Filtra per genere

Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)

- 1182 - 25680307pm--ในดีมีเสีย
7 มี.ค. 68 - ในดีมีเสีย : ถ้าเราไม่อยากแบกรับภาระมาก ก็ไม่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมาก พระพุทธเจ้าจึงสอนพระให้มีบริขารน้อยๆ มีบริขารน้อยๆ จะได้ไม่เป็นภาระมาก และจะได้ไม่ยึดติดกับบริขาร ถึงจะมีก็ต้องรู้ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทว่า นอกจากมันจะทำให้เกิดภาระมากขึ้นแล้ว มันก็ยังมีโทษ เพราะว่าพอไปยึดติดกับสิ่งนั้น แล้วพอมันเสื่อมสลายหายไป ก็ทุกข์ ถ้าไม่อยากทุกข์เพราะการเสื่อมสลาย ก็มีให้น้อยๆ และถ้าจะมี ก็มีด้วยความไม่ประมาท เข้าใจว่า สิ่งที่มีมันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ ความสะดวกสบายที่ได้รับ มันตามไปด้วยภาระ แล้วก่อโทษ เพราะฉะนั้นก็ต้องรู้จักใช้อย่างมีสติ ท่านเรียกว่ามีมนสิการ มีปัญญาเข้าใจธรรมชาติของสิ่งเหล่านี้ เพราะโลกนี้ทุกอย่างมันมาเป็นเป็นแพ็กเกจ มันมา มันพ่วงติดกัน อันนี้ก็ไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่ดี สิ่งที่ไม่ดีก็เหมือนกัน สิ่งที่ไม่ดีมันก็พ่วงเอาสิ่งดีๆ มาด้วย อย่าไปคิดว่าสิ่งที่ไม่ดีมันพ่วงหรือตามมาด้วยโทษ สิ่งที่เป็นโทษมันก็พ่วงสิ่งที่ดีเข้ามาด้วย ในทุกข์มันก็มีสุข ความยากลำบากนี้มันก็มีสิ่งดีๆ พ่วงติดมาด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเวลาใครเจอความยากลำบากนี้ก็อย่าไปตีอกชกหัว เพราะว่ามันก็นำสิ่งดีๆ มาให้กับเรา เหมือนกับที่หลายคนพบว่าความเจ็บป่วย โรคมะเร็งก็สามารถจะนำสิ่งดีๆ มาให้กับชีวิตได้หลายอย่าง อยู่ที่ว่าจะมองเห็นหรือเปล่า
Sun, 11 May 2025 - 20min - 1181 - 25680306pm--มองท้องฟ้าเห็นธรรม
6 มี.ค. 68 - มองท้องฟ้าเห็นธรรม : สิ่งที่มันผ่านเข้ามาในชีวิตเรา มันก็มีทั้ง 2 อย่าง สิ่งที่ย่ำแย่เหมือนลูกกรง กับสิ่งที่ดีงามเหมือนกับท้องฟ้าที่สว่างไสว การที่เราเห็นทั้ง 2 อย่างเป็นเรื่องดี แต่ถ้าหากว่าเราไปติด หรือมองลบก็จะเห็นแต่ลูกกรง แล้วก็จะมีความทุกข์มากว่า ฉันติดคุกนี่ ฉันไม่มีอิสระ ไปไหนมาไหนไม่ได้ ตีอกชกหัว แต่อีกคนหนึ่งไม่ยอมให้ลูกกรงนี้มาขวาง มาปิดบังความงดงามของท้องฟ้า ฉะนั้นเวลาเขาวาดรูป ก็วาดท้องฟ้าที่สวยงามโดยไม่มีลูกกรงเลย อันนี้มันเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ว่า เราจะเลือกมองเห็นแต่ลูกกรง หรือเราเลือกที่จะมองเห็นท้องฟ้า บางคนเดี๋ยวนี้มองเห็นแต่ลูกกรง ทั้งที่มองเลยไปหน่อยก็จะเห็นท้องฟ้า แต่มองไม่เห็นท้องฟ้า ฉะนั้นต้องฝึกใจของเราให้รู้จักมอง มองให้ทะลุลูกกรงออกไปจนเห็นท้องฟ้า และถ้ามองเห็นไปถึงขั้นว่า ท้องฟ้าก็สอนเราให้รู้จักวางใจเป็นกลางต่อความคิด อารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เหมือนกับท้องฟ้านี้อนุญาตให้เมฆนานาชนิดเกิดขึ้นได้ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรกับเมฆเหล่านั้น เพราะรู้ว่าไม่นานเมฆก็จางหายไป และท้องฟ้าก็ยังเป็นท้องฟ้าเหมือนเดิม อันนี้เรียกว่ารู้จักทำใจให้สงบ โปร่งเบา หรือยิ่งกว่านั้นก็คือ เห็นท้องฟ้าแล้วก็นึกถึงสัจธรรมความจริงว่าอะไร ๆ ต่าง ๆ ก็ล้วนแต่เชื่อมโยงสัมพันธ์กัน เมฆกลายเป็นดอกไม้ กลายเป็นอาหารที่เรากิน แล้วกลายเป็นน้ำที่เราดื่ม อันนี้เรียกว่าเกิดปัญญาขึ้นมา ไม่ใช่แค่จิตใจสว่าง โปร่งโล่ง ซึ่งจัดอยู่ว่าเป็นเรื่องของสมถะ แต่ยังเห็นสัจธรรมความจริง เกิดปัญญาขึ้นมาซึ่งเป็นเรื่องของวิปัสสนา ฉะนั้นท้องฟ้านี่สอนอะไรเราได้เยอะเลย ถ้าเรามองเป็น
Sat, 10 May 2025 - 19min - 1180 - 25680305pm--หาตัวช่วยเพื่อเสริมใจใฝ่ดี
5 มี.ค. 68 - หาตัวช่วยเพื่อเสริมใจใฝ่ดี : หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเดินกลับไปกลับมา หรือทำไมเวลายกมือสร้างจังหวะต้องหยุดสักนิดหน่อย แต่ละจังหวะๆ ต้องหยุดสักนิด แล้วก็ไปต่อ นี่เป็นตัวช่วย เพราะถ้าหากว่ายกมือสร้างจังหวะเป็นสายยาวเลย มันเปิดช่องให้ความหลงเล่นงานได้ เพราะว่าคนเราเวลาใจลอย หรือกำลังมันกับความคิด มันจะยกมือเป็นสายเลย ไม่มีหยุด การที่เราหยุดสักพักหนึ่ง มันทำให้ความคิดสะดุด พอความคิดสะดุด ตัวหลงก็พลอยสะดุดไปด้วย เปิดช่องให้ตัวรู้หรือสติเข้ามาทำงานแทน เพราะฉะนั้นการกลับไปกลับมา หรือว่าการยกมือสร้างจังหวะแล้วหยุด แต่ละจังหวะๆ มันช่วย หรือแม้แต่การทอดสายตา ทำไมไม่มองไกลๆ ทำไมต้องมองที่พื้น นี่ก็เป็นตัวช่วย ช่วยไม่ให้มันฟุ้ง แต่ถ้าเดินช้ามันก็ทำให้เครียดง่าย เราต้องรู้จัก เวลาเราเจริญกรรมฐาน หรือว่าเราจะทำสิ่งดีงามก็ตาม มันต้องมีตัวช่วยเสมอ โดยเฉพาะสำหรับผู้ฝึกใหม่ ต้องรู้จักหาตัวช่วย จะเป็นสถานที่ จะเป็นผู้คน เป็นสิ่งแวดล้อม เป็นวิถีชีวิต หรือกติกาที่สร้างขึ้นมาเอง พวกนี้เป็นตัวช่วยได้ เวลาเราฟุ้งๆ เราก็หาตัวช่วยที่ทำให้ใจมันไม่ฟุ้ง เวลาง่วง หาตัวช่วย ทำอย่างไร ก็เอาน้ำล้างหน้า หรือไม่ก็มองไปที่ท้องฟ้ากว้างๆ เห็นแสงสว่างก็ช่วยทำให้หายง่วงหายเครียดได้ พวกนี้เป็นตัวช่วยที่เราต้องรู้จัก มันจะเป็นกำลังให้กับตัวรู้ สามารถเอาชตัวหลงได้ เพราะฉะนั้นต้องรู้จักหาตัวช่วยให้กับตัวเอง ตัวช่วยสำหรับตัวรู้หรือตัวช่วยสำหรับใจใฝ่ดี ถ้ามันมีตัวช่วยอย่างนี้ มันก็ทำให้ใจเรามีพลัง มีความเข้มแข็ง เอาชกิเลส เอาชตัวหลงได้
Wed, 07 May 2025 - 28min - 1179 - 25680304pm--ออกจากคุกทางใจ
4 มี.ค. - ออกจากคุกทางใจ : คุกทางใจมีหลายอย่าง มีทั้งความเศร้าโศก ความเสียใจ ความรู้สึกผิด ความโกรธแค้นพยาบาท ความอาลัยอาวรณ์ แต่ทั้งหมดนี้มันต้องเริ่มต้นจากการเผชิญหน้ากับมัน ถ้าเรามีสติรู้จักวิชา “รู้ซื่อๆ” ดูมัน โดยไม่เผลอพลัดเข้าไปเป็นมัน หรือเข้าไปจมอยู่ในอารมณ์ มันก็ออกมาได้เหมือนกัน หรือเดี๋ยวนี้คุกที่ขังคน ขังใจคนจำนวนไม่น้อยคือความซึมเศร้า เป็นกันเยอะ เพราะว่าปล่อยใจให้ไปจมอยู่กับอารมณ์ต่างๆ หรือปล่อยใจให้ไปจมอยู่กับเหตุการณ์ในอดีตที่เจ็บปวด พอหลุดออกมาไม่ได้ก็กลายเป็นจมดิ่ง เกิดภาวะซึมเศร้าขึ้นมา ซึ่งก็เป็นภาวะที่สร้างความทุกข์ให้กับผู้คน ที่ยิ่งกว่าติดคุกเสียอีก ติดคุกที่มันก่อด้วยอิฐสร้างด้วยปูน ก็ยังไม่ร้ายเท่ากับติดคุกทางใจที่ว่า แต่ถ้าหากว่าสามารถเผชิญกับมันได้ ก็เป็นอิสระ อย่างที่ว่า หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีอารมณ์พวกนี้มันหนียาก โดยเฉพาะอารมณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับอดีตที่เจ็บปวด การที่คนเราสามารถจะหลุดจากอดีต กลับมาอยู่กับปัจจุบันได้ มันเป็นวิชาที่สำคัญมาก เพราะช่วยทำให้เรามีชีวิตเต็มร้อยอย่างแท้จริง ทุกวันนี้คนพูดถึงการมีชีวิตเต็มร้อย แต่ส่วนใหญ่หมายถึงการเที่ยว การสนุกสนานให้เต็มฟัดเต็มเหวี่ยง แต่จริงๆ แล้วการมีชีวิตเต็มร้อยคือการอยู่กับปัจจุบัน อยู่ด้วยความรู้สึกตัว ไม่หลงจมอยู่กับอดีต หรืออารมณ์ที่เจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นความโศกเศร้า ความรู้สึกผิด หรือว่าความโกรธแค้นพยาบาท ถ้ายังอยู่กับอารมณ์เหล่านี้ ยังจมอยู่กับอารมณ์เหล่านี้ ก็ยากที่จะบอกได้ว่าเป็นชีวิตที่เต็มร้อย จะเรียกว่ามีชีวิตจริงจังๆ ก็ยังไม่ได้เลย เพราะว่าเป็นชีวิตที่หลงจมอยู่กับอดีต ไม่ใช่กับปัจจุบัน
Tue, 06 May 2025 - 29min - 1178 - 25680303pm--สงบได้แม้ใจกระเพื่อม
3 มี.ค. 68 - สงบได้แม้ใจกระเพื่อม : อารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ ความโกรธ ความเครียด ความหงุดหงิด มันเกิดขึ้นแต่เห็นมัน ไม่เข้าไปยึด ไม่มีผู้โกรธ ไม่มีผู้โศกผู้เศร้า มันก็ไม่ทุกข์ อันนี้ต้องฝึกให้ได้แม้ว่าเรายังไม่สามารถทำให้จิตไม่หวั่นไหวใจไม่กระเพื่อมเวลามีการกระทบเกิดขึ้น คนธรรมดาก็ย่อมมีอาการกระเพื่อม เวลาเจอเสียงดัง เวลาเจอคนต่อว่าด่าทอ เวลาสูญเสียทรัพย์ เวลาเจ็บป่วย แต่พอมันกระเพื่อมแล้วก็เห็นมัน เห็นแล้วก็วาง เห็นแล้วก็ปล่อย มันก็สงบลง เป็นความสงบที่เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เพราะมีเสียงดังจากข้างนอกแต่เพราะมีอารมณ์ที่ไม่พอใจเกิดขึ้นข้างในก็ยังสงบได้ อันนี้คือความสงบที่เราควรจะรู้จัก
Mon, 05 May 2025 - 29min - 1177 - 25680302pm--เสียงในหัวคือตัวการก่อทุกข์
2 มี.ค. 68 - เสียงในหัวคือตัวการก่อทุกข์ : เวลาใครทำอะไรไม่ถูกใจก็มีเสียงในหัวดัง เสียงพวกนี้เป็นตัวการแห่งความทุกข์มากกว่า เพราะว่าถ้าไม่มีเสียงนี้หรือเสียงมันสงบ เจออะไรใจก็ไม่ทุกข์ แต่พอปล่อยให้เสียงในหัวดังแล้วก็ไปเกี่ยวข้องกับมันไม่ถูก ไปหลงเชื่อมันบ้าง ไปตกอยู่ในอำนาจของมันบ้าง หรือไม่ก็ไปผลักไสมัน ต้องมีสติไว ไวเห็น ไวจนเห็นละเอียดพอที่จะได้ยิน รับรู้เสียงในหัวที่ดัง ที่จริงมันก็ไม่ใช่มีเท่านี้ มันมีเสียงที่มาล่อหลอกให้เราเกิดความโลภ หรือว่าหลอกให้เราหาสิ่งปรนเปรอสนองกิเลสสารพัด เราต้องรู้ทัน ฉับไวมากพอ คิดอย่างเดียวไม่พอมันต้องมีสติด้วย สติที่จะเห็น รับรู้เวลามีเสียงพวกนี้ดังขึ้นมา ใจมันก็กระเพื่อม ก็รู้ทัน แล้วก็แค่รู้ซื่อ ๆ มันก็เรียกว่าหมดพิษสง และไม่ช้าก็จะดับไป เสียงดังกระทบหูแต่เสียงในหัวไม่ดัง ใจก็สงบได้ ที่ใจไม่สงบมันไม่ใช่เพราะเสียงข้างนอกแต่เป็นเพราะเสียงในหัวต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะความโกรธ ความกลัว ความโลภ พวกนี้ก็ทำให้จิตใจไม่สงบได้ เป็นทุกข์แม้ว่ารอบตัวจะราบรื่นหรือสงบสงัดก็ตาม
Sun, 04 May 2025 - 28min - 1176 - 25680301pm--ทักท้วงวิธิคิด ปิดทางกิเลส
1 มี.ค. 68 - ทักท้วงวิธิคิด ปิดทางกิเลส : ที่ว่าศึกษาธรรมไม่เป็นคืออย่างไร ก็คือศึกษาเพื่อยกตนข่มท่าน เพื่อกำราบผู้อื่นไม่ให้คิดแย้ง ไม่ให้ถกเถียง เอามาใช้ข่มคนอื่น หรือมิฉะนั้นก็เพื่อแสวงหาลาภสักการะ แสวงหาลาภสักการะมาสนองกามตัณหา แต่ว่าเพื่อยกตนข่มท่านมันสนองภวตัณหา ความเป็นใหญ่กว่าคนอื่น เก่งกว่าคนอื่น ไม่ได้ปรารถนาลาภสักการะ แต่ต้องการให้คนชื่นชมสรรเสริญ หรือทำให้ตัวตนมันพองโต แต่ถ้าเกิดว่าเรามีสติ เราก็จะเฉลียวใจ หรือว่าเห็นกิเลสตัวใหญ่ๆ มันซ่อนอยู่เบื้องหลัง ไม่หลงเคลิ้มคล้อยไปกับเหตุผล แม้จะสวยหรูเพราะว่ามีธรรมะมาเป็นเครื่องยืนยัน แต่ว่าก็ยังสามารถที่จะมองทะลุไปเห็นว่า ที่อ้างธรรมะนี่ มันเพื่อสนองหรือปรนเปรอกิเลส มันแยบคายมาก แต่ถ้าเกิดว่าเรามีสติเมื่อไหร่ เราก็จะรู้ทัน มันไม่ใช่ช่วยทำให้เราไม่มัวแต่คิดลบอย่างเดียว หัดรู้จักมอง หรือคิดในทางบวก มันมากกว่านั้น มันทำให้รู้เท่าทันกิเลส รู้เท่าทันตัวอารมณ์ที่มันแสดงออกมาด้วยการผลักดันของกิเลส เวลาโกรธ เวลาโลภ ก็รู้ว่ามันเป็นฝีมือของกิเลส หรือถึงแม้มองไม่เห็น ก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องจัดการ จัดการด้วยความรู้เท่าทัน ไม่ปล่อยให้ความโกรธครองใจ ไม่ปล่อยให้ความโลภครองใจ หรือรวมถึงไม่ปล่อยให้ความคิดลบคิดร้ายมันครอบงำใจ จนกระทั่งสร้างความทุกข์ให้กับตัวเอง นอกเหนือจากการความทุกข์ให้กับผู้อื่น ฉะนั้น การหมั่นมองตนเป็นเรื่องสำคัญมาก หมั่นมองตน และหมั่นทักท้วง ว่าสิ่งที่เราทำคิด มันคิดดีแล้วหรือ หรือบางทีเพียงแต่รู้จักคิดสลับขั้วเท่านั้นแหละ ความทุกข์มันก็ลดไปเยอะ เปลี่ยนดินฟ้าอากาศไม่ได้ แต่ว่าเปลี่ยนมุมมองได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องลองหมั่นพิจารณาตัวเองอยู่เสมอ
Sat, 03 May 2025 - 26min - 1175 - 25680221pm--สันติวิหารในเรือนใจ
21 ก.พ. 68 - สันติวิหารในเรือนใจ : จึงอยากจะให้พวกเราตระหนักว่า สันติวิหารมันไม่ใช่แค่เป็นอาคาร ไม่ใช่เป็นสถานที่ แต่มันยังเป็นอุดมคติของเราทุกคน แม้เป็นฆราวาสจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสันติวิหารที่เป็นตึกเป็นอาคารได้ แต่เราจะได้อานิสงส์อย่างมากเลยถ้าเรามีสันติวิหารในเรือนใจ และไม่ว่าใจของเราที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไร จะย่ำแย่แค่ไหน แต่ว่าเราสามารถที่จะสถาปนาให้เกิดสันติวิหารในใจได้ สันติวิหารตึกนี้เมื่อปีที่แล้ว มันดูไม่ได้เลย ทั้งซกมก สกปรก มอซอ แล้วก็อันตราย คือถ้าใครไม่ได้เห็นภาพจะนึกไม่ออกว่าปีที่แล้วมันไม่น่าอยู่เอาเสียเลย แต่ตอนนี้ดูสิ น่าอยู่ ตึกที่โทรม ๆ มันซ่อมได้ มันรีโนเวต(Renovate) ให้ดีได้ ชีวิตของเรามันจะย่ำแย่อย่างไรที่ผ่านมา มันสร้างได้ รีโนเวตได้ จิตใจของเราที่ผ่านมาแม้มันจะย่ำแย่ สกปรก หม่นหมอง แต่เราสามารถทำให้กลับกลายเป็นเรือนสงบที่น่าอยู่ได้ มันอยู่ที่ความตั้งใจ อยู่ที่การฝึกจิต
Fri, 02 May 2025 - 47min - 1174 - 25680219pm--ดูแลพ่อแม่อย่างไรใจไม่ทุกข์
