม่สามารถที่จะสู้หรือทัดทานกิเลสได้ เพราะว่าถูกตามใจมาตลอด แล้วสิ่งที่ตามใจก็อย่างที่บอก ไม่ใช่พ่อแม่เท่านั้น แต่รวมถึงเทคโนโลยี โทรศัพท์มือถือ โซเชียลมีเดีย พวกนี้มันปรนเปรอเราตลอดเวลา ถ้าเราไม่รู้ทัน เราก็จะพึ่งพา เสพติดมัน แล้วก็ตกเป็นทาสของมัน เพราะว่าไม่มีความสามารถในการยับยั้งชั่งใจ หรือทักท้วงกิเลสได้ การเจริญสติก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่นั่นเป็นเรื่องของปัจจัยภายใน เราต้องช่วยกันสร้างหรือสรรหาปัจจัยภายนอกที่จะเกื้อกูลต่อการภาวนา ต่อการทำให้จิตใจของเราเข้มแข็งขึ้น ปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กัน มีแต่ปัจจัยภายใน แต่ว่าไม่ให้ความสำคัญกับปัจจัยภายนอก สติหรือว่าปัญญาของเราก็อาจจะไม่เข้มแข็งมากพอที่จะสู้กับกิเลสได้ แต่ถ้าหากว่ามีแต่ปัจจัยภายนอก แต่ไม่สร้างปัจจัยภายใน คือไม่ได้ฝึกจิตฝึกใจไว้ พอเราเปลี่ยนที่ กลับไปอยู่สถานที่เดิม มันก็กลับไปสู่ร่องเดิม ก็คือร่องแห่งความทุกข์ ชีวิตที่ย่ำแย่ ฉะนั้นถ้าเรารักชีวิต รักจิตรักใจของตัวเอง เราต้องรู้จักสร้างปัจจัยภายใน ควบคู่ไปกับการหาปัจจัยภายนอกที่จะช่วยทำให้เราเป็นตัวของตัวเองได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะมีสิ่งล่อเร้าเย้ายวนอย่างไร ก็ไม่ปล่อยใจให้หลงใหล หรือไม่ปล่อยให้กิเลสมีอำนาจเหนือจิตใจของเรา
Sat, 12 Apr 2025 - 27min - 1154 - 25680121pm--ความทุกข์ไม่จริง
21 ม.ค. 68 - ความทุกข์ไม่จริง : หลายคนเวลาพูดถึงอนิจจัง บางทีก็หวั่นไหว เพราะว่าอนิจจังก็หมายความว่าร่างกายก็จะเสื่อมถอยลงไป อันนี้รวมไปถึงทุกขังด้วย มันไม่เที่ยง คนรักของเรา พ่อแม่ของเรา ลูกของเราไม่เที่ยง สักวันหนึ่งพ่อแม่ก็จากเราไป หรือว่าต่อไปเราก็จะจากลูกจากหลาน นี่เพราะอนิจจัง ความหนุ่มความสาวก็จะเลือนหายไป มีความแก่มาแทนที่ นี่ก็อนิจจัง แล้วก็ทุกขัง หลายคนพอนึกถึงอันนี้แล้ว จิตใจก็หวั่นไหว ยิ่งนึกถึงความตาย ก็ยิ่งรู้สึกว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันชวนให้หดหู่ แต่ที่จริงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นของดีถ้าเข้าใจ ว่าที่เราทุกข์ เพราะว่าไปยึดมันต่างหาก ไปยึดสิ่งที่มันไม่เที่ยง ไปยึดสิ่งที่มันเป็นทุกข์ ไปยึดสิ่งที่มันไม่ใช่เราของเรา แล้วถึงเวลาที่มันแปรเปลี่ยนไป ถึงเวลาที่มันทุกข์ มันเสื่อมสลายไป ถึงเวลาที่ไม่อยู่ในอำนาจของเรา เราจึงเกิดความโกรธ ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความคับแค้นใจ เราไม่ได้ทุกข์เพราะอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เราทุกข์เพราะไม่รู้จักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาต่างหาก คือไม่รู้จักความจริง เพราะถ้าเรารู้จักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือเข้าใจพระไตรลักษณ์นี้อย่างแท้จริง มันไม่ทุกข์ ที่ว่าไม่ทุกข์ไม่ใช่เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่เสื่อม มันมีเสื่อม มีสลาย แต่เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่นว่ามันเป็นเราเป็นของเรา ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่ามันจะต้องไม่เสื่อม เพราะฉะนั้นพอมันเสื่อมไปก็เลยไม่ทุกข์