19 ก.พ. 68 - ดูแลพ่อแม่อย่างไรใจไม่ทุกข์ : เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า ส่วนผู้ใหญ่ในวันนี้คือเด็กในวันหน้า ท่านก็หมายถึงคนแก่ก็เหมือนกับเด็ก ต้องการความเห็นใจ ขี้เหงา แล้วก็เอาใจตัว เป็นต้น บางที่ก็หดหู่ห่อเหี่ยวง่าย เจออะไรมากระทบบางทีก็ร้องไห้ หรือไม่ก็กราดเกรี้ยว จะว่าไปก็ไม่ต่างกับเด็ก ถ้าเกิดว่าลูกยอมรับว่าพ่อแม่ของเราเป็นอย่างนี้ พอถึงวัยชราแล้วมันก็เป็นอย่างนี้แหละ ร่างกายที่เสื่อมถอย ความตายที่ใกล้เข้ามา รวมทั้งเคมีฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนไป มันทำให้คนที่รื่นเริงแจ่มใสกลายเป็นคนหดหู่เหี่ยว เพราะฉะนั้นก็เลยอ่อนไหว อยากให้คนอยู่ใกล้ พอลูกจะไม่อยู่ใกล้เพราะไปธุระ ก็ไม่พอใจ กลัว ตื่นตระหนก กราดเกรี้ยว อันนี้จะว่าไปมันก็ไม่ต่างกับเด็ก ถ้ายอมรับว่าคนแก่พอมาถึงวัยหนึ่งแล้วก็ไม่ต่างจากเด็ก ยอมรับเขาได้อย่างที่เขาเป็น ไม่ติดในภาพที่เขาเป็นผู้ใหญ่ที่องอาจ เข้มแข็ง แจ่มใส มันก็ไม่ทุกข์เท่าไร แล้วที่จริงถ้ามองอีกแง่หนึ่ง สิ่งที่พ่อแม่ทำกับเราในวันนี้ ก็ไม่ต่างจากที่เราทำกับพ่อแม่ตอนที่เรายังเด็ก ตอนที่เรายังเด็กเราก็โวยวาย เอาใจตัวเหมือนกัน บางทีถีบ บางทีอาละวาด ขว้างปาข้าวของเวลาไม่ถูกใจ ถึงตอนนี้สิ่งที่เราทำกับพ่อแม่ พ่อแม่ก็ทำกับเรา แล้วก็อย่างที่บอกคือว่าตอนที่เราทำกับพ่อแม่นี่เรายังเด็ก พ่อแม่เป็นผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว พ่อแม่สลับบทบาทกลายเป็นเด็กไปแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่พ่อแม่ทำกับเรา มันก็ไม่ต่างจากเราทำกับพ่อแม่ตอนที่เรายังเด็ก ลองนึกแบบนี้ก็ถือว่ามันก็แฟร์ เราทำกับเขาอย่างไร ตอนนี้เขาก็ทำกับเราอย่างนี้แหละ
Thu, 01 May 2025 - 28min - 1173 - 25680218pm--ยิ่งอยากได้ ก็ยิ่งไม่ได้
18 ก.พ. 68 - ยิ่งอยากได้ ก็ยิ่งไม่ได้ : ยิ่งอยากให้เสร็จเร็วๆ ก็ยิ่งเนิ่นช้า แต่ยิ่งอยากให้มันเนิ่นนาน มันยิ่งกลับผ่านไปเร็ว อันนี้เราคงรู้สึกได้ เวลาสนุกอยากให้มันสนุกนานๆ แต่ทำไมมันสนุกแป๊บเดียวเอง เวลาเจอความเบื่อ อยากให้ความเบื่อมันหายไปไวๆ ทำไมมันนานเหลือเกิน ที่จริงมันไม่นานหรอก มันก็เท่าเดิมนั่นแหละ เพียงแต่ว่าความรู้สึกถ้ามันเจือด้วยความอยากให้ผ่านไปไวๆ มันก็จะรู้สึกว่าผ่านไปเนิ่นนาน เนิ่นช้า ถ้าอยากให้มันผ่านไปช้าๆ ให้รู้สึกเนิ่นนาน มันกลับผ่านไปเร็ว ยิ่งอยากได้ยิ่งไม่ได้ แต่พอยิ่งสละ กลับได้ เช่น ความสุข ถ้าอยากได้ความสุข มันยิ่งทุกข์นะ เพราะว่าไม่ใช่ว่าไม่ได้ มันได้ แต่มันได้เท่าไหร่ก็ไม่พอใจ แต่ว่าพอไม่อยากได้ แถมสละด้วยนะ เช่น ให้ ผู้ให้ความสุขย่อมได้รับความสุข อันนี้เป็นพุทธภาษิต มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พอเรายิ่งให้ยิ่งได้ แต่ถ้ายิ่งตักตวงก็ยิ่งสูญเสีย หรือไม่ได้ มันเป็นด้านตรงข้ามที่อยู่ด้วยกัน อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราต้องเรียนรู้ คำว่าอยากหรือคาดหวัง มันเป็นอุปสรรคที่ทำให้สิ่งที่อยากหรือสิ่งที่คาดหวังไม่เกิดขึ้น หรือมาได้อย่างช้า ที่จริงบางทีมันไม่ได้ช้า แล้วมันก็ไม่ได้น้อยด้วย แต่ความอยากมันทำให้รู้สึกว่ามันช้า ความอยากมันทำให้รู้สึกว่าที่ได้มันยังน้อย เพราะยิ่งอยากก็ยิ่งโลภ เช่นเดียวกัน ความกลัวก็เหมือนกัน ยิ่งกลัวอะไรยิ่งเจอ ยิ่งกลัวความสูญเสียก็ยิ่งเจอความสูญเสีย ยิ่งกลัวผีก็ยิ่งเจอผี บางทีมันไม่ใช่ สิ่งที่เจอมันไม่ใช่ผีหรอก แต่ใจมันปรุง ยิ่งกลัวก็ยิ่งเจอ คนที่นอนไม่หลับ ยิ่งอยากนอนให้หลับ มันก็ยิ่งไม่หลับ แต่พอลืมความอยากไป มันจะหลับเมื่อไหร่ก็ได้ ฉันไม่สนใจ ปรากฏว่าไม่นานก็หลับ ความอยากนอนหลับมันทำให้เกิดความเครียด พอเกิดความเครียดแล้วก็ทำให้ใจมันไม่ค่อยสงบ มันก็เลยหลับได้ยาก พอมีความเครียดก็มีฮอร์โมนบางตัวหลั่งออกมา คอร์ติซอลอะไรต่างๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการนอนไม่หลับ จริงๆ การนอนไม่หลับไม่ได้ทำให้เราทุกข์ แต่ที่เราทุกข์เพราะอยากนอนให้หลับ เวลานอนไม่หลับมันก็ไม่ได้ทุกข์อะไร เพราะไม่มีเจ็บไม่มีปวด ก็แค่นอนอยู่บนเตียง หรือนอนอยู่บนฟูก นอนอยู่บนเบาะ ไม่ได้ทำอะไร ไม่เหนื่อยไม่ออกแรง ไม่ปวด มันจะทุกข์อะไร แต่ทำไมบางคนทุกข์ ทุกข์เพราะอะไร ไม่ใช่ทุกข์เพราะนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะอยากนอนให้หลับ พออยากนอนให้หลับมันก็ยิ่งไม่หลับ แต่หลายคนก็เรียนรู้วิธี ก็อย่าไปสนใจความอยาก กลับมาตามลมหายใจ กลับมายอมรับความจริงว่าไม่หลับก็ไม่หลับ ปรากฏว่าไม่นานก็หลับเอง แต่คนที่อยากนอนให้หลับต่างหากที่นอนไม่หลับ อันนี้ก็เป็นเรื่องเดียวกัน ยิ่งอยากได้ก็ยิ่งไม่ได้ แต่ปัญหาคือคนเราไม่ค่อยตระหนักว่า ความอยากคือปัญหา ความอยากคืออุปสรรค รวมทั้งความคาดหวังด้วย
Wed, 30 Apr 2025 - 27min - 1172 - 25680217pm--หลงเชื่อทุกความคิด ชีวิตย่ำแย่
17 ก.พ. 68 - หลงเชื่อทุกความคิด ชีวิตย่ำแย่ : ที่จริงหลายคนแม้จะไม่ถูกหลอกด้วยเพราะมิจฉาชีพ แต่ว่าชีวิตก็ย่ำแย่เพราะว่าความคิดมันหลอก หลอกเรื่องการพนัน หลอกเรื่องอบายมุข โดยที่ไม่มีมิจฉาชีพมาเกี่ยวข้องเลย แต่ว่าชีวิตก็ย่ำแย่ เพราะฉะนั้นการรู้ทันความคิดนี้มันสำคัญมากเลย และก่อนที่จะ และการที่จะรู้ทันความคิดที่จะพาเราเข้ารกเข้าพงได้ มันต้องฝึกรู้ทันความคิดที่เป็นตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน อย่างเช่นความคิดเรี่ยราด ความคิดเพ้อเจ้อ ความคิดพวกนี้มันไม่ค่อยอันตรายเท่าไหร่ แต่มันเกิดขึ้นทุกวัน ๆ เวลาเราอาบน้ำ เวลาเราถูฟัน มันก็จะมีความคิดเรี่ยราด มีความคิดเพ้อเจ้อ ซึ่งแม้จะไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่ถ้าเราฝึกรู้ทันมันเอาไว้ ไม่ปล่อยให้มันพาจิตกระเจิดกระเจิง รู้จักปล่อย รู้จักวาง รู้จักทักท้วงมันบ้าง ต่อไปถ้าเป็นความคิดที่มันปรุงแต่งไปในทางลบทางร้าย ที่ก่อให้เกิดโทษ ถ้าเราหลงตามมัน เราก็จะรู้จักทักท้วงมันได้ ถ้าปล่อยให้จิตใจนี้หลงเชื่อความคิดที่เรี่ยราด ความคิดเพ้อเจ้อ ต่อไปความคิดปรุงแต่งที่มันแย่ ๆ เราก็จะหลงเชื่อได้ง่าย ถึงตอนนั้นก็อาจจะสายไปแล้ว เพราะว่าทำอะไรที่แย่ไปเรียบร้อยแล้ว
Tue, 29 Apr 2025 - 26min - 1171 - 25680216pm--จะเลือกสุขหรือเลือกทุกข์
16 ก.พ. 68 - จะเลือกสุขหรือเลือกทุกข์ : คนเราไม่ว่าจะตกอยู่ในเหตุการณ์ใด เราก็ยังเลือกได้ว่าจะสุขหรือทุกข์ถึงแม้ว่าทุกข์ไปเรียบร้อยแล้ว ทุกข์เพราะเศร้า ทุกข์เพราะโศก ทุกข์เพราะโกรธ ทุกข์เพราะเครียด ทุกข์เพราะกลัว แต่ก็ยังไม่สายที่จะเลือก เลือกอะไร เลือกสุข อย่างน้อยก็ต้องรู้จักถามตัวเองตอนที่กำลังทุกข์ว่า ฉันจะเลือกอะไร จะเลือกสุขหรือจะเลือกทุกข์ ถ้าเลือกสุขก็ต้องลงมือ พาใจกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เปิดใจรับรู้สิ่งดี ๆ ที่มีอยู่รอบตัว หรือว่ากลับมาตามลมหายใจ กลับมารับรู้กายแม้ว่ายังโกรธ แม้ว่ากำลังเครียด กลับมารู้ใจที่กำลังมีความโกรธ เผาลน กำลังมีความหนักอกหนักใจ บีบคั้นใจ มีความเกลียดทิ่มแทงใจ แล้วก็ไม่ต้องไปทะเลาะกับอารมณ์เหล่านี้ เพราะอารมณ์เหล่านี้มันก็ชวนทะเลาะอยู่แล้ว ใหม่ ๆ มันก็จะมีการยื้อแย่งต่อสู้กัน เราเลือกสุขแล้วแต่ยังอยากทุกข์ แต่ว่าถ้าเราทำไปเรื่อย ๆ ไม่ไปทะเลาะกับมัน อนุญาตให้มันโกรธได้ อนุญาตให้ความทุกข์เกิดขึ้นได้ ไม่ผลักไสไล่ส่งมัน แค่ดูอยู่ห่าง ๆ มันก็จะล่าถอยไป ใหม่ ๆ ก็มานึกได้ว่า ฉันควรเลือกสุขหลังจากที่เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว แต่ต่อไปมันก็จะนึกขึ้นได้กลางวง หรือระหว่างที่กำลังจมในความทุกข์ นั่นแหละก็เปิดช่องให้สติความรู้สึกตัวเข้ามา ทำให้เห็นทำให้รู้ว่ากำลังทุกข์ แล้วก็ลงมือที่จะเติมสุขให้ใจ เติมความรู้สึกตัวให้ใจ และสุดท้ายก็จะสามารถครองจิตครองใจในขณะที่ความทุกข์มันก็ค่อย ๆ ละลายหายไป อย่าลืม ลองถามตัวเองเวลาเศร้าเวลาโศกเวลาโศกเวลาเครียดว่า ฉันจะเลือกสุขหรือจะเลือกทุกข์
Mon, 28 Apr 2025 - 28min - 1170 - 25680215pm--หมั่นเตือนใจตนว่าอะไรๆก็เกิดขึ้นได้
15 ก.พ. 68 - หมั่นเตือนใจตนว่าอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ : ไม่ว่าจะเป็นลาภยศ สรรเสริญ พวกนี้เป็นสิ่งที่สามารถจะเปลี่ยนคนให้กลายเป็นอีกคนได้ แล้วไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีด้วย เปลี่ยนไปในทางที่แย่ เสื่อมลาภเสื่อมยศก็เหมือนกัน หรือว่าความเจ็บป่วย ความแก่ชรา ไม่ต้องพูดถึงความตาย ฉะนั้นคนเรายังไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับความไม่เที่ยงของสังขาร หรือความผันผวนแปรปรวนของโลก มันก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งแย่กว่าเดิม ที่จริงการปฏิบัติธรรมมันก็ทำให้เราเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งอยู่แล้ว แต่ว่าเป็นอีกคนที่ดีกว่าเดิม พร้อมที่จะเผชิญกับความทุกข์ ความพลัดพราก ความสูญเสีย ความไม่สมหวังได้ มันทำให้เราได้พบกับมิติใหม่ของตัวเอง หรืออย่างน้อยก็สามารถที่จะคุมความเป็นผู้เป็นคนเอาไว้ได้ ในยามที่เจอกับความสูญเสีย ในยามที่เจอกับความผันผวนปรวนแปรของชีวิต ถ้าไม่ตระหนัก เกิดความประมาท ไม่เข้าใจว่าอะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ มันก็อาจจะทำให้เกิดความหลงตัวลืมตน ไม่คิดที่จะเตรียมเนื้อเตรียมตัว หรือเตรียมใจในการที่จะรับมือกับสิ่งเหล่านี้ ตอนที่เราอยู่ตอนนี้ความรู้สึกตอนนี้มันจะไม่เหมือนเดิมเมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป แต่ถ้าหากว่าทำใจยอมรับได้ อย่างน้อยก็ไม่ทุกข์ ถึงเวลาเจ็บป่วยนิสัยใจคอความรู้สึกอาจจะเปลี่ยนไป ก็จะยังคงความปกติเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ทุกข์ แล้วต้องเตือนใจอยู่เสมอ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันจะไม่อยู่จนถึงวันหน้า เพราะวันหน้าอาจจะกลายเป็นอื่นไปแล้วก็ได้
Sun, 27 Apr 2025 - 25min - 1169 - 25680214pm--รักตัวเองก่อนรักคนอื่น
14 ก.พ. 68 - รักตัวเองก่อนรักคนอื่น : วันแห่งความรัก เราควรนึกถึงการให้ดอกไม้แก่ตัวเองมั่ง ให้เพื่ออะไร เพื่อเป็นกำลังใจ กำลังใจที่อาจจะรู้สึกท้อแท้กับชีวิตที่ผ่านมา รู้สึกเหนื่อยล้า รู้สึกผิดที่ยังทำดีไม่พอ บางทีเราต้องให้กำลังใจตัวเอง การให้ดอกไม้ก็เป็นการให้กำลังใจตัวเองเพื่อให้เดินหน้าต่อไป อย่าท้อถอย ภาษาสมัยใหม่เขาเรียกให้มูฟออน ไม่ใช่เอาแต่ห่อเหี่ยว ท้อแท้ เพราะโบยตีตัวเองว่าเธอมันแย่ เธอมันไม่ได้เรื่อง แล้วเราต้องให้ดอกไม้แก่ตัวเองเป็นกำลังใจให้เดินหน้าต่อไป หรือไม่ก็ให้เพื่อเป็นรางวัลว่า โอ้โห เธอไม่ใช่ย่อยเลยนะ ตลอดปีที่ผ่านมาอุปสรรคมากมาย เธอก็สามารถฟันฝ่ามันไปได้ ฉันให้กำลังใจ ฉันให้รางวัลเธอนะเป็นดอกไม้ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ เป็นการแสดงความชื่นชม คนเราต้องทำแบบนี้กับตัวเองบ้าง ไม่ใช่เอาแต่โบยตีตัวเอง ทำให้จิตใจรู้สึกท้อแท้ หรือบั่นทอนความหวังกำลังใจที่จะก้าวหน้าต่อไป และถ้าทำดีก็ต้องให้รางวัล ให้ดอกไม้นี่แหละเป็นสัญลักษณ์ของการให้กำลังใจ เพื่อที่ตัวเองจะได้เดินหน้าต่อไป แล้วก็เป็นการให้รางวัลกับสิ่งดี ๆ ที่เราได้ทำ กับความพากเพียรพยายามที่ฟันฝ่าอุปสรรคมาได้ หรือว่าความสำเร็จโดยเฉพาะการที่รู้จักรักตัวเองให้ถูกต้อง เติมสติให้กับตัวเอง เติมความรู้สึกตัวให้กับตัวเอง ก็เป็นเหตุผลที่เราสมควรจะให้รางวัลกับตัวเอง เพื่อจะได้มีกำลังใจในการทำความดีเช่นนี้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
Sat, 26 Apr 2025 - 29min - 1168 - 25680213pm--ความนิ่งสงบที่พบได้แม้ใจกระเพื่อม
13 ก.พ. 68 - ความนิ่งสงบที่พบได้แม้ใจกระเพื่อม : แม้ว่าเราจะไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำให้ใจสงบได้ ในยามที่มีความเจ็บป่วยทางกาย แต่อย่างน้อยถ้าเราเห็นใจที่มันไม่สงบ อันนั้นก็จะทำให้เราได้เข้าถึงความสงบอีกชั้นหนึ่ง ที่เป็นความสงบชั้นรอง ซึ่งมันอยู่ในวิสัยที่เราจะทำได้ นักภาวนาจำนวนมากไม่รู้จักความสงบแบบนี้ ไปรู้จักหรือคาดหวังแต่ความสงบตัวหลักที่ว่าเจออะไรใจไม่กระเพื่อม แต่ไม่ได้นึกว่าแม้ใจกระเพื่อมแล้ว แม้จะมีอารมณ์เกิดขึ้น แม้จะมีความคิดฟุ้งซ่านเกิดขึ้น ก็ยังสามารถจะเข้าถึงความสงบอีกชั้นหนึ่งได้ แม้จะเป็นความสงบชั้นรอง แต่ว่ามันก็ช่วยทำให้อาการที่กระเพื่อมภายในใจมันไม่มารบกวน เพราะว่าพอเห็นความหงุดหงิด เห็นความท้อแท้ เห็นความผิดหวัง เห็นความโกรธที่เกิดขึ้น เนื่องจากความเจ็บความป่วย พออารมณ์เหล่านี้มันถูกเห็น มันก็จะสงบลงได้ ไม่ใช่ว่าใจไม่กระเพื่อม แต่มันกระเพื่อมได้ไม่นาน เพราะว่ามันถูกรู้ถูกเห็น นี้เป็นสิ่งที่เราควรจะมารู้จัก แล้วก็ทำให้มันเกิดขึ้นด้วยการฝึก ฝึกให้มีสติเห็นอารมณ์ต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น เห็นแล้วก็รู้ทันการรู้ทันนี่แหละที่จะช่วยทำให้วางมันลงได้ ของแบบนี้มันต้องฝึก ฝึกเอาจากการที่มีสติ มารู้จิต มารู้เวทนา เราอาจจะไม่มีสติมากพอที่จะทำให้เกิดภาวะป่วยกายแต่ใจไม่ป่วย ไม่มีสติมากพอที่จะเห็นความปวดโดยไม่เป็นผู้ปวด แต่แม้จะเป็นผู้ปวด แล้วมันมีอาการโวยวายตีโพยตีพาย มันก็ยังไม่สายที่เราจะมีสติเห็นมัน ธรรมชาติของสตินี้เขาเรียกว่าให้โอกาสกับเรามาก แม้ว่าใจกระเพื่อมใจเป็นทุกข์ แต่ก็ไม่สายที่จะเห็นความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับใจ ตราบใดที่เรายังมีสติไม่มากพอ ยังมีปัญญาไม่มากพอ เวลากายทุกข์ ใจก็ย่อมทุกข์ด้วย แต่ยังอยู่ในวิสัยที่จะเห็นใจที่ทุกข์ได้ คือเห็นเวทนาที่เกิดขึ้นกับใจ หรือเห็นอารมณ์อกุศลที่เป็นผลมาจากเวทนานั้น แล้วตรงนี้แหละที่จะทำให้ใจสงบได้ สงบเพราะเห็นความผันผวนปรวนแปรในใจ ไม่ใช่เพราะใจไม่ผันผวน ไม่ใช่เพราะใจนิ่งสงบล้วนๆ แต่เห็นอาการที่ใจไม่นิ่ง เห็นอาการที่ใจไม่สงบ มันก็พาเราไปพบกับความสงบอีกแบบหนึ่งได้ นี้เป็นความสงบภายในที่เราต้องรู้จัก ตราบใดที่เรายังเป็นปุถุชน ที่ยังไม่มีปัญญาหรือสติมากพอ ที่จะลดละความยึดติดถือมั่นต่างๆ จนกระทั่งจิตสามารถจะสงบนิ่งไม่หวั่นไหว หรือใจไม่กระเพื่อมเมื่อมีสิ่งมากระทบ.
Fri, 25 Apr 2025 - 27min - 1167 - 25680212pm--เว้นชั่ว ทำดี และฝึกจิต ชีวิตไกลทุกข์
12 ก.พ. 68 - เว้นชั่ว ทำดี และฝึกจิต ชีวิตไกลทุกข์ : เวลาเราเวียนเทียน ขณะที่เราเวียนเทียนรอบพระพุทธรูป พระปฏิมา ก็ขอให้เราน้อมนึกถึงคำสอนของพระองค์ไปพร้อมๆ กัน และพยายามทำให้คำสอนของพระองค์เข้ามาเป็นศูนย์กลางของชีวิต เราไม่ได้เวียนเทียนรอบพระพุทธรูปเท่านั้น แต่ขอให้ชีวิตของเรา จิตใจของเรา วนเวียนอยู่รอบธรรมะ หรือมีธรรมะของพระองค์เป็นศูนย์กลางของชีวิตเรา ก็ช่วยทำให้ชีวิตของเรามีความเจริญงอกงาม วันมาฆบูชาก็จะมีความหมายต่อชีวิตของเรา ไม่ใช่แค่เป็นวันสำคัญที่หยุดงาน หรือว่าเป็นวันที่เราจะมาทำบุญใส่บาตร หรือว่าเวียนเทียนเท่านั้น แต่ว่าจะมีความหมายในทางที่ทำให้ชีวิตของเราเจริญงอกงาม เพราะว่าจิตของเราสว่างไสวจากการได้ฝึกอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ทำดี แล้วก็เว้นชั่วเท่านั้น
Thu, 24 Apr 2025 - 37min - 1166 - 25680211pm--ปลูกสติให้งอกงามกลางใจ
11 ก.พ. 68 - ปลูกสติให้งอกงามกลางใจ : ให้เราสังเกตดู ถ้าเราทำเล่น ๆ มันจะเกิดความนุ่มนวลข้างในใจ ใจก็จะกลับมา กลับคืนสู่บ้านอย่างเรียกว่าละม่อม ไม่ใช่ถูกกระชากลากถู ขณะเดียวกันความคิดที่มันพาจิตฟุ้งไป มันก็จะไม่ถูกห้าม ถูกบีบ ถูกตัด แต่มันค่อย ๆ เลือนหายไปเอง มันเป็นกระบวนการที่ละมุนละม่อม อ่อนโยน เวลาใจจะคิดไป ฟุ้งไปไหน ก็อนุญาตให้ไปได้ แต่ก็จะถูกชวนให้กลับมา ไม่ใช่ไปลากลู่ถูกังให้กลับมา ฉะนั้นถ้าเราทำให้ใจมันเกิดความนุ่มนวล สติก็จะเติบโต แล้วสุดท้ายมันก็เหมือนกับต้นกล้าแห่งสติในใจเราก็จะค่อย ๆ งอกงาม จนกระทั่งเติบโตเต็มพื้นที่ เขียวขจี ร่มรื่น ที่เคยแห้ง ที่เคยแล้ง ร้อน มันก็จะกลายเป็นร่มรื่น แล้วก็ชุ่มชื่น สงบเย็น เกิดขึ้นภายในใจของเรา
Wed, 23 Apr 2025 - 29min - 1165 - 25680210pm--อะไรเกิดขึ้นก็แค่รู้
10 ก.พ. 68 - อะไรเกิดขึ้นก็แค่รู้ : ใจรู้ว่ากายเคลื่อนไหวแปลว่าอะไร แปลว่า ใจอยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ถ้าใจไม่รู้ว่ากายเคลื่อนไหว แสดงว่าตอนนั้นใจลอยแล้ว ใจลอยก็ดีเหมือนกัน จะได้ฝึกให้มันกลับมารู้เนื้อรู้ตัว แต่การที่เราไม่รู้ว่ากายเคลื่อนไหว มันก็เป็นตัวบ่งชี้ว่าใจลอย ก็เป็นของดี ฝึกให้ใจกลับมารู้เนื้อรู้ตัว อยู่กับเนื้อกับตัว ต่อไปก็จะรู้ทันความคิดและอารมณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดกว่าความรู้สึกทางกาย ทำไปเรื่อยๆ ทำเล่นๆ ไป อย่าไปบังคับจิต อย่าไปพยายามเพ่ง อะไรเกิดขึ้นก็ดีทั้งนั้น เพราะมันเป็นแบบฝึกหัดให้ใจได้รู้ มันไปก็ดี เราจะได้ฝึกให้ใจพามันกลับมา อะไรพาจิตกลับมา ก็สตินั่นแหละ สตินั่นแหละคือสิ่งที่จะช่วยพาจิตกลับมา ยิ่งสติทำงานบ่อยๆ พาจิตกลับมาบ่อยๆ สติก็จะเร็วมากขึ้น และนี่แหละคือสิ่งที่เราต้องการ คือฝึกให้สติรวดเร็วฉับไว รู้ทันเร็วๆ ทำไปเรื่อยๆ ไม่ว่าในรูปแบบ หรือเวลาเราทำกิจอื่นที่เคลื่อนไหว เช่น เดินกลับกุฏิ ถูฟัน เก็บที่นอน พวกนี้ก็เป็นโอกาสของการปฏิบัติได้
Tue, 22 Apr 2025 - 28min - 1164 - 25680209pm--ทำพื้นที่กลางใจให้ปลอดโปร่ง
9 ก.พ. 68 - ทำพื้นที่กลางใจให้ปลอดโปร่ง : อะไรเกิดขึ้นกับใจก็ดีทั้งนั้น ขอเพียงแต่ให้รู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นในใจ แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ค่อยมารู้กาย แต่ใหม่ ๆ ก็คงจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานที่สิ่งแวดล้อม แล้วก็พยายามเคี่ยวเข็ญตัวเองให้ตื่นแต่เช้า แล้วก็ปฏิบัติทั้งวันไม่ว่ามันจะเบื่ออย่างไร ง่วงอย่างไร หรือว่าฟุ้งอย่างไร ก็ทำไป 2-3 วันแรกก็จะต้องปลุกปล้ำขับเคี่ยวกับตัวเองหน่อย แต่ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ดีทั้งนั้นถ้ารู้ แม้เบื่อ แม้หงุดหงิด เราไม่เรียกร้องว่าต้องไม่เบื่อ ต้องไม่หงุดหงิด ต้องไม่ฟุ้ง การปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียนไม่เรียกร้องว่าจะต้องใจสงบ ไม่ฟุ้ง ไม่เบื่อ ฟุ้งไปเลย หงุดหงิดไปเลย เซ็งไปเลยก็ได้ แต่ขอให้รู้ แล้วก็อย่าไปไหลตามมันเท่านั้นเอง
Mon, 21 Apr 2025 - 26min - 1163 - 25680208pm--เปลี่ยนเหตุผลที่แท้ให้เป็นเหตุผลที่ดี
8 ก.พ. 68 - เปลี่ยนเหตุผลที่แท้ให้เป็นเหตุผลที่ดี : คนจบปริญญาเอกนี่ กิเลสมันก็จบปริญญาเอกเหมือนกัน แต่ไม่ใช่แค่นั้น คนที่รู้ธรรมะนี่ กิเลสมันก็รู้ธรรมะเหมือนกัน และกิเลสบางทีมันก็สรรหาธรรมะมาล่อหลอกให้เราหลงเชื่อ ทำตามอำนาจของมัน คนเรานี่ทำตามอำนาจกิเลสเพราะว่าหลงเชื่อข้ออ้างในทางธรรม ก็มีมาเยอะแล้ว เอามาใช้ประหัตประหารกัน อ้างธรรมะ เพราะว่าทนไม่ได้ที่มีใครบางคนมาข่มอัตตา เด่นดังกว่า ก็เลยต้องเล่นงาน โดยอาศัยข้ออ้างทางธรรม เพื่อพิทักษ์ธรรม เพื่อรักษาความถูกต้องของธรรมะ ก็เลยถล่มอีกฝ่ายหนึ่งที่เห็นต่าง เหตุผลก็ดูดี เพื่อธรรมะ แต่ว่าไม่ใช่เหตุผลที่แท้ แต่นักปฏิบัติธรรมนี่ หน้าที่ของเราคือ รู้ทันเหตุผลของกิเลส แล้วก็ไม่ประมาทว่าธรรมะที่มันเอามาเป็นข้ออ้างนี่ อาจจะไม่ใช่เหตุผลที่แท้ก็ได้ แต่เป็นเหตุผลของกิเลส ทีนี้ พอเรารู้ทันอำนาจของกิเลสแล้ว ไม่เปิดโอกาส หรือไม่เปิดช่องให้กิเลสมันครองใจ อาจจะเผลอโวยวายไปบ้าง เพราะว่าไม่รู้ทัน แต่ก็กลับมาตั้งหลักมีสติได้ ต่อไปก็ต้องพยายามบำรุงส่งเสริมความใฝ่ดีในใจเรา เช่น เมตตา กรุณา ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความรู้จักให้อภัย สติ สมาธิ ต้องเสริมสร้างพลัง หรือปัจจัยฝ่ายดี ให้มันครองใจเรา
Sun, 20 Apr 2025 - 26min - 1162 - 25680207pm--มีให้เป็น เจอให้ถูก ก็ไม่ทุกข์
7 ก.พ. 68 - มีให้เป็น เจอให้ถูก ก็ไม่ทุกข์ : มีอะไรไม่สำคัญเท่ากับว่า มีอย่างไร เจออะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเจออย่างไร เจอเสียงดังมากระทบหู หรือว่าเจอคนต่อว่าด่าทอ หรือเจอความเจ็บความป่วย แต่ว่าถ้าปฏิบัติกับมันถูก ไม่ทุกข์ แถมได้ประโยชน์ด้วย อย่างที่เคยเล่าพระอาจารย์ทองรัตน์ถูกคนหย่อนบัตรสนเท่ห์ ขู่จะเอาลูกปืนมายิง มาไล่ออกจากวัด ท่านกลับเอามาสอนเณรว่านี่ของดี โลกธรรม 8 เป็นอย่างนี้เอง เคยได้ยินมา แต่ว่าวันนี้มาเห็นด้วยตัวเอง ท่านเรียกว่าเป็นอมฤตธรรม แล้วคนที่หย่อนบัตรสนเท่ห์ให้ท่านก็เรียกว่าเป็นเทวดา ฉะนั้น เจออะไรไม่สำคัญเท่ากับว่าเจออย่างไร เจอด้วยท่าทีแบบไหน เจออย่างมีสติมีปัญญา เพราะฉะนั้นเวลาปฏิบัติอย่าไปกังวลว่า ขออย่าได้ไม่มีอย่างโน้น ไม่มีอย่างนี้ ไม่มีความคิดฟุ้งซ่าน ไม่มีความกังวล จะมีก็มีมาเลย แต่ว่าเรารู้ เรามีวิชาที่จะรับมือกับมัน ไม่ใช่ความคิดฟุ้งซ่าน ไม่ใช่เฉพาะอารมณ์อกุศล แม้กระทั่งความเจ็บป่วย เสียงต่อว่าด่าทอ เมื่อมีหรือเจอ มีให้เป็น เจอให้ถูก ก็ไม่ทุกข์ แถมจิตใจเจริญงอกงาม มีสติปัญญาก้าวหน้าด้วย
Sat, 19 Apr 2025 - 25min - 1161 - 25680129pm--ทำดีต้องประพฤติดีด้วย
29 ม.ค. 68 - ทำดีต้องประพฤติดีด้วย : การปฏิบัติธรรม แม้จะเป็นธรรมดีที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว มันก็ไม่ใช่ว่าจะปฏิบัติแบบซื่อๆ ตรงๆ หรือว่าแบบเถรส่องบาตร จะต้องปฏิบัติโดยใช้ปัญญา ปฏิบัติโดยสมควร เช่น ไม่ทำน้อยไป ไม่ทำมากไป หรือใช้ให้ถูกกรณี ถูกเวลา แล้วที่สำคัญคือ ไม่ยึดมั่นถือมั่นกับมัน ไม่ใช่เอาธรรมะมาทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะเชื่อว่าของตัวเองถูก ของตัวเองดีกว่า อย่างที่มีหลายสำนักมาทะเลาะกันว่า การปฏิบัติของสำนักฉันดีกว่าของสำนักเธอ บางทีลูกศิษย์ก็มาทะเลาะกัน อันนี้เรียกว่าเอาธรรมะมาเป็นเครื่องยึดมั่นถือมั่น สุดท้ายก็กดถ่วงหรือว่าหน่วงเหนี่ยวให้เกิดความเนิ่นช้าในการปฏิบัติ
Fri, 18 Apr 2025 - 28min - 1160 - 25680127pm--พื้นที่ปลอดภัยที่แท้จริง
27 ม.ค. 68 - พื้นที่ปลอดภัยที่แท้จริง : แต่ต่อไปพอมีปัญญาเข้าใจสัจธรรมความจริง ความโกรธก็ไม่มี เพราะว่าไม่มีความยึดติดถือมั่นตั้งแต่แรก ไม่มีตัวกู ไม่มีการยึดว่าเป็นตัวกูตั้งแต่แรก จึงไม่มีผู้โกรธ ใครมาด่าว่าอะไรก็ไม่รู้สึกว่าตัวกูถูกกระทบ เหมือนกับว่าโยนหินลงไป ไม่มีแก้วมารับการกระแทก ไม่มีการแตกร้าว ก็คือไม่มีความทุกข์ ใครจะว่าอะไรก็ไม่ทุกข์ เพราะว่าไม่มีตัวกูเป็นผู้รับคำต่อว่าด่าทอ ทรัพย์สินที่ถูกแย่งชิงไปก็ไม่ได้ทำไม่ทุกข์ เพราะไม่ได้คิดว่าเป็นของเราตั้งแต่แรก กายเจ็บกายป่วยก็ไม่ได้ทุกข์ ไม่ได้หงุดหงิด ไม่ได้โมโห ไม่ได้หวั่นกลัว เพราะว่าไม่ได้ยึดว่ากายนี้เป็นเราเป็นของเราตั้งแต่แรก ฉะนั้นความทุกข์หรืออารมณ์ที่เคยรบกวนจิตใจ ตอนนี้ก็เรียกว่าเลือนหายไป ใจก็เลยเป็นเรียกว่าแดนสงบ แคล้วคลาดจากอันตราย มีความสงบเย็นอย่างแท้จริง ตรงนี้แหละที่เรียกว่า เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง เพราะมีสติ มีความรู้สึกตัวคอยรักษา แล้วก็ยิ่งกว่านั้นคือ มีปัญญาที่จะช่วยสร้างความสว่างไสวให้กับใจ กวาดเอาความทุกข์ อุปสรรค ที่เกิดจากอวิชชา แล้วก็ความละกิเลสออกไปให้หมด แล้วเรามาแสวงหาหรือว่ามาสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยกลางใจเรา อันนี้จะดีกว่า เพราะว่าถ้าทำได้เช่นนี้ โรคภัยไข้เจ็บก็ทำให้ใจเป็นทุกข์ไม่ได้ ความพิการ ความแก่ชรา ความสูญเสีย ก็ทำให้ใจเป็นทุกข์ไม่ได้ เรียกว่าปลอดภัยอย่างแท้จริง
Thu, 17 Apr 2025 - 28min - 1159 - 25680126pm--ทำความทุกข์ให้มีคุณค่าWed, 16 Apr 2025 - 26min
- 1158 - 25680125pm--ฝึกตนให้เป็นผู้ใฝ่รู้
25 ม.ค. 68 - ฝึกตนให้เป็นผู้ใฝ่รู้ : ใฝ่รู้อีกความหมายหนึ่งก็คือว่า ใฝ่เรียนรู้ อะไรเกิดขึ้นก็เรียนรู้ หาประโยชน์จากมัน เพราะฉะนั้นเวลาคนต่อว่าด่าทอ แทนที่จะทุกข์ก็ได้รู้ ได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันบอกอะไรเรา ฉะนั้นถ้าคนเราใฝ่เรียนรู้อยู่เสมอ มันได้ประโยชน์ เงินหาย เจ็บป่วย ก็ได้เรียนรู้ อาจจะเรียนรู้เรื่องความไม่เที่ยง อาจจะได้เรียนรู้เรื่องอนัตตา ไม่ใช่แค่อนิจจังอย่างเดียว รวมถึงอนัตตาด้วย หรืออาจจะได้เรียนรู้ว่า เราต้องระมัดระวังมากกว่านี้ เอาความผิดพลาดเป็นครู ที่ผ่านมาเราพลาด ประมาท หรือว่าไว้วางใจก็เลยถูกเขาหลอกเอาเงินไป หรือเป็นเพราะไม่ดูแลรักษาร่างกายให้ดี พักผ่อนน้อยไป ก็เลยเจ็บป่วย อันนี้จะเรียกว่าเป็นการเรียนรู้ในทางโลกก็ได้ เรียนรู้ในทางโลกว่า ที่สูญเงิน ที่เจ็บป่วยนี่เพราะอะไร ก็เอาผิดเป็นครู เป็นบทเรียน แต่ที่เรียนรู้ในทางธรรมก็คือว่า มันสอนในเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สอนเรื่องไตรลักษณ์ให้กับเรา ฉะนั้นถ้าใฝ่รู้แบบนี้อะไรเกิดขึ้นกับเราก็ดีทั้งนั้น เรียกว่าได้ ได้เสมอ ไม่ว่าจะเสียไปเท่าไหร่ก็ได้เสมอ ได้บทเรียน ได้ความรู้ ได้ปัญญา อันนี้เพราะว่าใจที่ใฝ่รู้ ถ้าไม่ใฝ่รู้มันก็จะเอาแต่คร่ำครวญ โวยวายตีโพยตีพาย ก่นด่าชะตากรรม แต่ถ้าใฝ่รู้ แทนที่จะคร่ำครวญ มันจะใคร่ครวญ ไม่เหมือนกัน คร่ำครวญนี่มีแต่ทุกข์แต่ใคร่ครวญนี่ได้ปัญญา แล้วคนที่จะขยันใคร่ครวญนี่ได้ก็คือผู้ที่ใฝ่รู้ อะไรเกิดขึ้นก็ได้เรียนรู้อยู่เสมอ
Tue, 15 Apr 2025 - 25min - 1157 - 25680124pm--รู้เรื่องตัวเองให้มาก รู้เรื่องคนอื่นให้น้อย
24 ม.ค. 68 - รู้เรื่องตัวเองให้มาก รู้เรื่องคนอื่นให้น้อย : การที่คนเราจะรู้เรื่องตัวเองมาก ๆ มันไม่ใช่แค่ไปดูหน้าตัวเองที่กระจก สิ่งที่พระพุทธเจ้าได้สอนเรื่องสตินี้มันมีความสำคัญมากเลย เพราะมันเป็นเครื่องมือที่จะทำให้เราเห็นตัวเองอย่างชัดเจน เห็นตัวเองแบบละเอียดเลย เห็นเลย อ๋อ เป็นเพราะความยึดติดในหน้าตาจึงเป็นเหตุให้ทุกข์ เป็นเพราะคาดหวังให้เขาชม พอเขาไม่ชมจึงทุกข์ เป็นเพราะคาดหวังให้เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ พอเขาไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดหวัง เราจึงทุกข์ พยายามที่ผ่านมาก็พยายามจะให้เขาเป็นอย่างที่เราคาดหวัง แต่พอปรับเปลี่ยนที่ใจของเราคือลดความคาดหวังลง ความทุกข์มันหายไปเลย แต่คนเราจะไม่รู้ว่าตัวเองนี่เป็นตัวการก่อทุกข์หรือสร้างทุกข์สร้างปัญหาให้กับตัวเองได้อย่างไร จนกว่าจะมีสติ เพราะบางครั้งเราอาจจะไม่ได้ทำอะไรที่เป็นปัญหา แต่ว่าใจของเรานั่นแหละ ความหลง ความไม่รู้ตัว ความยึดติดถือมั่น ตรงนี้แหละที่มันสร้างปัญหา เราอาจจะไม่ได้นินทาว่าร้ายใคร เราอาจจะไม่ได้ไปรังแกใคร แต่ว่าใจของเรายังวางไว้ไม่ถูก ยังยึดติดถือมั่นเวลาใครว่าอะไรก็ไปจดจ่อใส่ใจ แทนที่จะปล่อยให้มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาก็ปล่อยให้มันวนเวียนในหัว ยิ่งวนเวียนเท่าไหร่ก็ยิ่งทุกข์ แล้วก็ไปโทษคนอื่น แต่ไม่ได้มองว่าความเป็นเพราะเราวางใจผิดจึงเกิดความทุกข์ขึ้นที่ใจของตัว การเจริญสติมันช่วยทำให้เราเห็นตัวเอง แล้วก็รู้เรื่องตัวเองเยอะ ๆ แล้วก็ไม่ให้ค่า ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องของคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความทุกข์ในใจเรา แต่ถ้าหากว่าเราไม่มีสติ มันก็จะอดไม่ได้ที่ส่งจิตออกนอก แล้วก็จะไปเห็นความผิดพลาดของคนนั้นคนนี้ รวมทั้งโทษด้วยว่าเขาสร้างปัญหาให้กับเรา ที่ค้าขายไม่ค่อยดีก็เป็นเพราะคู่แข่ง ไม่ใช่เป็นเพราะตัวเรา นี่มันไปถึงขนาดนี้ แล้วที่คำพูดของนักธุรกิจคนนี้ รู้เรื่องตัวเองเยอะ ๆ รู้เรื่องคนอื่นน้อย ๆ จริง ๆ แล้วนี่มันมีความหมายในทางธรรมไม่น้อยเลยถ้าหากว่าเรารู้จักมอง
Mon, 14 Apr 2025 - 26min - 1156 - 25680123pm--แก่อย่างมีความสุข
23 ม.ค. 68 - แก่อย่างมีความสุข : ใจจะไหลไปอดีต ลอยไปอนาคต ก็ดึงกลับมา ทำที่บ้าน ทำทุกวัน แล้วใจก็จะเริ่มมีความสดชื่น เพราะความรู้สึกตัวจะช่วยขับไล่ความเบื่อ ความเซ็ง ความเหงา มันจะปกป้องใจไม่ให้ความคิดเกี่ยวกับอดีตและอนาคตมารบกวนบีบคั้นเรา อย่าขยันแต่ทำบุญอย่างที่เคยทำ อันนี้ก็ดีอยู่แต่มันไม่พอ ต้องฝึกปฏิบัติธรรมด้วยเพื่อเราจะได้มีเครื่องมือรักษากายและใจ ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนเกียร์แล้วนะ จากเกียร์ 4 เกียร์ 5 มาเปลี่ยนเป็นเกียร์ 1 เกียร์ 2 จากการแสวงหาความสำเร็จ ชื่อเสียง เงินทอง แสวงหาความสุขสิ่งเสพ มาเป็นการดูแลรักษากายและใจให้เป็นสุข แล้วเราก็จะเป็นคนแก่ได้อย่างมีความสุข ใครจะเรียกว่าเราแก่ เราก็ไม่ได้อับอายอะไร ไม่ต้องเรียกว่าสูงวัยก็ได้ แก่อย่างมีคุณภาพ แก่อย่างมีความสุข ถึงเวลาป่วยก็จะป่วยได้โดยไม่ทุกข์ เพราะว่าเรามีธรรมะรักษากายและใจ เวลาป่วยก็ป่วยแต่กาย ใจไม่ป่วย ไม่วิตกกังวลอะไร อยู่กับความเจ็บป่วย อยู่กับความแก่ได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ นี่แหละคือสิ่งที่ธรรมะจะช่วยเราได้
Sun, 13 Apr 2025 - 27min - 1155 - 25680122pm--ชีวิตที่ถูกตามใจเป็นทุกข์ได้ง่าย
22 ม.ค. 68 - ชีวิตที่ถูกตามใจเป็นทุกข์ได้ง่าย : คนทุกวันนี้จิตใจอ่อนแอมาก ไม่สามารถที่จะสู้หรือทัดทานกิเลสได้ เพราะว่าถูกตามใจมาตลอด แล้วสิ่งที่ตามใจก็อย่างที่บอก ไม่ใช่พ่อแม่เท่านั้น แต่รวมถึงเทคโนโลยี โทรศัพท์มือถือ โซเชียลมีเดีย พวกนี้มันปรนเปรอเราตลอดเวลา ถ้าเราไม่รู้ทัน เราก็จะพึ่งพา เสพติดมัน แล้วก็ตกเป็นทาสของมัน เพราะว่าไม่มีความสามารถในการยับยั้งชั่งใจ หรือทักท้วงกิเลสได้ การเจริญสติก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่นั่นเป็นเรื่องของปัจจัยภายใน เราต้องช่วยกันสร้างหรือสรรหาปัจจัยภายนอกที่จะเกื้อกูลต่อการภาวนา ต่อการทำให้จิตใจของเราเข้มแข็งขึ้น ปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กัน มีแต่ปัจจัยภายใน แต่ว่าไม่ให้ความสำคัญกับปัจจัยภายนอก สติหรือว่าปัญญาของเราก็อาจจะไม่เข้มแข็งมากพอที่จะสู้กับกิเลสได้ แต่ถ้าหากว่ามีแต่ปัจจัยภายนอก แต่ไม่สร้างปัจจัยภายใน คือไม่ได้ฝึกจิตฝึกใจไว้ พอเราเปลี่ยนที่ กลับไปอยู่สถานที่เดิม มันก็กลับไปสู่ร่องเดิม ก็คือร่องแห่งความทุกข์ ชีวิตที่ย่ำแย่ ฉะนั้นถ้าเรารักชีวิต รักจิตรักใจของตัวเอง เราต้องรู้จักสร้างปัจจัยภายใน ควบคู่ไปกับการหาปัจจัยภายนอกที่จะช่วยทำให้เราเป็นตัวของตัวเองได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะมีสิ่งล่อเร้าเย้ายวนอย่างไร ก็ไม่ปล่อยใจให้หลงใหล หรือไม่ปล่อยให้กิเลสมีอำนาจเหนือจิตใจของเรา