Fri, 11 Apr 2025 - 26min - 1153 - 25680120pm--สุขมีที่กลางใจ
20 ม.ค. 68 - สุขมีที่กลางใจ : คร ๆ ย่อมปรารถนาความสุข ทำทุกอย่างเพื่อหาความสุขมาเป็นของตน แต่ส่วนใหญ่แล้วมักคิดว่าสิ่งที่จะให้ความสุขนั้นอยู่นอกตัว และต้องมีให้ได้มาก ๆ ยิ่งหามาได้มากเท่าไร ก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น ดังนั้นจึงพยายามดิ้นรนไขว่คว้าหาเข้าตัวอย่างเต็มที่ โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วความสุขนั้นอยู่ที่ใจ หากแต่ถูกบดบังด้วยความทะยานอยากและความหลง ต่อเมื่อคลายจากความทะยานอยากและมีสติรู้ตัว ก็จะพบกับความสงบเย็นและโปร่งเบาในใจ ถึงตอนนั้นจึงจะพบว่าความสุขนั้นอยู่กับตัวเรามาตลอด เป็นแต่เรามองไม่เห็น ความสุขนั้นหาได้ที่กลางใจ ขอเพียงแต่มีเวลาอยู่กับตัวเองให้มากจนเป็นมิตรกับตัวเอง ไม่มัวแต่ชะเง้อมองไปนอกตัว หรือจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตนเองยังไม่มี ถ้าไม่ลืมตัว ปล่อยจิตให้หลงอยู่ในโลกแห่งความคิด หรือจมอยู่กับอดีตและอนาคต ก็จะพบความสุขกลางใจได้ไม่ยาก อันที่จริงเพียงแค่พอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้ ความสุขก็จะปรากฏแก่เราในทันที
Thu, 10 Apr 2025 - 29min - 1152 - 25680119pm--เห็นทุกข์ก่อนจึงคลายทุกข์ได้
19 ม.ค. 68 - เห็นทุกข์ก่อนจึงคลายทุกข์ได้ : ชายคนที่หึงหวง ตอนหลังเขาพบว่า มันไม่ได้เห็นใจเฉพาะตอนที่เกิดความหึงหวงเกิดความโกรธ เวลาใจโปร่งใจโล่งก็เห็น รับรู้ได้โดยที่ไม่รู้ตัวเขาก็พบ เขาก็ได้สร้างความรู้สึกตัวให้เกิดขึ้นในจิตใจ และพบว่าใจไม่ได้ถูกครอบงำด้วยความหึงหวงอย่างเดียว ช่วงเวลาที่มีความโปร่งเบาเป็นอิสระก็มี เพราะความรู้สึกตัว ก็เริ่มเห็นความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เพราะฉะนั้นอารมณ์หึงหวง มันก็เลยไม่สามารถจะครอบงำจิตใจเขาได้ ยังมีอยู่แต่ทำอะไรใจเขาไม่ได้ ตอนหลังก็ค่อยๆคลี่คลายไป กลายเป็นว่าเขาสามารถที่จะครองจิตครองใจได้ด้วยความรู้สึกตัว ไม่ต้องถูกปัญหานี้รุมเร้าซึ่งทำให้ความสัมพันธ์กับภรรยามันร้าวฉาน ฉะนั้นการมีสติรู้ทันอารมณ์ต่าง ๆ มีอานุภาพมาก ข้อสำคัญคือ มันต้องมีการปฏิบัติ และจะปฏิบัติได้ก็เพราะเห็นว่ามันจะช่วยแก้ปัญหา จะทำอย่างนี้ได้ก็ต้องเห็นว่าความโกรธ ความทุกข์ ความเครียด พวกนี้เป็นปัญหาก่อน เห็นโทษของมันแล้วคิดจะแก้ ถ้าไม่เห็นโทษของมัน ไม่คิดว่ามันเป็นปัญหา หรือไม่รู้ว่ามันมีด้วยซ้ำ อันนี้ก็เท่ากับตกเป็นทาสของมัน จนกระทั่งกว่าจะรู้ตัวก็อาจจะสายไปแล้วก็ได้
Wed, 09 Apr 2025 - 27min - 1151 - 25680118pm--เจออะไรไม่สำคัญว่าทำอย่างไร