Sat, 12 Apr 2025 - 27min - 1154 - 25680121pm--ความทุกข์ไม่จริง
21 ม.ค. 68 - ความทุกข์ไม่จริง : หลายคนเวลาพูดถึงอนิจจัง บางทีก็หวั่นไหว เพราะว่าอนิจจังก็หมายความว่าร่างกายก็จะเสื่อมถอยลงไป อันนี้รวมไปถึงทุกขังด้วย มันไม่เที่ยง คนรักของเรา พ่อแม่ของเรา ลูกของเราไม่เที่ยง สักวันหนึ่งพ่อแม่ก็จากเราไป หรือว่าต่อไปเราก็จะจากลูกจากหลาน นี่เพราะอนิจจัง ความหนุ่มความสาวก็จะเลือนหายไป มีความแก่มาแทนที่ นี่ก็อนิจจัง แล้วก็ทุกขัง หลายคนพอนึกถึงอันนี้แล้ว จิตใจก็หวั่นไหว ยิ่งนึกถึงความตาย ก็ยิ่งรู้สึกว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันชวนให้หดหู่ แต่ที่จริงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นของดีถ้าเข้าใจ ว่าที่เราทุกข์ เพราะว่าไปยึดมันต่างหาก ไปยึดสิ่งที่มันไม่เที่ยง ไปยึดสิ่งที่มันเป็นทุกข์ ไปยึดสิ่งที่มันไม่ใช่เราของเรา แล้วถึงเวลาที่มันแปรเปลี่ยนไป ถึงเวลาที่มันทุกข์ มันเสื่อมสลายไป ถึงเวลาที่ไม่อยู่ในอำนาจของเรา เราจึงเกิดความโกรธ ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความคับแค้นใจ เราไม่ได้ทุกข์เพราะอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เราทุกข์เพราะไม่รู้จักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาต่างหาก คือไม่รู้จักความจริง เพราะถ้าเรารู้จักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือเข้าใจพระไตรลักษณ์นี้อย่างแท้จริง มันไม่ทุกข์ ที่ว่าไม่ทุกข์ไม่ใช่เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่เสื่อม มันมีเสื่อม มีสลาย แต่เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่นว่ามันเป็นเราเป็นของเรา ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่ามันจะต้องไม่เสื่อม เพราะฉะนั้นพอมันเสื่อมไปก็เลยไม่ทุกข์
Fri, 11 Apr 2025 - 26min - 1153 - 25680120pm--สุขมีที่กลางใจ
20 ม.ค. 68 - สุขมีที่กลางใจ : คร ๆ ย่อมปรารถนาความสุข ทำทุกอย่างเพื่อหาความสุขมาเป็นของตน แต่ส่วนใหญ่แล้วมักคิดว่าสิ่งที่จะให้ความสุขนั้นอยู่นอกตัว และต้องมีให้ได้มาก ๆ ยิ่งหามาได้มากเท่าไร ก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น ดังนั้นจึงพยายามดิ้นรนไขว่คว้าหาเข้าตัวอย่างเต็มที่ โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วความสุขนั้นอยู่ที่ใจ หากแต่ถูกบดบังด้วยความทะยานอยากและความหลง ต่อเมื่อคลายจากความทะยานอยากและมีสติรู้ตัว ก็จะพบกับความสงบเย็นและโปร่งเบาในใจ ถึงตอนนั้นจึงจะพบว่าความสุขนั้นอยู่กับตัวเรามาตลอด เป็นแต่เรามองไม่เห็น ความสุขนั้นหาได้ที่กลางใจ ขอเพียงแต่มีเวลาอยู่กับตัวเองให้มากจนเป็นมิตรกับตัวเอง ไม่มัวแต่ชะเง้อมองไปนอกตัว หรือจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตนเองยังไม่มี ถ้าไม่ลืมตัว ปล่อยจิตให้หลงอยู่ในโลกแห่งความคิด หรือจมอยู่กับอดีตและอนาคต ก็จะพบความสุขกลางใจได้ไม่ยาก อันที่จริงเพียงแค่พอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้ ความสุขก็จะปรากฏแก่เราในทันที
Thu, 10 Apr 2025 - 29min - 1152 - 25680119pm--เห็นทุกข์ก่อนจึงคลายทุกข์ได้
19 ม.ค. 68 - เห็นทุกข์ก่อนจึงคลายทุกข์ได้ : ชายคนที่หึงหวง ตอนหลังเขาพบว่า มันไม่ได้เห็นใจเฉพาะตอนที่เกิดความหึงหวงเกิดความโกรธ เวลาใจโปร่งใจโล่งก็เห็น รับรู้ได้โดยที่ไม่รู้ตัวเขาก็พบ เขาก็ได้สร้างความรู้สึกตัวให้เกิดขึ้นในจิตใจ และพบว่าใจไม่ได้ถูกครอบงำด้วยความหึงหวงอย่างเดียว ช่วงเวลาที่มีความโปร่งเบาเป็นอิสระก็มี เพราะความรู้สึกตัว ก็เริ่มเห็นความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เพราะฉะนั้นอารมณ์หึงหวง มันก็เลยไม่สามารถจะครอบงำจิตใจเขาได้ ยังมีอยู่แต่ทำอะไรใจเขาไม่ได้ ตอนหลังก็ค่อยๆคลี่คลายไป กลายเป็นว่าเขาสามารถที่จะครองจิตครองใจได้ด้วยความรู้สึกตัว ไม่ต้องถูกปัญหานี้รุมเร้าซึ่งทำให้ความสัมพันธ์กับภรรยามันร้าวฉาน ฉะนั้นการมีสติรู้ทันอารมณ์ต่าง ๆ มีอานุภาพมาก ข้อสำคัญคือ มันต้องมีการปฏิบัติ และจะปฏิบัติได้ก็เพราะเห็นว่ามันจะช่วยแก้ปัญหา จะทำอย่างนี้ได้ก็ต้องเห็นว่าความโกรธ ความทุกข์ ความเครียด พวกนี้เป็นปัญหาก่อน เห็นโทษของมันแล้วคิดจะแก้ ถ้าไม่เห็นโทษของมัน ไม่คิดว่ามันเป็นปัญหา หรือไม่รู้ว่ามันมีด้วยซ้ำ อันนี้ก็เท่ากับตกเป็นทาสของมัน จนกระทั่งกว่าจะรู้ตัวก็อาจจะสายไปแล้วก็ได้
Wed, 09 Apr 2025 - 27min - 1151 - 25680118pm--เจออะไรไม่สำคัญว่าทำอย่างไร
18 ม.ค. 68 - เจออะไรไม่สำคัญว่าทำอย่างไร : แต่ถึงแม้เราเจอสิ่งแย่ ๆ เจออุปสรรค เจอความล้มเหลว เจอคำต่อว่าด่าทอ เจอความยากลำบาก เจอความร้อน เจอความหนาว แต่ว่าเราเกี่ยวข้องกับมันอย่างถูกต้อง ไม่หลง ไม่หลงจมอยู่ในความทุกข์ เอาแต่หงุดหงิด โวยวายตีโพยตีพาย มีสติเห็นมัน หรือว่ายกจิตเป็นอิสระจากมัน ไม่มีความยึดว่าเป็นกู เป็นของกู หนาวก็เห็นความหนาวแต่ว่าไม่มีผู้หนาว ร้อนก็เห็นความร้อนแต่ไม่มีผู้ร้อน ใครเขาต่อว่าด่าทอมา เสียงต่อว่าก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่มีอัตตาเข้าไปยึดเข้าไปจับ อันนี้ดีกว่าคนที่ได้รับแต่คำชื่นชมสรรเสริญแต่ก็หลงเพลินในสิ่งเหล่านั้น อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนพระนันทิยะว่า ผลแห่งความดีย่อมเป็นพิษจากผู้ไม่พิจารณา แล้วก็หลงใหลยึดติดในสิ่งนั้นจนประมาทมัวเมา ผลแห่งความดีในที่นี้ก็หมายถึงคำชื่นชมสรรเสริญ ใคร ๆ ก็ชอบ การได้รับการยกย่อง มีสถานภาพดีเรียกว่าเป็นผลแห่งความดี แต่ถ้าหากว่าเพลิน หลงใหลในสิ่งนั้น อันนี้ไม่ดีเท่ากับคนที่ถูกต่อว่าด่าทอแต่ว่าจิตใจไม่หวั่นไหว หรือว่าแม้จะอยู่ในภาวะที่ต่ำต้อยแต่ว่าก็ไม่ได้ทุกข์ระทม เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่สาระของชีวิต หรือเพราะไม่ได้ยึดติดถือมั่นในหน้าตา ฉะนั้นเวลาเราปฏิบัติธรรม อย่าไปมัวสนใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา แต่สนใจว่าเราทำอย่างไรกับมันดีกว่า เพราะนี่แหละเป็นเครื่องหมายของการเป็นนักปฏิบัติถ้าเราปฏิบัติถูก
Tue, 08 Apr 2025 - 30min - 1150 - 25680117pm--สุขหรือทุกข์อยู่ที่การให้ค่า
17 ม.ค. 68 - สุขหรือทุกข์อยู่ที่การให้ค่า : ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ มันยิ่งคิด เราก็ยิ่งรู้ กลายเป็นของดีไปเลย อันนี้รวมถึงเหตุการณ์ในอดีตด้วย ความยากจน ความล้มเหลว เวลานึกถึงมันแล้วก็รู้สึกจิตใจห่อเหี่ยว ท้อแท้ บางทีน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา แต่พอเรามองมันอีกครั้งหนึ่งโดยการให้ความหมายใหม่กับมันว่า มันเป็นสิ่งที่ฝึกใจเราให้เข้มแข็ง มันทำให้เราได้เห็นความจริงของชีวิต มันได้ปลุกเอาความสามารถที่แฝงเร้นอยู่ในจิตใจของเราออกมา ถ้าไม่เจอมันก็จะไม่รู้ว่าเรามีความอดทน มีความเข้มแข็ง มีสติปัญญา ต้องขอบคุณ หลายคนเคยคับแค้นใจกับประสบการณ์ในอดีต แต่พอเวลาผ่านไปหลายปี มองย้อนกลับมาเหตุการณ์เดียวกัน กลับซาบซึ้ง ขอบคุณ เพราะอะไร เพราะว่าเห็นคุณค่าของมัน หรือพูดอีกอย่างก็คือว่าให้ค่าหรือให้ความหมายใหม่กับมัน ไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องเลวร้าย แต่มองว่ามันเป็นสิ่งที่ฝึกฝนให้เราแกร่งอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ถ้าไม่มีเหตุการณ์นั้นหรือถ้าไม่มีวันนั้น เราก็ไม่มีวันนี้ ก็ต้องขอบคุณ แล้วต้องฉลาดในการจัดการ หรือในการรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต โดยตระหนักว่าเมื่อมันเกิดขึ้น เราจะสุขหรือทุกข์ไม่ใช่เพราะมัน แต่เพราะใจของเรานี้ไปให้ค่ากับมัน ถ้าเราให้ค่าในทางลบ เราก็ทุกข์ ถ้าเราให้ค่าในทางบวก เราก็ไม่ทุกข์ แถมจะมีความสุขหรือยินดีด้วยซ้ำ
Mon, 07 Apr 2025 - 25min - 1149 - 25680111pm--เข้าใจเรื่องกรรมอย่างไรให้ถูกต้อง
11 ม.ค. 68 - เข้าใจเรื่องกรรมอย่างไรให้ถูกต้อง : เพราะฉะนั้นความเจ็บ ความป่วย ไม่ใช่เป็นสิ่งเลวร้ายเสมอไป อยู่ที่ว่าเราจะมองหรือเราจะใช้มันอย่างไร ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องของกรรม ถ้าเรามองเป็น มีโยนิโสมนสิการ เราก็เห็นสังขารว่าเป็นทุกข์ ไม่น่ายึดถือ เห็นว่าทุกขเวทนาเป็นโทษของสังขาร ทุกขเวทนานั้นก็ส่งให้จิตหลุดพ้น แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับทุกขเวทนาไม่เป็น ทุกขเวทนาก็จะดึงจิตลงมาให้จมอยู่กับอารมณ์ที่เป็นอกุศล โศกเศร้า เกิดโทสะ เกิดความคับแค้น ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้จนถึงจิตสุดท้าย ก็ไปอบายแล้ว ทุกขเวทนานี้ถ้าคุณใช้เป็น มันสามารถจะส่งจิตให้หลุดพ้น หลุดพ้นจากวัฏสงสาร หลุดพ้นจากกิเลสได้ แต่ถ้าเกี่ยวข้องไม่เป็น ทุกขเวทนาจะดึงจิตให้จมปลักอยู่กับความทุกข์แสนสาหัส อยู่กับอารมณ์ที่เป็นอกุศล แล้วเกี่ยวข้องกับทุกขเวทนาอย่างไร อยู่ที่การฝึก เป็นเรื่องของกรรม ทุกขเวทนาเกิดจากอะไร เราไม่ไปเสียเวลาถามว่าเป็นเพราะกรรมเก่าหรือเพราะกรรมในปัจจุบัน เราจะสนใจว่าเราจะรับมือกับมันอย่างไร จะมีสติเห็นมัน จะมีปัญญาเห็นจนเข้าถึงสัจธรรม หรืออยู่ในความหลง ปล่อยให้มันครอบงำจิตจนเป็นอกุศลคับแค้น ตรงนี้เราเลือกได้ อยู่ที่การกระทำของเรา การกระทำที่ว่านี้คือกรรมฐาน จะใช้กรรมฐานหรือไม่ แล้วเรื่องกรรมไม่ใช่เป็นเรื่องของการทำดี ไม่เบียดเบียนใครเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการฝึกจิตจนกระทั่งอยู่เหนือกรรม จนหลุดพ้นเข้าถึงความสงบเย็นได้
Sun, 06 Apr 2025 - 1h 13min - 1148 - 25680109pm--ปกป้องใจจากความคิดของตัว
9 ม.ค. 68 - ปกป้องใจจากความคิดของตัว : อะไรที่จะทำให้เราเห็นว่า ความคิดไม่ใช่เรา ความคิดไม่ใช่ของเรา ก็สตินั่นแหละ เพราะสติมันช่วยทำให้เห็นความคิด และไม่ยึดความคิดว่าเป็นเรา ว่าเป็นของเรา ถ้าเราเผลอไปยึดว่าความคิดเป็นเรา เป็นของเราเมื่อไหร่ เราก็จะยึด แล้วก็เชื่อ แล้วก็ปล่อยให้มันครองจิตครองใจ เป็นจุดอ่อนของจิต ความคิดนี้มันจะเข้ามาทำร้ายเราได้ หรือว่าความคิดที่แย่ๆ หรืออารมณ์ที่แย่ๆ หรืออารมณ์อกุศล ถ้าไปหลงคิดว่าเป็นเรา เป็นของเรา มันก็เลยจู่โจม ทะลุทะลวง ทำร้ายจิตใจเรา แต่ถ้าเห็นนะว่ามันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา มันเป็นสักแต่ว่านาม แต่ไม่ใช่เรา ก็ไม่ปล่อยให้มันเข้ามาทะลุทะลวงทำร้ายจิตใจได้ เพราะฉะนั้นทุกวันนี้คนเราจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีสติในการรักษาใจให้ปลอดภัยจากความคิดและอารมณ์ต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นในหัว มันเกิดขึ้นก็ต้องพิจารณาว่าดีไหม ไม่ใช่หลงเชื่อมันทุกอย่าง หรือแม้แต่ดีก็ไม่ไปหมกมุ่นจมดิ่ง หรือว่าไปเคลิ้มคล้อยมัน จนกระทั่งหมดเนื้อหมดตัว
Sat, 05 Apr 2025 - 27min - 1147 - 25680108pm--เจออะไรก็ได้เสมอ
8 ม.ค. 68 - เจออะไรก็ได้เสมอ : ถ้าหากว่าเราไม่ได้ทำเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างเดียว แต่ว่าเรามุ่งเพื่อการเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วย ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ได้ทั้งนั้น ได้ฝึกตน ได้เห็นข้อผิดพลาด ได้ฝึกการวางใจ เรียกว่ามีแต่ได้กับได้ ถ้าไม่ได้ 1 ก็ได้ 2 ได้ 2 คือว่างานก็สำเร็จ แล้วก็ได้ฝึกตนฝึกจิตฝึกใจ แต่ถ้างานไม่สำเร็จก็ยังได้ คือได้ฝึกจิต เพราะฉะนั้นที่ท่านพุทธทาสบอกว่าการทำงานคือการปฏิบัติธรรม ก็คือการที่เราฝึกให้รู้จักการขัดเกลาจิตใจตนเอง ถ้าเราเห็นว่าหรือมองว่าการทำงานคือการปฏิบัติธรรม แม้งานไม่สำเร็จ แต่ก็ได้ปฏิบัติธรรมคือได้ฝึกจิตแล้ว ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าเราเจออะไร ดูดีๆ เรามีแต่ได้ แม้ในยามที่ใครเขาบอกว่าแพ้ แต่ก็ยังได้ ได้เห็นสัจธรรมว่ามันไม่ได้มีแต่ชนะ มันมีแพ้ด้วย แล้วการแพ้มันก็ดี ช่วยลดอัตตาตัวตน เพราะถ้าชนะแล้วมันเหลิง
Fri, 04 Apr 2025 - 27min - 1146 - 25680107pm--เจริญสติทำได้ทุกเวลาThu, 03 Apr 2025 - 27min
- 1145 - 25680105pm--ผ่านวิกฤตด้วยสติ
5 ม.ค. 68 - ผ่านวิกฤตด้วยสติ : ชีวิตที่ไม่มีความเสี่ยง ก็คือชีวิตที่เสี่ยงอย่างยิ่ง หรือชีวิตที่ไม่มีความผิดหวัง เลยไม่รู้จักความผิดหวัง จะเป็นชีวิตที่อันตรายมาก ถึงเวลาทุกข์ ก็ทุกข์หนัก ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องเล็กน้อย ตัวเองทุกข์คนเดียวไม่พอ ทำให้คนอื่นทุกข์ ถึงกับล้มตายด้วย ถ้าเกิดว่าเราพยายามฝึกให้มีสติ ด้วยการเผชิญกับสิ่งต่างๆ ที่ไม่ถูกใจ เอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นแบบฝึกหัด มาเป็นการบ้าน มาฝึกเรา ก็กลายเป็นของดีไป แทนที่จะทุกข์เพราะมัน ก็กลับเติบโตเพราะมัน มันในที่นี้ก็หมายถึง สิ่งที่ไม่ถูกใจ คำต่อว่าด่าทอ หรือว่าความเจ็บความป่วย ความสูญเสีย พวกนี้เป็นการบ้านอย่างดี สำหรับการฝึกจิต หรือบางทีถ้าไม่มี ชีวิตมันง่ายราบรื่นเกินไป ก็ต้องดิ้นรนไปแสวงหาความยากลำบาก หลายคนพบว่าธรรมยาตรานี่ มีประโยชน์ก็ตรงนี้แหละ พอไปเจอความยากลำบากแล้ว ก็ได้เรียนรู้ ว่าจะใช้สติรับมือกับความยากลำบากนั้นอย่างไร อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราควรจะให้ความสำคัญ การเดินหน้าเข้าหาทุกข์ หรือการแสวงหาทุกข์ เหมือนกับที่พระออกไปธุดงค์ เพื่อไปเจอความยากลำบาก แล้วก็จะใช้สติรับมือกับความยากลำบากอย่างไร โดยเฉพาะความกลัว ความหงุดหงิด ความหิว พวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ฝึกสติได้ดี แล้วก็ฝึกความอดทน คือ ขันติ ได้ดี ถึงเวลาเจอวิกฤตในชีวิต เจอเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่มันทำให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจอย่างรุนแรง เกิดความตื่นตระหนกตกใจ สติที่ฝึกเอาไว้ก็จะเอาอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่มีอารมณ์พวกนี้ ก็มี แต่ว่ามีสติ ที่สามารถจะรับมือกับอารมณ์พวกนี้ได้ เพราะฉะนั้นก็สามารถที่จะผ่านวิกฤตต่างๆ ในชีวิตไปได้ โดยที่ไม่ต้องเสียผู้เสียคน อย่างที่มักเกิดขึ้นกับคนจำนวนมาก
Wed, 02 Apr 2025 - 28min - 1144 - 25680104pm--ยิ่งหนีทุกข์ ยิ่งเป็นทุกข์
4 ม.ค. 68 - ยิ่งหนีทุกข์ ยิ่งเป็นทุกข์ : หลงชนิดหนึ่งคือไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่ายึดด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ว่ามีความโกรธแล้วมันจะทุกข์ทันที ไม่ใช่ว่ามีความหงุดหงิดแล้วมันจะทุกข์ทันที ไม่ใช่ว่ามีความเศร้าแล้วมันจะทุกข์ทันที อารมณ์พวกนี้ถ้ามันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความหงุดหงิด ความเศร้า พอเห็นมัน มันก็ทำอะไรใจไม่ได้ เพราะพอเห็นมัน ก็ไม่เข้าไปยึดมัน พอมีความสติ มีความรู้สึกตัว ก็พาจิตถอยห่างจากอารมณ์เหล่านั้น เหล่านี้คือสิ่งที่เราควรจะอธิษฐาน พูดง่ายๆ ก็คือ ขอให้มีธรรมะเกิดขึ้นในใจ เพื่อที่จะพร้อมรับมือกับความทุกข์ได้ จนถึงขั้นว่า เปลี่ยนทุกข์ให้กลายเป็นธรรม หรือเปลี่ยนทุกข์ให้กลายเป็นความไม่ทุกข์ได้ แล้วพอเราเห็นว่า มันต้องมีสิ่งนี้ เราก็จะขยับจากการอธิษฐาน ขอให้มีสิ่งนี้ กลายเป็นว่า มาปฏิบัติเพื่อให้มีสิ่งนี้เกิดขึ้นมาในใจเราแทน มันดีกว่าการร้องขอเยอะ คนทุกวันนี้ ก็เอาแต่ร้องขอ อย่าได้เกิดอันตราย อย่าให้เกิดทุกข์ แต่ไม่ได้มองว่า มันเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น ในเมื่อมันสามารถจะเกิดขึ้นได้ ก็ขอให้เรามีความพร้อมในการรับมือจนถึงขั้นว่า เปลี่ยนทุกข์ให้กลายเป็นความไม่ทุกข์ หรือเปลี่ยนทุกข์ให้กลายเป็นธรรม หรือสามารถพบสุขท่ามกลางความทุกข์ได้ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้มีปัญญาแม้ประสบทุกข์ก็ยังหาสุขพบ อย่างนี้ต่างหากที่ควรนึกถึงมากกว่า และนี่ก็คือวิสัยของชาวพุทธที่จะช่วยให้เราอยู่กับชีวิต หรือโลกที่มันผันผวนปรวนแปรได้โดยที่ใจไม่ทุกข์
Tue, 01 Apr 2025 - 30min - 1143 - 25680103pm--ธรรมชาติของอารมณ์ที่เราต้องรู้ทัน
3 ม.ค. 68 - ธรรมชาติของอารมณ์ที่เราต้องรู้ทัน : ความโกรธมันกลัว กลัวว่าเราจะลืมโกรธ เหมือนกับความเศร้า มันก็กลัวว่าเราจะลืมเศร้า มันก็เลยบงการตอกย้ำซ้ำเติมความเศร้า ตอกย้ำซ้ำเติมความโกรธต่อไปเรื่อยๆ เราก็หลงเชื่อมัน เพราะอะไร เพราะเราหลง เพราะเราขาดสติ แต่ทันทีที่เรามีสติ มันจะเห็นเลยนะ ว่าเราไม่น่าโง่เลย ทำไมเราไปหลงทำตามความเศร้า หรือไปหลงจมอยู่กับความโกรธได้ ความรู้สึกตัวนี่ ถ้ามันมีมากพอ มันจะทำให้ใจหลุดจากความเศร้า หลุดจากความโกรธ มันจะเห็นความโกรธ มันจะเห็นความเศร้า ความเป็นผู้โกรธผู้เศร้านี่ มันไม่เหลือเลย นี่เป็นวิธีการที่จะทำให้ความเศร้าความโกรธ มลายหายไปจากจิตใจ แต่ว่าความเศร้าความโกรธมันไม่ยอมนะ มันจะพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้เราเศร้าต่อไป เพื่อให้เราโกรธต่อไป รวมทั้งเบื่อ รวมถึงซึมเศร้า และท้อแท้ เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดว่าเราหลงเมื่อไหร่ เราก็จะตกอยู่ในอำนาจของมัน แล้วก็ปรุงแต่งมันให้ลุกลามใหญ่โต ให้อาหารมัน ให้อาหารทั้งความเศร้า ให้อาหารทั้งความโกรธ แต่ความรู้สึกตัวนี้แหละ สตินี้จะช่วยทำให้ใจเราเป็นอิสระจากความเศร้า จากความโกรธได้ มันจึงไม่ชอบให้เรามาเจริญสติ ไม่ชอบให้เรามาตามดูเห็นมัน ต้องพยายามชวนให้ส่งจิตออกนอก เพราะถ้าเกิดว่าใจเราหันกลับมามองตนเมื่อไหร่ มันจะเห็นตัวเศร้า มันจะเห็นตัวโกรธ แล้วมันก็จะอยู่ไม่ได้ เราต้องรู้ ต้องเข้าใจธรรมชาติของอารมณ์พวกนี้ ว่ามันมีสัญชาตญาณ หรือธรรมชาติอย่างหนึ่งคือ ทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด ถ้าเราไม่เข้าใจ หรือไปหลงเชื่อ ปล่อยใจไปตามอำนาจของมัน เราก็จะไม่มีทางที่จะมีความสุข หรือว่าเป็นอิสระจากอารมณ์พวกนี้ได้เลย
Mon, 31 Mar 2025 - 29min - 1142 - 25680102pm--ทำปีนี้ให้เป็นปีแห่งสติ
2 ม.ค. 68 - ทำปีนี้ให้เป็นปีแห่งสติ : ชาวพุทธเราต้องเป็นผู้ใฝ่รู้ นอกจากรู้ทันความคิด รู้ทันอารมณ์ ว่าหรือรู้ซื่อๆ เวลามันมีความคิด มีอารมณ์เกิดขึ้นแล้ว การเรียนรู้จากสิ่งต่างๆ ที่ไม่ถูกใจ มันก็มีคุณค่า ทุกอย่างมีอะไรให้เราได้เรียนรู้อยู่เสมอ แม้จะเป็นเรื่องของอนิจจัง เรื่องอนัตตา อะไรๆ ก็ไม่เที่ยง ไม่มีอะไรที่เป็นของเราเอง หรืออย่างน้อยก็สอนใจเรา สอนให้อดทน สอนให้มีสติ อย่างเวลาหนาวๆ อย่างนี้ ถ้าวางใจไม่เป็น ก็บ่น เป็นทุกข์ แต่ถ้ามองให้ดี เขามาสอนให้เรารู้จักใช้สติในการแก้ทุกข์ที่ใจ ทำอย่างไร กายหนาว แต่ใจไม่หนาว มีสติรู้ทัน เวลาใจมันบ่น หนาวเหลือเกิน มันมีความหงุดหงิด มีความไม่พอใจ ก็นั่นแหละ เป็นการบ้านที่เอามาฝึกใจ ให้รู้ทันได้ หรือต่อไปก็รู้เวทนาเลย ก็คือกายหนาว แต่ไม่มีผู้หนาว กายทุกข์แต่ไม่มีผู้ทุกข์ อันนี้เรียกว่าใช้ความหนาวมาเป็นอุปกรณ์สอนใจ หรือฝึกใจ หรือเอามาใช้ในการมองว่า หนาวก็ดี แมลงน้อย ไม่ชื้น ถ้าเป็นหน้าฝน ไปไหนก็เฉอะแฉะไปหมด แมลงก็เยอะ หน้าหนาวนี้ดี ไม่เฉอะแฉะ ไม่ชื้น แมลงก็น้อย สะดวกกับการปฏิบัติธรรม นี่ก็ฝึกการมองแบบโยนิโสมนสิการ ซึ่งช่วยทำให้ปลดเปลื้องความทุกข์ ความหงุดหงิด ออกไปจากใจได้ นอกจากการที่มีสติ ถือว่าเป็นตัวช่วยให้มีสติ อยู่กับปัจจุบัน หรือปล่อยวางความคิดและอารมณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น และถ้าฝึกอย่างนี้ เป็นประจำทุกวัน ใหม่ๆ 2-3 เดือนแรก อาจจะล้มเหลว พลาดท่าเสียที ลืมเลย แต่พอทำไปนานๆ ทำบ่อยๆ ทำทุกวัน มันจะทำได้เร็วขึ้น คล่องขึ้น รู้สึกตัวได้ไวขึ้น แล้วใจก็จะโปร่งเบา สบาย โลกรอบตัวยังไม่เปลี่ยน คนรอบข้างก็ไม่เปลี่ยน แต่ว่าใจเราเปลี่ยนแล้ว เพราะว่าฝึกสติ จนมีสติ มีความรู้สึกตัว และจนสามารถจะมองเห็นประโยชน์ของทุกสิ่ง ทำให้ยอมรับได้ หรือทำให้วางใจเป็นกลางได้ หรือทำให้ยิ้มได้ ไม่ว่าเจออะไร
Sun, 30 Mar 2025 - 28min - 1141 - 25680101pm--สุขที่ไม่ต้องอาศัยสิ่งเร้า
1 ม.ค. 68 - สุขที่ไม่ต้องอาศัยสิ่งเร้า : การที่จะได้สัมผัสความสุขจากความสงบ หรือรู้เท่าทันความสงบ ปล่อยวางทั้งความสงบและความคิดได้ ก็เลยเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเกิดว่าเราพยายามจัดเวลา วางโทรศัพท์มือถือ ใช้มันให้น้อยลง คุยกับผู้คนให้น้อยลง อยู่กับความสงบ อยู่กับการระมัดระวังมากขึ้น มันก็ทำให้สติได้พัฒนา แล้วยิ่งมาปฏิบัติแบบเข้มข้น สติ ความรู้สึกตัวก็จะเติบโตได้เร็ว ถ้าเปรียบเหมือนกับโอ่ง ก็เป็นโอ่งที่น้ำเต็มเร็ว แม้จะมีการรั่วซึม แต่ว่ารั่วน้อยไหลน้อย ขณะที่เติมน้ำไปเยอะๆ อันนี้ก็ทำให้ได้สัมผัสกับความสุขที่เกิดจากความสงบ เป็นความสงบที่ไม่ใช่จากการตัดความรับรู้ แต่เป็นความสงบเพราะรู้ ซึ่งช่วยทำให้ไม่ไปหลงเพลิน หลงติดความสุขจากสิ่งเสพ
Sat, 29 Mar 2025 - 29min - 1140 - 25671231pm--ปีใหม่มีใจเป็นมิตร มีจิตเป็นเพื่อน
31 ธ.ค. 67 - ปีใหม่มีใจเป็นมิตร มีจิตเป็นเพื่อน : ฉะนั้นปีใหม่ ถ้าจะมีอะไรที่เป็นของดีของประเสริฐที่อยู่ในวิสัยของปุถุชนอย่างเราจะทำได้ก็คือ การที่มีใจเป็นมิตรมีจิตเป็นเพื่อน เพราะถ้าเรามีใจเป็นมิตรมีจิตเป็นเพื่อนแล้ว แน่นอนปีหน้าจะเป็นปีที่ดีสำหรับเรา ไม่ใช่เพราะไม่มีความผันผวนปรวนแปร อย่าไปเข้าใจอย่างนั้น ถนนชีวิตนี้มันไม่ราบรื่นเหมือนถนนแปดเลน มันก็ต้องมีขรุขระ มีหลุมมีบ่อ บางทีก็อาจจะเข้ารกเข้าพง แต่ว่าถ้าเรามีใจเป็นมิตรมีจิตเป็นเพื่อนก็สามารถจะผ่านพ้นความทุกข์ ไม่ใช่แค่ผ่านอย่างเดียวแต่ว่าสามารถจะได้ประโยชน์จากทุกข์ อาศัยทุกข์ทำให้เกิดปัญญาจนพาจิตออกจากความทุกข์ได้ คนเราจะออกจากทุกข์ได้ต้องรู้จักทุกข์ แล้วเข้าใจทุกข์มากพอจะรู้ว่าเหตุแห่งทุกข์คืออะไร ต่อเมื่อรู้เหตุแห่งทุกข์แล้วจึงจะออกจากทุกข์ได้ เพราะฉะนั้นถ้าหากเรามีใจที่เป็นมิตรมีจิตเป็นเพื่อน คือใจที่มีสติ มีปัญญา รู้จักคิด รู้จักใคร่ครวญ เราก็จะแน่ใจ เป็นหลักประกันได้ว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ดีสำหรับเรา แม้จะมีความทุกข์ก็ยังหาสุขท่ามกลางความทุกข์ได้ หรือสามารถเปลี่ยนทุกข์ให้กลายเป็นธรรม ซึ่งทำให้เกิดความสงบเย็นเป็นอิสระอย่างแท้จริง ฉะนั้นก็ขอให้พวกเราตั้งใจ ทำให้ใจของเราสามารถจะเป็นมิตรที่ประเสริฐแก่เรา ไม่ซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้กับตัวเองด้วยการคิดลบ ด้วยการยึดติดถือมั่น แต่รู้จักปล่อยรู้จักวางเพราะเข้าใจความจริงของชีวิต และนี่คือสิ่งที่เราทำได้ถ้าปรารถนาให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่ดีสำหรับเรา
Fri, 28 Mar 2025 - 28min - 1139 - 25671230pm--ลดละคือศิลปะของชีวิต
30 ธ.ค. 67 - ลดละคือศิลปะของชีวิต : ความสุขที่ประเสริฐ วัดกันตรงที่เราต้องพึ่งพาสิ่งต่างๆ มากเพียงใด ถ้ายังต้องพึ่งพามาก ก็ยังถือว่าเป็นความสุขชั้นต่ำ แต่ถ้าเป็นความสุขที่ปราณีตที่ประเสริฐ ก็จะเรียกร้องให้พึ่งพาสิ่งต่างๆ น้อยลงมากเลย เพราะว่าปล่อยวางสิ่งต่างๆ ได้มาก จนกระทั่งแทบจะไม่ต้องยึดติดถือมั่นกับอะไร ก็เป็นอิสระ และเข้าถึงความสุขได้ อันนี้แหละที่ควรจะเป็นจุดหมายที่เราควรจะวาดหวัง หรือตั้งเอาไว้ ขึ้นปีใหม่แล้ว อะไรบ้างที่เราควรจะมีให้น้อยลง แต่มีโดยมีความสุขนะ ไม่ใช่มีด้วยความก้ำกลืนฝืนทน ปีใหม่สำหรับหลายคน ต้องมีโน่นมีนี่มากขึ้น มีรถเพิ่มขึ้น มีบ้านเพิ่มขึ้น มีตำแหน่งสูงขึ้น แต่ที่จริงลองคิดว่าเราจะลดจะละอะไร อันนี้เป็นสิ่งที่ท้าทาย และจะทำให้ปีใหม่นี้ กลายเป็นปีที่นำไปสู่ความเจริญงอกงามทางจิตใจอย่างแท้จริง
Thu, 27 Mar 2025 - 30min - 1138 - 25671229pm--ทุกความทุกข์เยียวยาใจได้
29 ธ.ค. 67 - ทุกความทุกข์เยียวยาใจได้ : เวลาโกรธทีไรเมื่อถูกด่าถูกต่อว่า มันก็สามารถจะนำพาเราให้ไปเห็นรากเหง้าที่เป็นตัวการที่แท้ แล้วเมื่อเราเห็นแล้ว หน้าที่ต่อไปคือการรื้อถอน ขุดมันออกมา เวลาเศร้าเสียใจเพราะเงินหาย มันก็ชี้ให้เห็นถึงความยึดติดในทรัพย์ ความยึดติดในทรัพย์ เหล่านี้ก็คือเป็นการบ้านที่เราจะต้องรื้อถอนมันออก และสุดท้ายเมื่อเรารื้อถอน พยายามรื้อถอนไป เราก็พบว่าเป็นเพราะความยึดมั่นถือมั่น อยากให้มันเที่ยง อยากให้มันคงตัว ถ้าไม่ยึดมั่นอยากให้มันเที่ยงอยากให้มันเป็นสุข มันจะแปรเปลี่ยนไปอย่างไร ใจเราก็ไม่ทุกข์ นี่แหละคือตัวการหรือสัญญาณที่ชี้ให้เราเห็นถึงเหตุแห่งทุกข์ และทำให้เราจัดการรื้อถอนเหตุแห่งทุกข์ได้ เพราะฉะนั้นเวลาเราเจออะไรก็ตาม อย่าเสียเวลาบ่นว่า ทำไมถึงเกิดขึ้นกับเรา แต่ลองใคร่ครวญดูว่า จะใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไรโดยเฉพาะในทางธรรม
Wed, 26 Mar 2025 - 28min - 1137 - 25671228pm--ภัยที่ควรอยู่ห่าง
28 ธ.ค. 67 - ภัยที่ควรอยู่ห่าง : การที่เราจะครองตัวให้เป็นปกติ หรือให้มีความสุขความเจริญ การไม่ประมาทนี้สำคัญ อย่าไปคิดว่ากูแน่กูแน่ หรือประมาทความชั่ว เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่พอทำไปแล้ว มันก็ถลำหนักขึ้นเรื่อยๆ ที่พระพุทธเจ้าสอนเรื่องศีล เรื่องธรรม เรื่องสตินี่ สำคัญมาก โดยเฉพาะเรื่องความไม่ประมาท เพราะว่าถ้าประมาทเมื่อไหร่ ประมาทในความหมายที่ว่า สิ่งที่ทำเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่มีอะไร เอาอยู่ กินเหล้าแค่นี้เอง ไม่เป็นไร หรือว่าเล่นเกมเท่านี้เอง ไม่เป็นไร หรือทุจริตเท่านี้เอง ไม่เป็นไร ใครๆ เขาก็ทำกัน แต่กว่าจะรู้ตัวเข้า ถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว เหมือนกับฮัลสเต็ดเล่นโคเคน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำเพื่อความสนุกสนาน แต่ว่ามันค่อยๆ ซึมเข้าไปทั่วร่างและทั้งตัว ทั้งจิตทั้งใจเลย ทั้งสมองด้วย เขาบอก กว่าจะรู้ตัว เขาก็สายไปแล้ว เลิกไม่ได้ ทั้งๆ ที่จิตใจก็เข้มแข็ง แต่แน่นอนนะ บางคนเขาอาจจะคิดว่า เขามีความสามารถในการที่จะเลิกได้ เพราะเขามีจิตใจที่เข้มแข็ง อย่างนี้ก็มี อันนี้ก็ต้องให้ความหวังกับคนที่เผลอติดไปแล้ว ว่ากำลังใจนี่ก็สำคัญ แต่ว่ากำลังใจยังไม่พอ ต้องอาศัยสิ่งแวดล้อมด้วย ถ้าสิ่งแวดล้อมมันเป็นใจ กำลังใจเข้มแข็งแค่ไหน ก็พ่ายแพ้ แล้วก็อย่าไปคิดนะว่า มันจะมีคำตอบที่ง่าย อย่างฮัลสเต็ด เขาคิดว่า จะเลิกโคเคนได้ ก็เอามอร์ฟีนมาแทน มอร์ฟีนทำให้เลิกได้ก็จริง แต่ก็กลายเป็นติดมอร์ฟีน ตอนหลังจะเลิกมอร์ฟีน ก็ใช้เฮโรอีน เฮโรอีนทำให้เลิกมอร์ฟีนได้ แต่ปรากฏว่าคนก็ติดเฮโรอีน แล้วตอนหลัง ก็มียาตัวใหม่ๆ ทำให้เลิกเฮโรอีนได้ แต่ก็ไปติดยาตัวนั้นแทน เทคโนโลยีมันทำให้คำตอบชั่วคราว มันแก้ปัญหาเก่า แต่มันก็สร้างปัญหาใหม่ สุดท้ายก็ต้องแก้กันที่ใจ แก้กันที่พฤติกรรม อันนี้ก็เป็นอุทาหรณ์ว่า เราต้องตระหนัก ว่ามันมีภัยบางอย่าง ที่อยู่ห่างมันเป็นดีที่สุด ไปแหยมไปลอง ก็อาจจะพลาดท่าเสียทีได้
Tue, 25 Mar 2025 - 26min - 1136 - 25671220pm--รู้อะไรสำคัญกว่าได้อะไร
20 ธ.ค. 67 - รู้อะไรสำคัญกว่าได้อะไร : การปฏิบัติมันไม่ได้อยู่ที่ว่าเราได้อะไร สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า เราได้เห็นอะไร เราได้รู้อะไร อันนี้สำคัญกว่า เพราะว่าต่อไปเวลามีใครมาตำหนิติเตียนเรา แทนที่เราจะหงุดหงิดหัวเสีย เราก็มาถามตัวเองว่าเราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการกระทำหรือคำพูดเหล่านี้ โดยเฉพาะการรู้เกี่ยวกับใจของเรา ใจที่กระเพื่อม ใจที่หงุดหงิด อันนี้ก็เป็นประโยชน์หรือดีกว่านั้นคือ ได้เห็นได้รู้ว่าสาระประโยชน์ของคำพูดของเขามันคืออะไร เอามาใช้การได้ เหมือนกับที่เปรียบเทียบว่า เจอทุเรียนแล้ว แทนที่เราจะเอาทุเรียนมากอด เราจะต้องรู้จักเฉาะเปลือกออก เพราะว่าภายใต้เปลือกทุเรียนที่มีหนามแหลม มันมีเนื้อที่หวานที่อร่อย คำตำหนิคำต่อว่ามันก็เหมือนกัน แม้ว่ามันจะมีหนามแหลมอยู่ภายนอก แต่ข้างในมันก็มีของดีที่จะเป็นประโยชน์กับเราได้ อันนี้เพราะถ้าเรามีใจใฝ่รู้ ถามตัวเองอยู่เสมอว่า ได้รู้อะไรบ้าง ได้เห็นอะไรบ้าง มันก็จะเกิดความเจริญงอกงามทางสติปัญญา หรือเกิดความเจริญงอกงามในทางธรรม
Mon, 24 Mar 2025 - 28min - 1135 - 25671219pm--ผ่านทุกข์ด้วยใจที่เข้มแข็งกว่าเดิม
19 ธ.ค. 67 - ผ่านทุกข์ด้วยใจที่เข้มแข็งกว่าเดิม : เวลาเราเจออะไรที่ไม่ถูกใจ อย่าไปบ่น โวยวาย ตีโพยตีพาย รวมทั้งสิ่งที่เราประสบจากการปฏิบัติที่นี่ด้วย ให้มองว่านี่มันก็เป็นแบบฝึกหัด เป็นบททดสอบ เป็นการซ้อมเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าเท่านี้เรายังไม่ผ่านคือสอบตก แล้วเจออะไรที่หนักกว่านี้ เราจะสอบผ่านได้อย่างไร อย่าลืมว่าถ้าเราวางใจเป็น ไม่ว่าเจอทุกข์แค่ไหน เราก็จะเข้มแข็งแล้วก็มีปัญญายิ่งกว่าเดิม ถ้าเราวางใจถูก
Sun, 23 Mar 2025 - 28min - 1134 - 25671218pm--หมั่นสร้างเหตุ ปล่อยวางผล
18 ธ.ค. 67 - หมั่นสร้างเหตุ ปล่อยวางผล : ถ้าเราสร้างจังหวะ เราเดินจงกรม แม้เรากลืนน้ำลาย แม้กระพริบตาก็ยังรู้นะ เพราะรู้ตัวทั่วพร้อม แต่ถ้าเราไปจดจ่ออยู่ที่มือที่เท้า กลืนน้ำลายก็ไม่รู้ ต่อไปกระพริบตาก็ไม่รู้ เพราะมันรู้เฉพาะจุด การเพ่งมันทำให้เรารู้เฉพาะจุด ทำอย่างไรถึงจะรู้รวมๆ ก็ต้องผ่อนสักนิด อย่าไปจ้องอย่าไปเพ่งมาก มารู้กายไปเรื่อยๆ เดี๋ยวใจมันจ๊ะเอ๋กับความคิดเอง อันนี้เป็นเรื่องที่แปลกนะ พอใจมีสติมารู้กายไปเรื่อยๆ พอใจมันผละจากกายไปคิดโน่นคิดนี่ สติก็ตามรู้ทัน แต่ใหม่ๆ ก็คิดไป 7-8 เรื่องถึงจะตามทัน แล้วก็พาจิตกลับมา แต่ต่อไปก็จะตามได้เร็วขึ้น แล้วพาจิตกลับมาเร็วขึ้น อย่าไปกังวล อย่าไปห่วงว่ามันจะไปไหน สิ่งสำคัญคือการกลับมา ความก้าวหน้าของการปฏิบัติไม่ได้อยู่ที่ว่าจิตไม่ไป หลายคนพยายามทำให้จิตไม่ไป พยายามทำให้จิตหยุดนิ่ง แต่ถ้าอนุญาตให้จิตมันไป แล้วก็พยายามที่จะรู้ทัน แล้วพาจิตกลับมา อะไรพาจิตกลับมาคือสติ ความก้าวหน้าไม่ได้อยู่ที่การที่จิตไม่ไป แต่อยู่ที่การที่จิตกลับมา ฉะนั้นอย่าไปบังคับจิตไม่ให้ไป แต่ว่าให้หมั่นรู้ทันเวลามันไป แล้วพามันกลับมา ก่อนที่พามันกลับมา มันจะจ๊ะเอ๋เสียก่อน จิตมันจะจ๊ะเอ๋กับความคิด จ๊ะเอ๋กับอารมณ์ แล้วความคิดและอารมณ์ก็จะเลือนหายไป ทำให้จิตกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว กลับมารู้เนื้อรู้ตัว ให้มารู้กายก่อน แล้วต่อไปมันก็จะรู้จิต หรือรู้ความคิด รู้อารมณ์เอง มันเป็นขั้นเป็นตอน เป็นลำดับ มันเป็นไปเองแบบนี้แหละ
Sat, 22 Mar 2025 - 29min - 1133 - 25671217pm--อะไรที่เกิดขึ้นกับเราล้วนดีเสมอ
17 ธ.ค. 67 - อะไรที่เกิดขึ้นกับเราล้วนดีเสมอ : ทุกอย่างที่มันผ่านเข้ามาในชีวิตเรามันดีเสมอ แม้กระทั่งสิ่งที่ทางพระเรียกว่าอนิฏฐารมณ์ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่ไม่น่าพอใจ แต่ถ้าเรารู้จักมองเห็นคุณค่า รู้จักใช้ประโยชน์ มันก็ทำให้เราเห็นสัจธรรม สัจธรรมในเรื่องของโลกธรรม 8 มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มีสรรเสริญก็มีนินทา มีสุขมีทุกข์ หน้าที่ของเราในฐานะนักปฏิบัติ คือผู้ใฝ่แสวงหาประโยชน์ที่พึงมีพึงได้จากทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ที่จริงการเจริญสติก็คือฝึกให้เราเป็นผู้รู้ รู้ มีอะไรเกิดขึ้นก็รู้ รู้อย่างเดียว มันจะไปสร้างนิสัยใฝ่รู้ให้กับเรา และนิสัยใฝ่รู้นี้มันจะมีประโยชน์มาก เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรานี้มันมีอะไรให้รู้เสมอ อย่างน้อยก็ถ้าไม่ใช่รู้ว่ามันกำลังแสดงสัจธรรมอะไร ก็รู้ว่ามันมีประโยชน์อย่างไร และจะเอาประโยชน์นั้นมาใช้ได้อย่างไร อันนี้คือหน้าที่ของเรา ก็คือรู้จักหาประโยชน์จากทุกสิ่ง เพราะฉะนั้นเวลามีความคิดฟุ้งซ่านเกิดขึ้น มีนิวรณ์ต่างๆ มากมาย อย่าไปมัวบ่น อย่าไปมัวโวยวาย อย่าไปมัวเป็นทุกข์ ลองมองดูให้ดีว่ามันมีประโยชน์อย่างไร หรือจะใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร อันนี้ต่างหากล่ะที่เป็นสิ่งสำคัญของนักปฏิบัติธรรม แล้วก็เราสามารถจะพัฒนาท่าทีแบบนี้จากการปฏิบัติ ไม่ใช่มาเสพความสงบ แต่ว่ามาเพื่อเป็นผู้ฉลาดในการมองหาประโยชน์จากทุกสิ่ง แล้วเราก็จะพบว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา มันดีเสมอ