18 ม.ค. 68 - เจออะไรไม่สำคัญว่าทำอย่างไร : แต่ถึงแม้เราเจอสิ่งแย่ ๆ เจออุปสรรค เจอความล้มเหลว เจอคำต่อว่าด่าทอ เจอความยากลำบาก เจอความร้อน เจอความหนาว แต่ว่าเราเกี่ยวข้องกับมันอย่างถูกต้อง ไม่หลง ไม่หลงจมอยู่ในความทุกข์ เอาแต่หงุดหงิด โวยวายตีโพยตีพาย มีสติเห็นมัน หรือว่ายกจิตเป็นอิสระจากมัน ไม่มีความยึดว่าเป็นกู เป็นของกู หนาวก็เห็นความหนาวแต่ว่าไม่มีผู้หนาว ร้อนก็เห็นความร้อนแต่ไม่มีผู้ร้อน ใครเขาต่อว่าด่าทอมา เสียงต่อว่าก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่มีอัตตาเข้าไปยึดเข้าไปจับ อันนี้ดีกว่าคนที่ได้รับแต่คำชื่นชมสรรเสริญแต่ก็หลงเพลินในสิ่งเหล่านั้น อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนพระนันทิยะว่า ผลแห่งความดีย่อมเป็นพิษจากผู้ไม่พิจารณา แล้วก็หลงใหลยึดติดในสิ่งนั้นจนประมาทมัวเมา ผลแห่งความดีในที่นี้ก็หมายถึงคำชื่นชมสรรเสริญ ใคร ๆ ก็ชอบ การได้รับการยกย่อง มีสถานภาพดีเรียกว่าเป็นผลแห่งความดี แต่ถ้าหากว่าเพลิน หลงใหลในสิ่งนั้น อันนี้ไม่ดีเท่ากับคนที่ถูกต่อว่าด่าทอแต่ว่าจิตใจไม่หวั่นไหว หรือว่าแม้จะอยู่ในภาวะที่ต่ำต้อยแต่ว่าก็ไม่ได้ทุกข์ระทม เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่สาระของชีวิต หรือเพราะไม่ได้ยึดติดถือมั่นในหน้าตา ฉะนั้นเวลาเราปฏิบัติธรรม อย่าไปมัวสนใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา แต่สนใจว่าเราทำอย่างไรกับมันดีกว่า เพราะนี่แหละเป็นเครื่องหมายของการเป็นนักปฏิบัติถ้าเราปฏิบัติถูก
Tue, 08 Apr 2025 - 30min - 1150 - 25680117pm--สุขหรือทุกข์อยู่ที่การให้ค่า
17 ม.ค. 68 - สุขหรือทุกข์อยู่ที่การให้ค่า : ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ มันยิ่งคิด เราก็ยิ่งรู้ กลายเป็นของดีไปเลย อันนี้รวมถึงเหตุการณ์ในอดีตด้วย ความยากจน ความล้มเหลว เวลานึกถึงมันแล้วก็รู้สึกจิตใจห่อเหี่ยว ท้อแท้ บางทีน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา แต่พอเรามองมันอีกครั้งหนึ่งโดยการให้ความหมายใหม่กับมันว่า มันเป็นสิ่งที่ฝึกใจเราให้เข้มแข็ง มันทำให้เราได้เห็นความจริงของชีวิต มันได้ปลุกเอาความสามารถที่แฝงเร้นอยู่ในจิตใจของเราออกมา ถ้าไม่เจอมันก็จะไม่รู้ว่าเรามีความอดทน มีความเข้มแข็ง มีสติปัญญา ต้องขอบคุณ หลายคนเคยคับแค้นใจกับประสบการณ์ในอดีต แต่พอเวลาผ่านไปหลายปี มองย้อนกลับมาเหตุการณ์เดียวกัน กลับซาบซึ้ง ขอบคุณ เพราะอะไร เพราะว่าเห็นคุณค่าของมัน หรือพูดอีกอย่างก็คือว่าให้ค่าหรือให้ความหมายใหม่กับมัน ไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องเลวร้าย แต่มองว่ามันเป็นสิ่งที่ฝึกฝนให้เราแกร่งอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ถ้าไม่มีเหตุการณ์นั้นหรือถ้าไม่มีวันนั้น เราก็ไม่มีวันนี้ ก็ต้องขอบคุณ แล้วต้องฉลาดในการจัดการ หรือในการรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต โดยตระหนักว่าเมื่อมันเกิดขึ้น เราจะสุขหรือทุกข์ไม่ใช่เพราะมัน แต่เพราะใจของเรานี้ไปให้ค่ากับมัน ถ้าเราให้ค่าในทางลบ เราก็ทุกข์ ถ้าเราให้ค่าในทางบวก เราก็ไม่ทุกข์ แถมจะมีความสุขหรือยินดีด้วยซ้ำ