Fri, 21 Mar 2025 - 32min - 1132 - 25671216pm--ไม่เป็นไร แต่ทำไม่หยุด
16 ธ.ค. 67 - ไม่เป็นไร แต่ทำไม่หยุด : ทำเล่นๆ ที่หลวงพ่อเทียนบอกคือ ทำโดยที่ไม่ไปสนใจเป้าหมาย ไม่คำนึงถึงการเอาชนะ ไม่ว่าจะเป็นการเอาชนะความคิด หรือเอาชนะความหลง เดินเล่นๆ เหมือนกับเวลาเราทำอะไรเล่นๆ เวลาทำอะไรเล่นๆ แม้จะแพ้ เราก็ไม่หงุดหงิดหัวเสีย เราก็ยังเล่นต่อไป ไม่ว่าจะเล่นหมากฮอส หรือเล่นบอล ถ้าเราทำเล่นๆ แพ้ชนะไม่สำคัญ สิ่งที่ได้คือความสนุก แต่ถ้าเราทำแบบเอาจริงเอาจังแล้ว มันเครียดเลย อย่างที่หลวงพ่อเทียนบอกให้ทำเล่นๆ คือ ทำโดยที่ไม่หวังผล ทำโดยที่ไม่คิดจะเอาชนะอะไร ไม่ว่าความคิดฟุ้งซ่าน หรือความหลง หมายความว่าหลงก็ช่างมัน เผลอก็ช่างมัน แต่ว่าทำจริงๆ ที่หลวงพ่อเทียนบอก คือ ทำทั้งวัน ซึ่งถ้าเปรียบกับการเดินเขา ก็ตรงกับที่จะแฮเขาแนะนำคือ เดินไม่หยุด อย่าพัก อันนี้คือเหมือนกับการทำจริงๆ ที่หลวงพ่อเทียนแนะนำคือ ทำทั้งวัน แต่ขณะที่ทำ ก็ทำเล่นๆ โดยที่ไม่หวังผล เหมือนกับเดินขึ้นเขา ก็เดินช้าๆ เดินสบายๆ ไม่ต้องจ้ำ ไม่ต้องรีบ แต่ก็อย่างที่บอก ใหม่ๆ คนเราจะเดินช้าๆ สบายๆ มันก็อดไม่ได้ที่จะจ้ำ เพราะอะไร เพราะคิดถึงเป้าหมาย พอคิดถึงเป้าหมายทีไร มันจะเร่งสปีด แต่พอเราวาง หรือลืมเป้าหมาย หันมาอยู่กับแต่ละก้าวที่เดิน หรือแต่ละขั้นที่เรากำลังก้าวนี่ เท่านี้ก็พอแล้ว สังเกตไหม เวลาเราปีนเขา เดินเขา หรือว่าเดินไต่บันไดที่สูง เราจะไม่สนใจแต่บันไดที่อยู่ข้างหน้า แต่เราจะสนใจไปถึงจุดหมาย แล้วก็เลยรีบเดิน เสร็จแล้วก็เหนื่อย ก็ต้องหยุด แล้วก็บ่น เมื่อไหร่จะถึง เมื่อไหร่จะถึง
Thu, 20 Mar 2025 - 31min - 1131 - 25671208pm--อิสระจากตัวกู
8 ธ.ค. 67 - อิสระจากตัวกู : สมมุติสัจจะ เราสามารถค้นหาบุคคลได้ในสมมุติสัจจะ แต่ว่าในระดับที่เป็นปรมัตถสัจจะแล้วหาบุคคลไม่ได้ ก็คือไม่มีอะไรที่ยึดมั่นเป็นบุคคล เป็นนาย ก นาย ข ได้เลย ตรงนี้แหละที่จะทำให้เข้าใจเรื่องอนัตตา ซึ่งจะเข้าใจได้นี่มันไม่ใช่คิดเอา แต่มันต้องเกิดจากการปฏิบัติ เริ่มด้วยการเจริญสติ มีสติจนเห็น จนหยุดปรุงแต่ง เพราะถ้าไม่มีสติ ไม่มีความรู้สึกตัวเมื่อไหร่มันก็หลง พอหลงก็ปรุงแต่งเป็นกู กูเดิน กูนั่ง กูเศร้า กูโศก อันนี้เรียกว่าเป็นเพราะความหลง แต่พอมีความรู้สึกตัว มันก็หายหลง พอหายหลงก็หยุดปรุงแต่งตัวกู ยิ่งมีความรู้สึกตัวมากเท่าไหร่มันก็ไม่มีตัวกู หรือไม่มีความยึดมั่นในตัวกู ดูมันตรงข้ามกัน รู้สึกตัวเมื่อไหร่ตัวกูก็หายไป แล้วถ้าเมื่อตัวกูหายไป กิเลสมันก็ครอบงำได้ยาก หรือความยึดมั่นว่าเป็นเรา เป็นของเรา มันก็เกิดขึ้นได้ยาก ไม่หลงเชื่อความคิด ไม่หลงเชื่ออารมณ์ ที่ไปหลงเชื่อความคิดหรืออารมณ์ เช่น ความโกรธ เพราะไปยึดว่าเป็นเราเป็นของเรา แต่พอเห็นมัน ไม่เชื่อมัน ทักท้วงมันได้อย่างที่พูดเมื่อวาน มันก็มาครองจิตครองใจไม่ได้ ตัวกูที่มันเคยบงการให้เราทำนั่นทำนี่จนเกิดความทุกข์ จนเสียผู้เสียคนก็ทำไม่ได้ เพราะมีความรู้สึกตัวมาแทนที่ ฉะนั้นสติหรือความรู้สึกตัว มันเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เราเข้าถึงสัจธรรมโดยเฉพาะเรื่องอนัตตา และทำให้อยู่เหนือความยึดมั่นในตัวตน หรือความยึดมั่นสำคัญหมายว่าเป็นตัวกูของกูได้ ซึ่งนี่แหละเป็นทางออกจากทุกข์ที่ถาวรอย่างแท้จริง
Wed, 19 Mar 2025 - 27min - 1130 - 25671207pm--ถูกกระทบ ใจไม่กระเทือน
7 ธ.ค. 67 - ถูกกระทบ ใจไม่กระเทือน : นักปฏิบัติบางคนโดนมดกัดแต่ว่าใจสงบมากเลย แถมยังบอกขอบคุณมดด้วย เรียกว่าอาจารย์มด เพราะทำให้เห็นเลยว่ามดกัดนี่ใจไม่ทุกข์ก็ได้ เพราะเห็นเวทนา เห็นจิต เห็นอารมณ์ เห็นความโกรธ เห็นความหงุดหงิด เขาดีใจมากเลย มดกัดแล้วใจยังสงบได้ เพราะว่าเห็นเวทนา เห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เกิดภาวะผู้เป็นขึ้นมา ตรงนี้แหละที่จะทำให้เราสามารถจะพบทางเป็นอิสระจากทุกข์ได้ ไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา หรือมีอะไรมากระทบก็ตาม ฉะนั้นการที่มองเห็นละเอียดมันช่วย มันมีประโยชน์ แต่อย่าไปจ้องดู ให้มันเห็นเองโดยผ่านการสังเกต แต่บางคนปฏิบัติมานานไม่เห็นอะไรเลย อันนี้ก็น่าเสียดายเพราะว่าไม่ได้เจริญสติในอย่างถูกต้อง ก็เลยยังไปคิดว่าทุกข์เกิดจากภายนอก หารู้ไม่ว่าจริง ๆ แล้ว สมุทัย ตัวเหตุแห่งทุกข์นี่มันอยู่ที่ใจ
Tue, 18 Mar 2025 - 29min - 1129 - 25671206pm--ประตูสู่ทางออกจากทุกข์
6 ธ.ค. 67 - ประตูสู่ทางออกจากทุกข์ : ถ้าไม่มีสติ ก็ไม่เห็นว่า ที่ทุกข์นี่เพราะใจ และถ้าไม่มีสติ ก็ไม่รู้ว่าจะออกจากทุกข์ได้อย่างไร เพราะว่ามัวแต่ไปจัดการกับสิ่งภายนอก แต่ว่าลืมจัดการที่ใจ แต่ถ้ามีสติแล้วมันจะจัดการที่ใจเราได้ จัดการด้วยการที่ไม่ไปรู้สึกลบกับสิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบ หรือไม่ผลักไส กดข่ม หรือว่าไม่ไปยึดติดถือมั่น พูดง่าย ๆ ก็คือรู้จักวางใจให้เป็น ให้เป็นกุศล สตินี่มันเป็นกุญแจ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราทำเช่นนี้ได้ จึงเรียกว่าเป็นเหมือนกุญแจที่ทำให้เราสามารถจะออกจากทุกข์ได้ ความทุกข์เมื่อเกิดขึ้นกับเรา มันมีทางออกทั้งนั้น ทางออกทางหนึ่งคือทางออกที่ใจ และจะเปิดประตูให้ออกไปจากทุกข์ได้ สติคือกุญแจที่สำคัญ
Mon, 17 Mar 2025 - 27min - 1128 - 25671220pm--รู้อะไรสำคัญกว่าได้อะไร
20 ธ.ค. 67 - รู้อะไรสำคัญกว่าได้อะไร : การปฏิบัติมันไม่ได้อยู่ที่ว่าเราได้อะไร สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า เราได้เห็นอะไร เราได้รู้อะไร อันนี้สำคัญกว่า เพราะว่าต่อไปเวลามีใครมาตำหนิติเตียนเรา แทนที่เราจะหงุดหงิดหัวเสีย เราก็มาถามตัวเองว่าเราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการกระทำหรือคำพูดเหล่านี้ โดยเฉพาะการรู้เกี่ยวกับใจของเรา ใจที่กระเพื่อม ใจที่หงุดหงิด อันนี้ก็เป็นประโยชน์หรือดีกว่านั้นคือ ได้เห็นได้รู้ว่าสาระประโยชน์ของคำพูดของเขามันคืออะไร เอามาใช้การได้ เหมือนกับที่เปรียบเทียบว่า เจอทุเรียนแล้ว แทนที่เราจะเอาทุเรียนมากอด เราจะต้องรู้จักเฉาะเปลือกออก เพราะว่าภายใต้เปลือกทุเรียนที่มีหนามแหลม มันมีเนื้อที่หวานที่อร่อย คำตำหนิคำต่อว่ามันก็เหมือนกัน แม้ว่ามันจะมีหนามแหลมอยู่ภายนอก แต่ข้างในมันก็มีของดีที่จะเป็นประโยชน์กับเราได้ อันนี้เพราะถ้าเรามีใจใฝ่รู้ ถามตัวเองอยู่เสมอว่า ได้รู้อะไรบ้าง ได้เห็นอะไรบ้าง มันก็จะเกิดความเจริญงอกงามทางสติปัญญา หรือเกิดความเจริญงอกงามในทางธรรม
Sun, 16 Mar 2025 - 28min - 1127 - 25671205pm--แก้ทุกข์ด้วยธรรม
5 ธ.ค. 67 - แก้ทุกข์ด้วยธรรม : การที่คนเราเจอความทุกข์ แล้วมาพบว่า สิ่งที่มีที่สะสมมาตลอด มันช่วยอะไรไม่ได้เลย มันก็ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของธรรมะ และทำให้เห็นว่า ธรรมะนั่นแหละที่จะช่วยแก้ทุกข์ คนเราถ้าไม่เจอทุกข์ มันก็ไม่เห็นอานิสงส์ของธรรมะ เพราะยังมีความคิดเห็นว่า เงินทองทรัพย์สมบัติ บริษัทบริวาร จะช่วยได้ แต่พอเจอเข้าจริงๆ แล้วรู้ว่า สิ่งเหล่านี้ช่วยไม่ได้เลย เทคโนโลยีก็เหมือนกัน ก็ช่วยไม่ได้เลย เมื่อถึงตอนนั้นจะเห็นคุณค่าของธรรมะ แต่ถ้ามาคุณค่าของธรรมะตอนที่ไม่ไหวแล้ว มันก็คงจะไม่ทันการณ์ เหมือนกับคนที่ไม่เคยว่ายน้ำเลย และไม่คิดว่าการว่ายน้ำเป็น เป็นสิ่งสำคัญ จนกระทั่งวันหนึ่งจมน้ำแล้ว ถึงค่อยมารู้ว่า การว่ายน้ำเป็นมันมีความสำคัญมาก แต่ถึงตอนนั้นก็สายไปแล้ว เพราะว่ามันไม่มีเวลาฝึกแล้ว เพราะตอนนั้นจมน้ำแล้ว แต่จะดีกว่า ถ้าเกิดว่าฝึกว่ายน้ำไปตั้งแต่เนิ่นๆ พอถึงเวลาเกิดจมน้ำขึ้นมา เราก็จะว่ายน้ำได้ สามารถช่วยพาชีวิตให้รอดจากการจมน้ำได้ ธรรมะก็เหมือนกัน มันจะช่วยเราได้จริงๆ ก็เพราะการฝึกฝนแต่เนิ่นๆ ในขณะที่ยังมีโอกาส มีเวลา ถ้าไปทำเอาตอนที่จวนตัว หรือตอนที่เกิดวิกฤตแล้ว อาจจะไม่ทันการก็ได้
Sun, 16 Mar 2025 - 27min - 1126 - 25671204pm--ทุกข์มีคุณค่า ถ้ารู้จักใช้
4 ธ.ค. 67 - ทุกข์มีคุณค่า ถ้ารู้จักใช้ : ความทุกข์มันมีค่า ถ้าหากว่าเรารู้จักใช้ แต่ก่อนอื่นเวลาเจอทุกข์ อย่างน้อยก็ต้องรักษาใจไม่ให้ทุกข์ก่อน อันนี้เรียกว่าเสมอตัว ไม่ขาดทุน ไม่ติดลบ แต่ว่าสิ่งที่ดีกว่านั้นคือ ใช้มันให้เป็นประโยชน์ อันนี้เรียกว่าได้กำไร เพราะฉะนั้นเวลาเราเจอความทุกข์ พยายามตั้งสติให้ดี ยอมรับมันให้ได้ เพราะการยอมรับ จะช่วยทำให้ทุกข์กลายเป็นความไม่ทุกข์ ใครจะด่าใครจะต่อว่า ถ้ายอมรับมันได้ คำต่อว่าด่าทอก็ทำอะไรเราไม่ได้อีกต่อไป แล้วถ้าเรามีสติ มีปัญญา ก็สามารถจะพิจารณาเห็นประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราได้ นี่เรียกว่า รู้จักใช้ทุกข์ให้เป็นประโยชน์
Sat, 15 Mar 2025 - 27min - 1125 - 25671203pm--อยู่ในโลกแต่ใจเหนือโลก
3 ธ.ค. 67 - อยู่ในโลกแต่ใจเหนือโลก : อันนี้แหละก็เรียกว่าอยู่ในโลกแต่ว่าใจนี้เหนือโลก เพราะฉะนั้นถึงที่สุดแล้ว หากว่าใจเราเป็นอิสระ ไม่ว่าจะมีอะไร สิ่งที่มีก็ไม่สามารถจะทำร้ายเราได้ เพราะไม่ได้ยึดว่ามันเป็นของเรา ทันทีที่เรายึดว่ามันเป็นของเรา เราเป็นของมันทันทีเลย แทนที่จะยึดว่าสมณศักดิ์นี้เป็นเรา เป็นของเรา เราเป็นของมันทันที แต่ว่าสมณศักดิ์ แม้กระทั่งตำแหน่งสมเด็จพระราชาคณะนี้ก็ทำอะไรหลวงพ่อโตไม่ได้ เพราะว่าใจท่านเป็นอิสระแล้ว ไม่ได้ยึดมั่นสำคัญหมายกับสิ่งนี้ เพราะว่าท่านมีสิ่งอื่นมาแทนที่ เข้าถึงความสุขทางจิตใจ แล้วก็เห็นโทษของสมณศักดิ์ รวมทั้งลาภยศสุขสรรเสริญว่า มันไม่ใช่สิ่งที่จะช่วยให้เกิดความสุขอย่างแท้จริง และเป็นสิ่งที่ไม่อาจยึดมั่นถือมั่นได้เลยแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องหนี อยู่กับมันแต่ว่าเป็นอิสระจากมัน ทีนี้ถ้าเกิดว่าเราฝึกให้มาถึงขั้นนี้ได้ เราก็อยู่ในโลกได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ ไม่ว่าจะมีอะไร แต่มันก็ทำอะไรจิตใจไม่ได้ เรียกว่าอยู่ในโลก แต่ใจอยู่เหนือโลก นี้คือเหตุที่พระพุทธเจ้าเมื่อทรงบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้วก็เลยกลับเข้ามา เพื่อมาสอน ก็เพื่อที่จะมาเป็นแบบอย่างให้กับชาวโลก แม้ว่ายังมีบริขาร 8 แต่ว่าก็ไม่ยึดติด ไม่เหมือนพวกลัทธิเชนที่เขาบอกว่า เขาไม่ยึดติดอะไรเลย แล้ววิถีที่แสดงว่าเขาไม่ยึดติดอะไรเลย ก็คือไม่มีอะไรเลย ไม่สวมเสื้อ ไม่ใส่รองเท้า เรียกว่าเป็นพวกนุ่งลมห่มฟ้า เพื่อแสดงว่าฉันไม่ยึดติดอะไรเลย แต่ที่จริงแล้วเราสามารถจะมีโดยไม่ยึดติดได้ แต่ก็มีในสิ่งที่ควรมี เพราะว่ามีบางอย่างแม้ใจไม่ยึดติด แต่ว่ามันก็เป็นโทษ เป็นภาระ เป็นอุปสรรคกับการใช้ชีวิตและการทำงานได้ อันนั้นก็ควรจะเลี่ยง
Fri, 14 Mar 2025 - 26min - 1124 - 25671202pm--ใช้ความคิด อย่าให้ความคิดใช้เรา
2 ธ.ค. 67 - ใช้ความคิด อย่าให้ความคิดใช้เรา : ทุกวันนี้ เราปล่อยให้ความคิดเป็นนายเรา อย่างที่บอกตั้งแต่แรก เราคิดอย่างไร ก็เห็นโลกแบบนั้น ถ้าเราคิดแต่ในแง่เดียว เราก็เห็นโลกแต่ในแง่เดียว ไม่เห็นโลกที่มันหลากหลาย เจอปัญหา ก็เอาแต่บ่นโวยวายตีโพยตีพาย แทนที่จะมองว่าปัญหานี้มันก็มีข้อดีนะ มันทำให้เราได้ประโยชน์ เจออุปสรรคก็ทำให้เราเกิดความฉลาด อันนี้ก็อยู่ที่วิธีคิดวิธีมองด้วย ฉะนั้น การที่เราเจริญสติ มันช่วยทำให้เรารู้ว่า ควรจะคิดแบบไหน ในเวลาใด หรือควรจะรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ อย่างไร ด้วยความคิดแบบไหน และถ้าหากว่า เรารู้จักใช้ความคิดให้เป็น มันจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า โยนิโสมนสิการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เราได้เกิดสัมมาทิฏฐิ หรือเห็นทางออกจากทุกข์ได้
Thu, 13 Mar 2025 - 26min - 1123 - 25671201pm--สุขหรือทุกข์อยู่ที่ใจWed, 12 Mar 2025 - 28min
- 1122 - 25671130pm--ความสงบพบได้ที่ใจเรา
30 พ.ย. 67 - ความสงบพบได้ที่ใจเรา : จริงๆ เรื่องนี้ มันก็สอนใจ ถ้าเรามองให้ลึกซึ้ง ในขณะที่ผู้คนแสวงหาความสุข แล้วก็ดั้นด้นไปที่ต่างๆ เพื่อหาความสุข หรือเพื่อหาเงินหาทอง ด้วยความหวังว่าจะทำให้ตัวเองมีความสุข แต่ที่จริงแล้ว ความสุขมันไม่ได้อยู่ที่ไหน มันอยู่ที่ใจเรานั่นเอง ผู้คนจำนวนมาก ไม่ค่อยมองว่าจริงๆ แล้ว สิ่งที่มีค่ามากที่สุด มันมีอยู่แล้วที่ใจเรา หรืออยู่กับตัวเราอยู่แล้ว แต่บางครั้ง มันก็จำเป็นที่จะต้องออกไปแสวงหาข้างนอก เพื่อที่เราจะได้มาพบว่า จริงๆ แล้ว ของดีมันมีอยู่แล้วที่ตัวเรา คนหลายคนต้องเดินทางไกลเพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ สุดท้ายก็พบว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดก็คือ การรู้จักตัวเอง การได้พบที่มาแห่งความสุขที่แท้ มันอยู่ที่ใจเรานั่นเอง ตรงนี้คนมักจะมองข้ามไป
Tue, 11 Mar 2025 - 25min - 1121 - 25671129pm--ดับไฟภายในด้วยใจเรา
29 พ.ย. 67 - ดับไฟภายในด้วยใจเรา : ใจเรา ถ้าไม่ปล่อยให้อารมณ์เข้ามา มันก็บีบคั้นเผารน ทำให้เป็นทุกข์ไม่ได้ มันก็ได้แต่อยู่ข้างนอก และถ้าเราดูมัน เห็นมัน มันไม่เพียงแต่ทำอะไรเราไม่ได้ เรายังได้ของดีจากมันด้วย ของดีนั้นคืออะไร คือธรรมชาติ หรือสัจธรรมของอารมณ์เหล่านี้ ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากธรรมชาติของสิ่งต่างๆ ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ความโกรธ ความเกลียด ความเครียด ความเศร้า ก็สอนธรรมให้กับเราได้ นั่นก็คือความไม่เที่ยง และความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ถ้าหากมีสติ หมั่นมองมัน เห็นมันบ่อยๆ นอกจากทำให้มันทำอะไรจิตใจเราไม่ได้แล้ว เรายังได้เห็นสัจธรรมที่มันแสดง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา ก็คือเกิดปัญญา จนรู้ว่าไม่มีอะไรที่ยึดมั่นถือมั่นได้ ไม่มีอะไรที่ยึดว่าเป็นเราเป็นของเราได้ จากการเห็นสัจธรรมของสิ่งที่ไม่ชอบ ต่อไปมันก็จะเห็นสัจธรรมของสิ่งที่ชอบ ว่ามันก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน ไม่ว่าสิ่งที่เป็นรูปธรรมหรือนามธรรม ฉะนั้น นั่นแหละ ก็จะทำให้ใจเราไม่ไปยึดสิ่งเหล่านี้ต่อไป ทางออกจากทุกข์ มีอยู่แล้วที่ใจเรา ท่านติช นัท ฮันห์ ท่านบอกว่า the way out is in ทางออกนี่ อยู่ข้างใน ก็คือ ทางออกก็อยู่ที่ใจนั่นแหละ เพราะฉะนั้น เวลามีความทุกข์ อย่ามัวแต่มองหาคำตอบ หรือทางออกจากข้างนอก อย่าไปหวัง ว่าคนอื่นเขาจะช่วยเราได้ หรืออย่าไปคิดจัดการกับสิ่งภายนอก แต่ให้กลับมามองที่ใจ แก้ที่ใจ อย่างที่หลวงพ่อชา ท่านพูดว่า ทุกข์มีเพราะยึด ทุกข์ยืดเพราะอยาก ทุกข์มากเพราะพลอย ทุกข์น้อยเพราะหยุด ทุกข์หลุดเพราะปล่อย ทุกข์มีเพราะยึด ทุกข์หลุดเพราะปล่อย นี่คือสัจธรรม มันคือน้ำบ่อน้อย ที่มีอยู่แล้วในทุกคนที่จะช่วยดับไฟที่มันลามก้นได้
Mon, 10 Mar 2025 - 29min - 1120 - 25671128pm--ยอมรับได้ ใจคลายทุกข์
28 พ.ย. 67 - ยอมรับได้ ใจคลายทุกข์ : การอยู่กับปัจจุบันก็คือการทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ในการใช้เวลาทุกขณะเพื่อที่จะช่วยชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่ หรือว่าเติมสุขให้ใจเท่าที่จะมีโอกาส แล้วคนเราถ้าหากว่าเรามัวแต่บ่นโวยวายตีโพยตีพาย ไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เท่ากับว่าเรากำลังปล่อยให้โอกาสทองหลุดลอยไป บางคนก็เป็นทุกข์ที่คนรักจะต้องป่วยเป็นมะเร็ง จนตัวเองกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ร่างกายผ่ายผอม เขียนมาถามอาตมาว่าจะทำยังไงดี อาตมาก็บอกว่า ก็เห็นใจที่คนรักของคุณนี่กำลังจะจากไป แต่ว่าอยากจะบอกอย่างหนึ่ง ตอนนี้เขายังอยู่ ขณะที่เขายังอยู่มันเป็นเวลาที่ดี เป็นโอกาสทองที่จะทำความดีร่วมกัน ที่จะมีความสุขร่วมกัน ที่จะมอบสิ่งดี ๆ ให้แก่กันและกัน อย่าเอาแต่คิดถึงวันตายของเขา จนกระทั่งรู้สึกท้อแท้ มองข้ามไปว่าขณะที่เขายังมีลมหายใจ ยังเดินเหินไปไหนมาไหนได้ นั่นแหละคือนาทีทอง คือโอกาสทองของชีวิตที่ต้องรีบใช้ให้เกิดประโยชน์ นั่นคือทำดีต่อกัน มีความสุขร่วมกัน ฉะนั้นอย่ามัวแต่เศร้าโศกเสียใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ดูแลตัวเองให้ดีจะได้มีเวลาทำดีให้กับคนที่ตัวเองรัก แล้วก็ถ่ายทอดความรู้สึกดี ๆ ให้กับเขา ทำให้เขามีกำลังใจ เพราะถ้าหากว่าตัวเองหงุดหงิด หรือว่าซึมเศร้าก็จะถ่ายทอดพลังลบให้กับเขา ทำให้เขาแย่ลงไปอีก