Mon, 07 Apr 2025 - 25min - 1149 - 25680111pm--เข้าใจเรื่องกรรมอย่างไรให้ถูกต้อง
11 ม.ค. 68 - เข้าใจเรื่องกรรมอย่างไรให้ถูกต้อง : เพราะฉะนั้นความเจ็บ ความป่วย ไม่ใช่เป็นสิ่งเลวร้ายเสมอไป อยู่ที่ว่าเราจะมองหรือเราจะใช้มันอย่างไร ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องของกรรม ถ้าเรามองเป็น มีโยนิโสมนสิการ เราก็เห็นสังขารว่าเป็นทุกข์ ไม่น่ายึดถือ เห็นว่าทุกขเวทนาเป็นโทษของสังขาร ทุกขเวทนานั้นก็ส่งให้จิตหลุดพ้น แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับทุกขเวทนาไม่เป็น ทุกขเวทนาก็จะดึงจิตลงมาให้จมอยู่กับอารมณ์ที่เป็นอกุศล โศกเศร้า เกิดโทสะ เกิดความคับแค้น ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้จนถึงจิตสุดท้าย ก็ไปอบายแล้ว ทุกขเวทนานี้ถ้าคุณใช้เป็น มันสามารถจะส่งจิตให้หลุดพ้น หลุดพ้นจากวัฏสงสาร หลุดพ้นจากกิเลสได้ แต่ถ้าเกี่ยวข้องไม่เป็น ทุกขเวทนาจะดึงจิตให้จมปลักอยู่กับความทุกข์แสนสาหัส อยู่กับอารมณ์ที่เป็นอกุศล แล้วเกี่ยวข้องกับทุกขเวทนาอย่างไร อยู่ที่การฝึก เป็นเรื่องของกรรม ทุกขเวทนาเกิดจากอะไร เราไม่ไปเสียเวลาถามว่าเป็นเพราะกรรมเก่าหรือเพราะกรรมในปัจจุบัน เราจะสนใจว่าเราจะรับมือกับมันอย่างไร จะมีสติเห็นมัน จะมีปัญญาเห็นจนเข้าถึงสัจธรรม หรืออยู่ในความหลง ปล่อยให้มันครอบงำจิตจนเป็นอกุศลคับแค้น ตรงนี้เราเลือกได้ อยู่ที่การกระทำของเรา การกระทำที่ว่านี้คือกรรมฐาน จะใช้กรรมฐานหรือไม่ แล้วเรื่องกรรมไม่ใช่เป็นเรื่องของการทำดี ไม่เบียดเบียนใครเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการฝึกจิตจนกระทั่งอยู่เหนือกรรม จนหลุดพ้นเข้าถึงความสงบเย็นได้
Sun, 06 Apr 2025 - 1h 13min
Podcasts similaires à Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)
นิทานชาดก 072
พี่อ้อยพี่ฉอด ตัวต่อตัว CHANGE2561
พี่อ้อยพี่ฉอด พอดแคสต์ CHANGE2561
หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม dhamma.com
รอบโลก by กรุณาบัวคำศรี karunabuakamsri
ลงทุนแมน longtunman
Sleep - Meandering Piano Meandering Piano
Mission To The Moon Mission To The Moon Media
ธรรมนิยาย หลวงพ่อจรัญ (สัตว์โลกย่อมเป็นไปตา Ploy Techa
SONDHI TALK sondhitalk
คุยให้คิด Thai PBS Podcast
หน้าต่างโลก Thai PBS Podcast
ธรรมะจิตต์ดี THAMMAJITDEE
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย Thammapedia.com
อ่านแล้วอ่านเล่า Thananon Domthong
The Secret Sauce THE STANDARD
THE STANDARD PODCAST THE STANDARD
คำนี้ดี THE STANDARD
พระไตรปิฎกศึกษา-พระสมบัติ นันทิโก ชมรมผลดี
พุทธวจน พุทธวจน
Dr.Amp Podcast เรื่องเล่าสุขภาพดี โดย หมอแอมป์ นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ
ฝึกสมาธิ หลวงพ่อ สะอาด ฐิโตภาโส วัดป่า ดอนหายโศก ฟังธรรมะ donhaisok