Sun, 09 Mar 2025 - 27min - 1119 - 25671120pm--จับหลักได้ ฝึกใจไม่ยาก
20 พ.ย. 67 - จับหลักได้ ฝึกใจไม่ยาก : เรื่องการปฏิบัติ ถ้าเราเข้าใจจุดมุ่งหมายแล้ว มันจะไม่มีปัญหา เราก็สามารถจะประยุกต์วิธีการต่างๆ มาใช้กับตัวได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปติดรูปแบบ พอจับหลักการเจริญสติได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเดินจงกรม สร้างจังหวะอย่างเดียว บางคนเวลาเจริญสติทีไรก็นึกถึงการสร้างจังหวะ ที่จริงไม่จำเป็นนะ คลึงนิ้วก็ได้ ตามลมหายใจก็ได้ ไม่จำเป็นต้องยกมือสร้างจังหวะ อย่างบางคนนี่นั่งบนรถเดินทางกลับบ้าน ก็ยกมือสร้างจังหวะไปด้วย ถามว่าทำไมยกเลิกสร้างจังหวะ เขาตอบก็เพื่อเจริญสติ แต่ที่จริงเจริญสติทำได้หลายวิธี ไม่จำเป็นต้องสร้างจังหวะหรือติดอยู่กับการสร้างจังหวะ จะกระดิกนิ้ว คลึงนิ้ว พลิกมือไปพลิกมือมาก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะเข้าใจ การคุยกับคน มีใครมาเยี่ยมมีใครมาก็เจริญสติได้ ไม่ใช่ว่าจะต้องมาสร้างจังหวะ ใครมาหาก็ไม่หงุดหงิด ไม่รำคาญ ว่าเขามาขัดขวางการปฏิบัติของเรา เพราะว่าการคุยกับเขา การมีสติกับการฟัง การมีสติกับการพูดก็เป็นการปฏิบัติเหมือนกัน ฉะนั้นถ้าเราจับหลักได้ การฝึกใจจะง่าย จะทำได้ทุกที่ทุกเวลา
Sat, 08 Mar 2025 - 27min - 1118 - 25671119pm--ปฎิบัติให้หมดเนื้อหมดตัวFri, 07 Mar 2025 - 25min
- 1117 - 25671118pm--การเดินทางสำคัญไม่น้อยกว่าจุดหมาย
18 พ.ย. 67 - การเดินทางสำคัญไม่น้อยกว่าจุดหมาย : สิ่งที่เราเรียนรู้ระหว่างทางนี้ มันสำคัญไม่น้อยไปกว่าการที่บรรลุถึงจุดหมาย อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องตระหนักชัด จุดหมายไม่สำคัญเท่ากับกลางทาง ระหว่างทาง ถึงจุดหมายก็ไม่สำคัญเท่ากับการเดินทาง เพราะฉะนั้นอย่าไปรังเกียจหากว่าจะต้องเดินทางไกลและเหนื่อย เพราะว่าการเดินทางไกลนี้มันได้ให้อะไรกับเราหลายอย่าง แม้จะยังไม่บรรลุถึงจุดหมาย แต่ว่าสิ่งที่ได้มามันก็มีค่า อาจจะมีค่ากว่าจุดหมายที่เราวาดหวังจะบรรลุด้วยซ้ำ
Thu, 06 Mar 2025 - 28min - 1116 - 25671117pm--ใจนิ่งไล่ความหลง
17 พ.ย. 67 - ใจนิ่งไล่ความหลง : ให้ลองสังเกตดู การที่ใจเรานิ่งมันช่วยทำให้อารมณ์ไม่ว่าเกิดขึ้นภายในใจเรา หรืออารมณ์ที่เกิดขึ้นจากภายนอกแล้วกระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย มันหมดพิษสงลง มันจะไม่สามารถอาละวาดหรือก่อกวนรังควาญเราได้เลยถ้าเราแค่นิ่ง เรียกว่าวางใจเป็นกลางกับสิ่งต่าง ๆ ถ้ารู้เฉย ๆ สักแต่ว่ารู้ เสียงกระทบหูก็สักแต่ว่ารู้ รูปกระทบตาก็สักแต่ว่าเห็น อารมณ์เกิดขึ้นก็สักแต่ว่ารู้ แต่ไม่ไปข้องแวะกับมัน ดูมันเฉย ๆ แต่เมื่อไรก็ตามที่เราไม่สามารถจะดูเฉย ๆ ได้ เหมือนกับไก่ที่ยังไม่ได้ฝึกมา มันเห็นไก่ตัวอื่นมา มันก็ห้ามใจไม่ได้ มันอดไม่ได้ที่จะเข้าไปตี เข้าไปสู้ มันไม่สามารถจะฝึกใจให้นิ่งได้ เพราะฉะนั้นเราถึงต้องมาฝึก ฝึกเพื่อให้ใจเรานิ่ง นิ่งไม่ได้หมายความว่าไม่มีความคิด ไม่มีอารมณ์ มีได้ มีความคิดได้ มีอารมณ์ได้ แต่ว่าใจไม่ไปทำอะไรกับความคิดและอารมณ์นั้น ก็แค่รู้ซื่อ ๆ ดูเฉย ๆ นี่คือความหมายของคำว่านิ่ง นิ่งแบบรู้ ไม่ใช่นิ่งเพราะหลง หรือเพราะไม่รู้
Wed, 05 Mar 2025 - 26min - 1115 - 25671116pm-คาดหวังให้น้อย ยอมรับให้มาก
16 พ.ย. 67 - คาดหวังให้น้อย ยอมรับให้มาก : ความโกรธ ความหลง ความฟุ้ง ก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่เพียงแต่ยอมรับ ว่ามันเป็นธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ แต่เรามองว่ามันมีประโยชน์ มาช่วยฝึกใจ ให้มีสติรู้ทันมันได้เร็วขึ้น อันนี้มีประโยชน์ หลงเยอะๆ นี่ไม่เป็นไร ขอให้รู้ว่าหลงก็แล้วกัน ดีกว่าสงบแล้วไม่รู้ สงบแล้วไม่รู้ว่าสงบนี่ อันนี้แย่ จะดีหรือแย่ ไม่ใช่ว่าถูกใจเรา หรือไม่ถูกใจเรา มันอยู่ที่ว่า เราปฏิบัติกับมันอย่างไร สงบแต่เราไม่รู้ อันนี้ไม่ดี แต่ฟุ้งแล้วเรารู้ หลงแล้วเรารู้ อันนี้ดี โกรธก็เหมือนกัน หงุดหงิดก็เหมือนกัน มันมาเพื่อให้เราได้เรียนรู้ ทุกอย่างมีประโยชน์ ถ้าเรารู้จักมอง หรือรู้จักใช้ หลายคน ใหม่ๆ ฟุ้งเยอะ นิวรณ์รบกวนหลายอย่างเหลือเกิน ทั้งง่วง ทั้งฟุ้ง ทั้งหงุดหงิด แต่ว่าพอทำไป ทำไป แล้ว โอ้ รู้ทันได้ไวขึ้น ไวขึ้น ที่รู้ทันได้ไวขึ้น เพราะอะไร เพราะเจอมันบ่อยๆ เลยคุ้นหน้าคุ้นตา เรียกว่าผิดบ่อยๆ มันก็ทำให้รู้จักทำให้มันถูก คนที่ทำการบ้านผิดบ่อยๆ นี่ โอกาสที่จะฉลาด แล้วก็ทำให้ถูกนี่ มีมาก ถ้าไม่กลัวผิด มันก็มีโอกาสที่จะถูกมากขึ้น ถ้าไม่กลัวหลง ก็จะมีโอกาสรู้ทันได้มากขึ้น คือการยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับใจ มันจะช่วยให้เราพบกับความก้าวหน้าในการปฏิบัติตรงกันข้าม ความคาดหวัง หรือความอยาก มันจะเป็นอุปสรรค หน่วง หรือว่าชะลอการปฏิบัติ หรือทำให้การปฏิบัติ เต็มไปด้วยความทุกข์ ฉะนั้น รู้จักวางใจให้ถูก ลดความคาดหวังลง แล้วก็ให้หัดทำเล่นๆ แต่ว่าทำจริงๆ
Tue, 04 Mar 2025 - 25min - 1114 - 25671115pm--จิตสว่างไสวเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ
15 พ.ย. 67 - จิตสว่างไสวเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ : ถ้าหากว่ามีธรรมะเป็นที่พึ่ง ชีวิตก็จะเข้าถึงความอิสระอย่างแท้จริง จะว่าไปก็เปรียบเหมือนกับดวงจันทร์ ดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญที่สว่างไสว จิตใจที่เข้าถึงธรรมก็จะสว่างไสวอย่างนั้น เพราะเป็นจิตใจที่ปลอดพ้นจากความหลง ไม่ว่าจะเป็น ความหลงขั้นต้นคือความไม่รู้สึกตัว หรือ ความหลงที่สูงกว่านั้นคือการไม่รู้ความจริง ขึ้นชื่อว่าการไม่รู้ตัว หรือไม่รู้ความจริง มันก็ทำให้จิตใจหมองคล้ำ เพราะมันทำให้ยึดมั่นถือมั่น ไม่ว่าสิ่งที่ให้ความสุขกับเราแต่เจือไปด้วยทุกข์ หรือสิ่งที่มันเป็นบาปอกุศลที่สร้างความขุ่นข้องหมองใจ ความหลงแบบนี้ ทำให้จิตใจเศร้าหมอง แต่ถ้าขับความหลงออกไป เริ่มจากความไม่รู้ตัว จนกระทั่งต่อไปคือความไม่เข้าใจความจริงหรือสัจธรรม จิตใจก็จะแจ่มกระจ่าง เหมือนกับพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ความสว่างของดวงจันทร์ สามารถขับไล่ความมืดออกไปได้ ในขณะที่ความมืดไม่สามารถที่จะบดบังทำให้พระจันทร์เศร้าหมองเลย ยิ่งมืดเท่าไหร่ พระจันทร์ก็ยิ่งสว่างไสวมากเท่านั้น อันนี้ก็หมายความว่า เมื่อจิตใจเราได้เข้าถึงสัจธรรมแล้ว แม้รอบตัวของเราจะเต็มไปด้วยคนที่ไม่น่ารัก จะมีคำตำหนิติฉินนินทา มันก็ไม่ทำให้จิตใจเราเป็นทุกข์ได้ พูดง่ายๆ ก็คือว่า ไม่ว่าจะเจอโลกธรรมฝ่ายลบฝ่ายบวก จิตก็ยังผ่องใส ใจไม่กระเพื่อม ไม่หวั่นไหวไปกับโลกธรรมที่มากระทบ เหมือนกับดวงจันทร์ที่มีความมืดโดยรอบก็ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งมืดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสว่างไสวมากเท่านั้น ยิ่งใครมาทำร้าย ใครมาต่อว่า หรือมาเบียดบัง จิตใจก็ยิ่งแจ่มกระจ่าง ฉะนั้น เวลาเรามาถึงวันเพ็ญเดือน 12 อย่านึกถึงแต่การลอยกระทง ให้นึกถึงธรรมะที่สืบเนื่องจากการปรินิพพานของพระสารีบุตรด้วย
Mon, 03 Mar 2025 - 29min - 1113 - 25671114pm--โชคกับเคราะห์มีประโยชน์เสมอกัน
14 พ.ย. 67 - โชคกับเคราะห์มีประโยชน์เสมอกัน : การปฏิบัตินั้นถ้าเราอยากจะมีชีวิตที่สงบ เย็น เป็นสุข เราก็ต้องรู้จักปฏิบัติต่อบวกและลบ โชคและเคราะห์ เท่า ๆ กัน เสมอกัน สำหรับคนที่ไม่ได้ปฏิบัติด้วยการเจริญสติ มันก็อาจจะยาก อาจจะยากที่จะวางใจเป็นกลางต่ออารมณ์บวกและอารมณ์ลบ แต่สำหรับคนที่เจริญสติแล้วจะทำได้ง่ายกว่า แต่ถ้าเจริญสติแล้วเราไม่ได้รู้จักวางใจเป็นกลางต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อันนี้ก็สันนิษฐานว่าปฏิบัติไม่ถูกหรือว่ายังปฏิบัติไม่มากพอ เพราะถ้าเราเจริญสติถูก เจริญสติได้ดี เราจะรู้จักวางใจเป็นกลางต่อบวกและลบที่เกิดขึ้นในใจ เพราะว่าการรู้ซื่อ ๆ มันก็คือวางใจเป็นกลางต่ออารมณ์ที่น่ายินดี แล้วก็อารมณ์ที่ไม่น่ายินดี ความคิดบวกหรือความคิดลบ ความพึงพอใจหรือความไม่พึงพอใจที่เกิดขึ้น ก็เห็นมันมีค่าเสมอกัน ทีแรกเพราะมีสติรู้ทัน รู้ซื่อ ๆ ตอนหลังก็เพราะเห็นว่ามันก็สอนสัจธรรมเหมือนกัน สอนเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เหมือนกัน มันมีค่าเสมอกันในทางธรรม ถ้ามองในระดับวิปัสสนา แต่ถ้ามองในระดับสมถะ ความปีติ ความยินดี ความสงบ มันดีกว่าความหดหู่ ห่อเหี่ยว ความเบื่อ เวลาเราเจริญสมถะนี้ เราจะมีการเลือกที่รักมักที่ชัง อารมณ์ที่เป็นบวกก็เอา อารมณ์ที่มันเป็นลบก็ไม่เอา ผลักไส แต่เวลาเราเจริญวิปัสสนา อารมณ์ที่บวกหรือลบมีค่าเสมอกัน เพราะว่ามันสามารถจะก่อให้เกิดทุกข์ได้ถ้าไปยึด แต่ถ้าไม่ยึดมัน รู้จักมองมัน มันก็สอนสัจธรรมให้กับเราได้ และนี่แหละก็คือเหตุผลว่าทำไมเราควรปฏิบัติต่อโชคและเคราะห์ สุขและทุกข์ บวกและลบ เสมอเหมือนกัน
Sun, 02 Mar 2025 - 27min - 1112 - 25671108pm--ปลูกสติจนเป็นธรรมประจำใจ
8 พ.ย. 67 - ปลูกสติจนเป็นธรรมประจำใจ : คนเราพอมีความทุกข์มักจะหนี แต่บางคนก็พยายามหาหนทางออกจากทุกข์ พอคนเราหาทางออกจากทุกข์ ก็มาใคร่ครวญ จนพบความจริงว่า ป่วยกายแต่ใจไม่ป่วยก็ได้ ที่ป่วยใจเพราะอะไร เพราะว่าใจที่ไม่อยู่กับปัจจุบัน ใจที่ยึดติดถือมั่น ใจที่มองเห็นแต่ความทุกข์ ไม่รู้จักมองเห็นความสุขที่มีอยู่รอบตัว ขนาดป่วยอย่างนี้เธอก็ยังรู้จักหาความสุข ไม่ใช่จากการกินดื่มเที่ยวเล่น แต่จากการมองชีวิตในมุมใหม่ แล้วก็พบว่า สิ่งที่เธอมีอยู่ เป็นอยู่ตอนนี้ มันก็มีความสุขให้เธอได้เก็บเกี่ยว หรือว่าชื่นชมได้ อันนี้ก็เลยเป็นแง่คิดสำหรับคนที่เจ็บป่วยอยู่แล้ว หรือแม้กระทั่งไม่เจ็บป่วย แต่ก็น่าจะใคร่ครวญ เพราะว่าความทุกข์ความเจ็บป่วย รวมทั้งความพลัดพรากสูญเสีย มันต้องเกิดขึ้นกับเราแน่นอนในวันข้างหน้า ไม่มีใครหนีพ้น รวมทั้งความตายด้วย แต่ถ้าเรารู้จักวางใจให้ถูก เข้าใจความจริงของชีวิต เข้าใจจิตใจของตัวเอง โดยเฉพาะเข้าใจความทุกข์ของตัวเอง ก็สามารถจะออกจากทุกข์ หรือว่าเป็นอิสระจากความทุกข์ได้
Sat, 01 Mar 2025 - 26min - 1111 - 25671107pm--หมั่นมองตน ไม่เพ่งโทษคนอื่น
7 พ.ย. 67 - หมั่นมองตน ไม่เพ่งโทษคนอื่น : เราต้องหมั่นมองตนอยู่เสมอ อย่ามัวแต่เพ่งโทษคนอื่น เพราะถ้าเราเพ่งโทษคนอื่น เราจะเผลอ ไม่ดูแลใจ แล้วกิเลสมันก็จะมาครอบงำ ฉะนั้นการมีสตินี้มันจึงสำคัญมากเลย เพราะสติช่วยทำให้เราไม่มัวแต่เพ่งโทษคนอื่น แต่ว่าคอยหมั่นมองใจ หมั่นมองตน แล้วคอยเตือนตนอยู่เสมอ ยิ่งเราเตือนตนมากเท่าไหร่ ไม่ประมาท ไม่ดูแคลนกิเลส เราก็มีโอกาสที่จะรับมือกับกิเลสได้ดีขึ้น
Fri, 28 Feb 2025 - 27min - 1110 - 25671106pm--มั่นคงในวิถีธรรม
6 พ.ย. 67 - มั่นคงในวิถีธรรม : บ่อยครั้งแม้เรามาปฏิบัติธรรม แต่เราเอาวิถีทางโลกมาใช้ แสวงหาสิ่งที่ถูกใจ อะไรที่ทำให้สบายก็ถือว่าดี อะไรที่ทำให้ไม่สบาย ไม่ถูกใจ ถือว่าไม่ดี แต่ว่าในทางธรรมจะดีหรือไม่ มันอยู่ที่ว่าเราเกี่ยวข้องกับมันอย่างไร สุขอาจจะไม่ดีก็ได้ถ้าเกิดหลง ทุกข์อาจจะดีก็ได้ถ้าเกิดรู้ทุกข์ หรือว่ารู้เท่าทันอารมณ์ที่ทำให้เป็นทุกข์ เวลาเรามาปฏิบัติธรรม ต้องหมั่นสังเกตว่า เราเอาวิถีทางโลกมาใช้ในการปฏิบัติธรรมหรือเปล่า เพราะถ้าเราเอาวิถีทางโลกมาใช้กับการปฏิบัติธรรม เราก็จะแสวงหาแต่สิ่งที่ถูกใจ สิ่งที่พอใจ สงบดี แต่ถ้าไม่สงบนี่ไม่ดี แต่ที่จริงแล้วไม่สงบมันก็อาจจะดีได้ ถ้าใช้มันให้เป็น เช่นเดียวกัน คำชมในทางโลกถือว่าดี แต่ในทางธรรมอาจจะไม่ดีก็ได้ถ้ามันทำให้เราประมาท ในทางตรงข้าม คำต่อว่าด่าทออาจจะดีก็ได้ ถ้าเรารู้จักใช้มัน เอามาเป็นเครื่องฝึกใจ ให้ลดละความยึดมั่นถือมั่น ลดละความยึดมั่นในหน้าตา หรือมีสติรู้ทันความไม่พอใจที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างวิถีโลกและวิถีธรรม และถ้าเราเห็นว่าวิถีธรรมมันดี ก็อย่าลืมอย่าเผลอเอาวิถีโลกมาใช้กับวิถีธรรม จนกระทั่งทำให้เสียหลักไป
Thu, 27 Feb 2025 - 27min - 1109 - 25671105pm--ดูแลใจให้สงบและสว่าง
5 พ.ย. 67 - ดูแลใจให้สงบและสว่าง : และปัญญาที่เกิดขึ้นมันช่วยถอนรากถอนโคนที่มาแห่งความทุกข์ หรือสมุทัยได้ ยังไม่นับการที่เราได้เห็นว่าเรามีนิสัยใจคออย่างไร บางคนก็เพิ่งมารู้ว่าเป็นคนชอบคิดลบคิดร้าย เป็นคนที่เจ้าอารมณ์ ก็ตอนที่มาปฏิบัตินี่แหละ ก่อนหน้านั้นไม่รู้ พอมาปฏิบัติก็เห็นความคิดลบคิดร้ายเกิดขึ้น ความขี้อิจฉา หรือความขี้โกรธเจ้าอารมณ์ บางคนตลอดทั้งชีวิตนี้ไม่เคยรู้เลย แต่พอมาปฏิบัติก็เห็นเลย ใหม่ๆ ก็ทำใจไม่ได้ แต่ตอนหลังก็ยอมรับว่าเราก็เป็นปุถุชน อันนี้คือความจริงขั้นพื้นฐานที่ได้จากการปฏิบัติธรรม แต่ว่าเป็นความจริงที่ยังมีตัวมีตนอยู่ จนกระทั่งปฏิบัติจนเห็นว่าจริงๆ แล้วมันไม่มีเรา มันเหลือรูปกับนาม ตรงนี้จะช่วยลดทอนความทุกข์ได้ มันทำให้เกิดความสว่าง การปฏิบัติมาถึงตรงนี้จึงจะนับว่าเป็นวิปัสสนา ถ้าไม่ถึงตรงนี้มันก็ยังเป็นแค่สมถะ ซึ่งก็ยังมีประโยชน์ ฉะนั้นการภาวนา ก็ขอให้เข้าถึงความสงบ ไม่ใช่สงบเพราะตัดการรับรู้ แต่สงบเพราะรู้ทันความคิดและอารมณ์ แล้วก็ก้าวไปให้ถึงความสว่าง คือปัญญาที่เข้าใจความจริงของชีวิต หรือว่าความจริงเกี่ยวกับรูปและนาม
Wed, 26 Feb 2025 - 30min - 1108 - 25671103pm--ดูแลใจไม่ให้ทุกข์
3 พ.ย. 67 - ดูแลใจไม่ให้ทุกข์ : ถ้าเรารู้ว่าจิตปรุงแต่งในทางลบ เราก็ลองเปลี่ยนให้มันเป็นกลาง ๆ ดู หรือเปลี่ยนให้มันเป็นบวก อย่างคนที่เขามองได้ยินเสียงเลื่อยยนต์แล้วเขารู้สึกแย่ รู้สึกหงุดหงิดในทีแรก เพราะว่าไปให้ค่าว่าเป็นเสียงที่ไม่ดี เสียงรบกวน รบกวนการนั่งสมาธิ แต่พอไปให้ค่าให้ความหมายว่าเป็นเสียงเพลง เสียงนั้นไม่รบกวนจิตใจเขาอีกต่อไปเลย จะว่าไปแล้ว สุขหรือทุกข์มันอยู่ที่ใจเราแท้ ๆ ไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่มากระทบกับเรา ไม่ได้อยู่ที่คนที่เกี่ยวข้องกับเรา ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา แต่มันอยู่ที่ว่าเรามองมันอย่างไร เรารู้สึกกับมันอย่างไร เรามีท่าทีกับมันอย่างไร และนี่คือสิ่งที่เราควรจะรู้ได้จากการที่เรามาเจริญสติ แล้วก็เห็นว่าอะไรคือเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริง ซึ่งที่สุดแล้ว เหตุแห่งทุกข์ก็อยู่ที่ใจเรา ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ การที่จะแก้ทุกข์มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก โดยเฉพาะความทุกข์ใจ
Tue, 25 Feb 2025 - 28min - 1107 - 25671102pm--ใจไม่ยึด ก็ไม่ทุกข์
2 พ.ย. 67 - ใจไม่ยึด ก็ไม่ทุกข์ : เคล็ดลับในการที่จะรับมือกับอารมณ์เหล่านี้ ก็คือ แค่ปล่อยวางมัน ไม่ยุ่งกับมัน อันนี้คือโอกาสสุดท้ายที่เราจะไม่ทุกข์ แต่ถ้าเราทำได้คือ ตอนที่เกี่ยวข้องกับผู้คน สิ่งของ ถ้าเราไม่ยึดตั้งแต่แรก เมื่อมันผันผวนปรวนแปรไป อารมณ์ไม่ว่าจะเป็นเศร้า เสียใจ โกรธ ก็ไม่เกิด น้อยเนื้อต่ำใจ ก็ไม่เกิด แต่ถึงแม้มันเกิด ก็ยังมีโอกาสที่เราจะไม่ทุกข์ ถ้าเราไม่ไปเอนเกจกับมัน ไม่ไปยุ่งกับมัน ดูมันเฉยๆ อย่างที่ว่า รู้ซื่อๆ หรือที่ท่านเรียกว่า วางมัน ปล่อยมัน แล้วมันก็จะดับไปเอง ฉะนั้น การมีสติ มันช่วยตรงนี้แหละ ช่วยทำให้เราสามารถจะรับรู้อารมณ์เหล่านี้ แบบ รู้เฉยๆ รู้แล้วปล่อย รู้แล้ววาง หรือไม่ไปเอนเกจกับมัน
Mon, 24 Feb 2025 - 27min - 1106 - 25671101pm--เคล็ดลับแห่งความสุขของชีวิต
1 พ.ย. 67 - เคล็ดลับแห่งความสุขของชีวิต : ไม่ว่าเราจะปฏิบัติหรือดำเนินชีวิตประจำวัน ก็ให้เราไม่เพียงแต่ ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง แต่ต้องมีสติเห็นใจด้วย ทำอะไร เกี่ยวข้องกับใคร กินอะไร เราต้องรับรู้อย่างถูกต้อง แต่ว่าไม่ลืมใจของเราตอนนั้นว่ามันเป็นอย่างไร ถ้าเราไปเพ่งแต่ข้างใน เราก็ไม่รับรู้โลกภายนอก แต่ถ้าเรามัวแต่ส่งจิตออกนอก เราก็ไม่เห็นใจ ไม่เห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้น แล้วก็ปล่อยให้มันรบกวนจิตใจ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ปราชญ์คนนั้นบอกว่า เคล็ดลับแห่งความสุขก็คือ การที่รู้จักมองสิ่งต่างๆ นอกตัว สิ่งสวยงาม แต่ก็อย่าลืมช้อนที่ถือในมือ อย่าให้น้ำมันมันหก อันนี้เป็นแง่คิดที่ดีมาก แต่ถ้าคนที่ไม่ปฏิบัติ บางทีก็เข้าใจยากว่ามันเป็นเคล็ดลับแห่งความสุขได้อย่างไร มันเป็นเคล็ดลับแห่งความสุขก็เพราะว่า มันทำให้เราสามารถจะรับรู้สิ่งดีๆ ที่มีอยู่รอบตัว หรือมีอยู่กับตัวเราได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่หลงเพลิน เช่นเดียวกัน เมื่อเราเจอสิ่งที่แย่ ๆ เสียงดัง อากาศร้อน แต่ว่าถ้าเราดูใจ ดูแลรักษาใจให้ดี มันก็ไม่ทุกข์ เสียงดังกระทบหู แต่ว่าความหงุดหงิดไม่ครองใจ เพราะว่ารักษาใจไว้ได้ หรือเพราะมีสติ รู้ทันความคิดและอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ ฉะนั้น เจออะไร ไม่ว่าจะเป็นอิฏฐารมณ์ หรืออนิฏฐารมณ์ มันก็ไม่เผลอ ไม่พลั้ง เจออิฏฐารมณ์คือรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสที่น่าพอใจ ก็ไม่เพลิดเพลินยินดีจนลืมตัว เจออนิฏฐารมณ์ รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสที่ไม่ถูกใจ ก็ไม่ทุกข์ ยังเป็นปกติอยู่ได้
Sun, 23 Feb 2025 - 28min - 1105 - 25671031pm--รู้สึกตัวได้ไว ใจก็ทุกข์น้อยลง
31 ต.ค. 67 - รู้สึกตัวได้ไว ใจก็ทุกข์น้อยลง : ถ้าเรามาวัดแม้จะไม่ได้ฝึกในรูปแบบ ไม่ได้เดินจงกรม ไม่ได้สร้างจังหวะ แต่เวลาเราเดินไปที่ศาลาหน้าเพื่อกินข้าว หรือเวลาที่เรากินข้าว เราก็ทำอย่างมีสติเท่าที่เราจะทำได้ ใจมันลอยอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเราตั้งใจว่าจะให้รู้เนื้อรู้ตัวขณะที่กินข้าว ประเดี๋ยวมันก็นึกขึ้นมาได้ว่า เราตั้งใจอะไรไว้ มันก็จะกลับมา แล้วมันจะกลับมาเร็วขึ้น ๆ เรื่อย ๆ ทำอย่างนี้ทั้งวัน สติเราก็จะมีความคล่องแคล่วปราดเปรียวมากขึ้น แต่ว่ามันคงจะไม่ได้เห็นผลชัดเจนภายใน 1 วัน แต่ถ้าทำหลายวันก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับใจของเราเมื่อมีสติ ให้ทำด้วยความรู้สึกสบาย ๆ ไม่ต้องเคร่งเครียด ไม่ต้องคิดจะเอาชนะจิตด้วยการควบคุมไม่ให้มันคิด มันจะไปอย่างไรก็เราห้ามไม่ได้แต่ว่าเราจะฝึกให้มันกลับมา ถ้าเราฝึกให้กลับมาอยู่บ่อย ๆ ใจก็จะมีความรู้สึกตัวได้ไว พอเรารู้สึกจะได้ไว เราก็จะพบว่าความทุกข์นี่มันลดน้อยลง เพราะว่าพอรู้สึกตัวได้ไวการที่มันจะจมเข้าไปในความคิด ถลำเข้าไปในอารมณ์ก็จะน้อยลง และทุกข์เพราะความคิดมันก็จะน้อยลงไปเรื่อย ๆ หรือว่าทำให้เราสามารถที่จะรับมือกับอารมณ์ต่าง ๆ ได้ ถ้าเราเข้าใจคุณค่าของสติ ความรู้สึกตัว และรู้หลักในการปฏิบัติ มันก็จะไม่ใช่เรื่องยาก
Thu, 20 Feb 2025 - 26min - 1104 - 25671030pm--เยียวยาใจด้วยสติ
30 ต.ค. 67 - เยียวยาใจด้วยสติ (เย็น) : คนเราเวลามีความทุกข์จากเหตุการณ์ในอดีต การที่จะย้อนกลับไปในเหตุการณ์ในอดีต ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์อย่างที่หลายคนบอกว่า ย้อนกลับไปทำไม มันผ่านไปแล้ว ลืมไปเถอะ การลืมมันไม่ช่วยเพราะอย่างไรก็ไม่ลืม แต่ว่าพอกลับไปมองมันในมุมใหม่ มันหลุดได้ อันนี้ก็ถือว่าเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งของแจ็ค ซึ่งเขาก็เป็นอาจารย์กรรมฐานที่เข้าใจ แล้วที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ เขาไม่เคยแนะนำสั่งสอนเลยว่า พอลล่าควรจะวางใจอย่างไร เขามีแต่ถามว่า เธอรู้สึกอย่างไร เธอเป็นมานานแค่ไหน แล้วที่เขาช่วยพอลล่าได้ คือให้พอลล่าลองเป็นพ่อดู แล้วรู้สึกอย่างไร รู้ไหมว่าตอนนั้นพอลล่า ลูกสาวของคุณเขายืนอยู่ข้างบน เขามองคุณอยู่ มีแต่คำถาม แต่เป็นคำถามที่พาให้พอลล่าได้พบคำตอบ แล้วเห็นทางออกจากความทุกข์ได้ บ่อยครั้งเราคิดว่าจะต้องสอน ต้องชี้แนะ แต่บางทีเพียงแค่ตั้งคำถามที่ดี ตั้งคำถามถูก ตั้งคำถามเป็น ก็สามารถช่วยปลดล็อกคนที่เขามีความทุกข์ได้ นี่เป็นเรื่องที่หลายคนสามารถจะนำมาใช้กับตัวเองได้ การย้อนกลับไปมองถึงความเจ็บปวดในอดีต ถ้ามองเป็น มองถูก ย่อมมีโยนิโสมนสิการ ก็ช่วยทำให้หลุดจากทุกข์ได้ แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องมีสติเป็นตัวกำกับ ถ้าไม่มีสติเป็นตัวกำกับแล้ว มันก็ตกร่องเดิม โบยตีตัวเอง เกลียดชังตัวเอง หรือโกรธคนนั้นคนนี้ ยิ่งรักก็ยิ่งโกรธ เพราะว่าคนที่ตัวเองรัก เขาไม่ใส่ใจเราเลย หรือว่าเขาไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด แต่พอมองกลับไป เห็นว่าเขามีเหตุผลที่เขาไม่ทำอย่างที่เราคิด แล้วที่เราคิดก็ไม่ใช่ว่าถูกต้องเสมอไป
Wed, 19 Feb 2025 - 25min - 1103 - 25671030am--เยียวยากายและใจเพื่อการจากไปอย่างสงบTue, 18 Feb 2025 - 39min
- 1102 - 25671029pm--จะทำอะไรอย่าลืมเตรียมใจ
29 ต.ค. 67 - จะทำอะไรอย่าลืมเตรียมใจ : ชีวิตของคนเราโดยสรุปทั่วไปมันก็เป็นแบบนี้ มันมีอารมณ์เกิดขึ้น แล้วก็ไหลไปตามอารมณ์ สุดแท้แต่ว่าจะมีสิ่งเร้าสิ่งกระทบอะไร แต่ถ้าเกิดว่าเราเจริญสติ เริ่มจากการมารู้กาย แล้วก็รู้ความคิด ต่อไปมันก็จะรู้ทันอารมณ์ ไม่ปล่อยให้อารมณ์มาครอบงำใจเรา มันก็ทำให้เราเริ่มจะเป็นอิสระจากสิ่งเร้า สิ่งกระทบ ไม่ใช่ว่าพอมีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่ไม่น่าพอใจก็หงุดหงิด หัวเสียโมโห พอเจอใครทำอะไรถูกใจ กินอาหารที่ถูกใจ ก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที จิตใจผู้คนมันก็เป็นอย่างนี้สุดแท้แต่สิ่งเร้า ไม่สามารถที่จะเป็นตัวของตัวเองเป็นอิสระจากสิ่งเร้าได้ จนกว่าจะมีสติรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งเร้าก็มาครอบงำใจ มาผลักไสใจให้ทุกข์ไม่ได้
Mon, 17 Feb 2025 - 27min - 1101 - 25671028pm--ธรรมแก้ทุกข์ได้ถ้าทำถูกต้อง
28 ต.ค. 67 - ธรรมแก้ทุกข์ได้ถ้าทำถูกต้อง : ธรรมะนี้แม้จะแก้ทุกข์ได้ แต่ถ้าหากว่าปฏิบัติไม่ถูก มันก็ทำให้ทุกข์มากขึ้น ถึงขั้นอยากจะฆ่าตัวตายก็มี ถึงขั้นอยากจะสึกหาลาเพศ บอกไม่ไหวแล้ว หรือบางทีก็ถูกอกุศลจิตอกุศลธรรมฉุดลงอบายก็มี ทั้งหมดนี้ก็เพราะความยึดมั่นถือมั่นในธรรมะ หรือพูดอย่างง่าย ๆ คือประพฤติธรรมไม่ถูกต้อง มีคำพูดว่า “ธรรมที่ประพฤติดีแล้ว นำสุขมาให้” ความหมายตรงข้ามกับ “ธรรมที่ประพฤติไม่ถูกต้อง นำทุกข์มาให้” อันนี้ก็เป็นข้อที่ควรระวัง ถึงแม้ว่าธรรมะนี้จะช่วยแก้ทุกข์ได้ แต่ถ้าปฏิบัติไม่ถูกต้องมันก็เพิ่มทุกข์เหลือประมาณเลยทีเดียว ก็เหมือนกับการทำอะไรก็ตามแม้จะดี แต่ต้องทำให้ถูกต้อง ถ้าทำไม่ถูกต้องอาจจะเกิดผลเสียได้ เหมือนกับขับรถ รถพาเราไปถึงเป้าหมาย แต่ถ้าขับไม่ถูกต้องมันก็อันตรายมาก อาจจะทำร้ายชีวิตคน หรือว่าทำให้ตัวเองเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ เพราะฉะนั้นธรรมะแม้ว่าจะพาให้เกิดสุข แล้วก็ช่วยแก้ทุกข์ ก็ต้องตระหนักว่าต้องทำให้ถูกต้อง ถ้าทำไม่ถูกต้อง มันเกิดความเสียหายมาก
Sun, 16 Feb 2025 - 27min - 1100 - 25671023am--เกิดมาเพื่อใช้กรรมจริงหรือ
23 ต.ค. 67 - เกิดมาเพื่อใช้กรรมจริงหรือ : ถ้าเราเข้าใจเรื่องกรรมอย่างถูกต้อง นอกจากเราจะประพฤติตน ฝึกฝนตนให้มีความเจริญงอกงามในทางธรรม สร้างบุญสร้างกุศลแล้ว เราจะเอื้อเฟื้อเกื้อกูลผู้อื่นได้มากขึ้น เพราะเราเชื่อว่า เป็นหน้าที่ เป็นธรรมะอย่างหนึ่ง และต่อไปเราจะเห็นคุณค่าของการไม่ใช่แค่ทำดีด้วยศีล แต่เราจะฝึกใจให้มีความสงบ รู้จักปล่อย รู้จักวาง และเข้าใจความจริงของชีวิต จนถึงจุดหนึ่ง เราจะพบว่าความทุกข์ที่แท้อยู่ที่ใจ อะไรเกิดขึ้นกับเราไม่ได้ทำให้เราทุกข์เสมอไปถ้าเราวางใจได้ถูก เจ็บป่วยก็ป่วยแต่กาย ใจไม่ป่วย ถ้ามาถึงจุดนี้ เราจะเกี่ยวข้องกับกรรมในทางที่สร้างสรรค์ เวลาที่พูดคำว่า ใช้กรรม ความหมายที่เราเข้าใจคือ ชดใช้กรรม แต่ ใช้ มีอีกความหมายหนึ่ง คือใช้ประโยชน์ เวลาเจ็บป่วยเราบอกว่า เกิดมาเพื่อใช้กรรม แต่ถ้าเราเข้าใจเรื่องกรรมและปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง เราจะใช้ความทุกข์ ความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับเราให้เป็นประโยชน์ เราต้องก้าวข้ามจากความเชื่อว่าเกิดมาเพื่อใช้กรรมในความหมายที่เป็นการชดใช้ มาเป็นการรู้จักใช้กรรมที่เกิดขึ้นหรือความทุกข์ที่เกิดขึ้นให้เป็นประโยชน์ และความทุกข์ ไม่ว่าจะเกิดเพราะกรรมเก่าหรือไม่ มันเป็นประโยชน์กับเราได้
Sat, 15 Feb 2025 - 58min - 1099 - 25671019pm--คบเพื่อนดี มีเพื่อนใน ชีวิตงอกงามFri, 14 Feb 2025 - 43min
- 1098 - 25671018pm--ควรได้ประโยชน์จากการมาวัด
18 ต.ค. 67 - ควรได้ประโยชน์จากการมาวัด : เวลาเจอโลกธรรมฝ่ายบวก ได้ลาภ ได้ยศ ได้คำชม ได้คำสรรเสริญ จิตใจก็ไม่เคลิบเคลิ้มหวั่นไหวไหลหลง ไม่กระเพื่อม เวลาเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกต่อว่าด่าทอ สูญเสียของรัก สิ่งรัก จิตใจก็ไม่เศร้าโศก เราจะรู้เลยว่า อันนี้คือสภาวะของจิตที่พึงปรารถนา และนี่คือสภาวะของชีวิต ที่เราควรไปให้ถึง อย่างที่เราเพิ่งสวดเมื่อสักครู่ มงคลสูตร 38 มีตอนท้ายบอกว่า จิตของผู้ใด เมื่อโลกธรรมถูกต้องแล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว ไม่เศร้าโศก ไร้ธุลีกิเลส เป็นจิตเกษมสานต์ พูดง่ายๆ ก็คือว่า ไม่ว่ามีอะไรมากระทบ บวกหรือลบ จิตก็ไม่หวั่นไหว ใจก็ไม่กระเพื่อม เป็นปกติอยู่ได้ ตรงนี้แหละที่จะทำให้เราเห็นคุณค่าของสติมากขึ้น เห็นคุณค่าของปัญญามากขึ้น เพราะว่าเมื่อมีสติ จิตเราจึงจะเป็นปกติ เมื่อมีปัญญา เราจึงเข้าใจว่า มันไม่มีอะไรที่ยึดมั่นถือมั่นได้ ได้กับเสียเป็นของคู่กัน เจอกับจากเป็นของคู่กัน พบกับพรากเป็นของคู่กัน ใครชม เราก็ไม่ปลื้ม เมื่อเราไม่ปลื้มเวลาคนชม เวลาใครด่า เราก็ไม่หวั่นไหว ไม่โกรธ เราจะเห็นว่า จุดมุ่งหมายของชีวิต ควรจะไปให้ถึงจุดนี้ และนี่คือประโยชน์ที่เราจะได้จากการเป็นชาวพุทธ เพราะฉะนั้นเวลามาที่วัดป่าสุคะโต ให้ลองนึกถึงประโยชน์ที่เราควรจะได้ และถ้าเราสามารถได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติในขณะที่มาสุคะโต ก็จะช่วยทำให้เราได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเป็นชาวพุทธ ไม่ใช่แค่มาทำบุญให้ทานเท่านั้น
Thu, 13 Feb 2025 - 27min - 1097 - 25671017pm--ทุกประสบการณ์เป็นบทเรียนให้เรา
17 ต.ค. 67 - ทุกประสบการณ์เป็นบทเรียนให้เรา : มีความผิดพลาดอะไร ที่เราได้ทำ มีความบกพร่องตรงไหน ก็ควรจะมองเห็น รับรู้ยอมรับ แม้ว่าตัวมานะหรืออัตตาเราจะไม่อยากยอมรับ แต่ถ้าเราเห็น แล้วก็ยอมรับมัน มันก็เอามาเป็นบทเรียนได้ เอามาเป็นเครื่องเตือนใจเราได้ อย่างที่หลวงพ่อคำเขียนชอบพูดอยู่เสมอ คนเรามันต้องผิดก่อน มันถึงจะถูกได้ เราต้องโง่ก่อน จึงจะฉลาด ถ้าหากว่าเราเคยทำผิดทำพลาด มันก็เป็นเรื่องธรรมดา เอามาเป็นบทเรียนเตือนใจ ให้เราทำถูก อะไรที่เราหลงก็เอามาเป็นบทเรียน เพื่อให้เราทำให้เกิดรู้ขึ้นมา ความโง่ของเราก็เอามาเป็นเครื่องเตือนใจให้ฉลาด อันนี้ก็ทำให้วันเข้าพรรษา และการปฏิบัติของเรามีคุณค่า เพราะว่าทุกอย่างมีประโยชน์ทั้งนั้น ไม่ว่าสิ่งดี ๆ ที่เราทำ หรือว่าสิ่งบกพร่องที่เราได้เผลอทำ มันก็มีคุณค่าต่อการพัฒนาชีวิตของเราให้เจริญงอกงาม
Wed, 12 Feb 2025 - 27min - 1096 - 25671016pm--ชีวิตไปต่อได้ ถ้ารู้จักหยุด
16 ต.ค. 67 - ชีวิตไปต่อได้ ถ้ารู้จักหยุด : ทุกวันนี้เราคิดถึงเรื่องการไปข้างหน้า แต่เราไม่ค่อยเห็นคุณค่าของการหยุดการชะลอเท่าไหร่ ถ้าเรารู้จักพอ เราก็จะหยุด เราก็จะชะลอได้ หรือถ้าเรารู้จักยอมรับความสูญเสีย เงินที่สูญเสียไปจากการพนันก็ดี จากการเล่นหุ้นก็ดี หรือจากน้ำท่วมก็ดี หรือว่าจากธุรกิจที่ขาดทุนก็ดี ถ้าเรารู้จักหยุด มันก็ไม่ผลักให้เราสร้างปัญหากับตัวเอง เพราะว่าแมงเม่าจำนวนมาก เวลาเขาสูญเสียเงินแล้วเขาทำใจไม่ได้ เขาก็พยายามหาทางที่จะเอาเงินคืน หรือแก้คืนให้ได้ แต่สุดท้ายก็ยิ่งสูญเสียมากขึ้น การหยุดอาจจะไม่ได้ทำให้เราได้ของที่เสียไปคืน แต่ทำให้เราไม่สูญเสียมากไปกว่านั้น เช่น เวลาเงินหาย ถ้าเราไม่รู้จักหยุดเศร้าโศก ไม่รู้จักหยุดครุ่นคิดถึงมัน เราจะไม่ได้เสียแต่ทรัพย์ เราก็จะเสียสุขภาพ เสียความสุข เสียสุขภาพจิต และเสียอีกหลายอย่าง ถ้าเรารู้จักยอมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น เราก็จะเสียแค่หนึ่ง เราจะไม่เสียสองเสียสาม เพราะว่าเรายอมรับได้ ยอมรับความสูญเสีย หรือรู้จักหยุด
Tue, 11 Feb 2025 - 24min - 1095 - 25671015pm--ฝึกใจให้มั่นคงเหมือนหินผา
15 ต.ค. 67 - ฝึกใจให้มั่นคงเหมือนหินผา : ถ้าเราไม่มีความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆ เมื่อสิ่งนั้นมันแปรเปลี่ยนไป เงินทองถูกลักขโมย ร่างกายเกิดเจ็บป่วย หรือว่าเกิดแก่ชรา หรือคนรักล้มหายตายจากไป เราก็ไม่ทุกข์ หลายคนไปคิดว่าทุกข์เพราะเงินหาย ทุกข์เพราะเจ็บป่วย ทุกข์เพราะคนรักตายจากไป ที่จริงไม่ใช่ ที่มันทุกข์เพราะไปยึดว่าสิ่งเหล่านั้น คนเหล่านั้นว่าเที่ยง ว่าเป็นของเรา อันนี้เรียกว่าไม่รู้ความจริง เป็นความหลงชนิดหนึ่ง ซึ่งจะแก้ได้ก็ต้องมีปัญญา ปัญญาทำให้รู้ความจริง ส่วนความหลงอีกอย่างหนึ่งคือไม่รู้ตัว ก็เลยไปยึดเอาอารมณ์ที่มันเป็นลบ อย่างที่เปรียบเทียบว่าไปหยิบเอาเศษแก้วเศษตะปูมาทิ่มแทงตัวเอง ไปหยิบเอาขยะมาสุมกองในบ้านตัวเอง นี้เรียกว่าไม่รู้ตัว ขาดสติ ถ้าเรารู้ตัวมีสติ ถ้าเรารู้ความจริงเพราะมีปัญญา อะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับเรา กับร่างกายของเรา กับทรัพย์สินของเรา กับคนรักของเรา มันก็ไม่ทุกข์ แม้กระทั่งคำว่าของเรา สุดท้ายมันก็ไม่มี ก็รู้ว่ามันไม่ใช่ของเราเลย เพราะฉะนั้นแม้จะมีโลกธรรรมฝ่ายลบเกิดขึ้น มีความสูญเสียพลัดพรากเกิดขึ้น จิตใจก็ยังเป็นปกติได้ นี้เรียกว่าเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ใจมั่นคงเข้มแข็งเหมือนกับหินผาที่คลื่นจะซัดสาดยังไง หินผาก็ยังสงบนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อน มีแต่คลื่นที่แตกกระจายไป เพราะฉะนั้นถ้าเราฝึกใจแบบนี้ มันจะช่วยลดความทุกข์ไปได้เยอะ มีทุกข์กายก็จริงแต่ใจไม่ทุกข์ เสียทรัพย์แต่ว่าใจไม่เสีย แล้วมันทำให้เราสามารถจะเข้าถึงสิ่งที่ทางพุทธศาสนาเรียกว่า เป็นมงคลสูงสุด คือเมื่อโลกธรรมถูกต้องแล้ว จิตก็ไม่หวั่นไหวใจก็ไม่กระเพื่อม สงบนิ่งมั่นคงอยู่ได้
Mon, 10 Feb 2025 - 28min - 1094 - 25671014pm--ฝึกตนจนพ้นตัวตน
14 ต.ค. 67 - ฝึกตนจนพ้นตัวตน : บางคนยึดมั่นกับคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องอนัตตา ที่ว่าไม่มีตัว ไม่มีตน พอเห็นคำสอนเรื่องว่า เราทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เขาก็บอกว่าไม่ใช่พระพุทธพจน์นะ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนี้ เพราะพระพุทธเจ้าสอนทุกอย่างเป็นอนัตตา อ้างว่าคำประโยคนี้มันไม่ใช่พุทธภาษิต แต่ที่จริงเป็นพุทธภาษิต เราทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน แต่ว่าเป็นคำสอนที่สำหรับคนที่ยังมีความเชื่อเรื่องตัวตนอยู่ ก็ให้รู้ว่าถ้าหากว่าอยากจะให้ตัวเราดีก็ต้องทำกรรมดี ไม่อยากให้ตัวเราเดือดร้อนก็ต้องเว้นความชั่ว เว้นกรรมชั่ว แต่ถ้าเข้าใจเรื่องอนัตตาอย่างแท้จริงแล้ว ก็จะทำดี เว้นความชั่วไปเอง โดยที่ไม่ได้ทำเพราะความยึดมั่นถือมั่นในอัตตา ไม่ได้รู้สึกว่าการทำความดีเป็นเครื่องรัดรึง หรือว่าไม่รู้สึกว่าถูกตีกรอบ หรือถูกล้อมคอกอีกต่อไป ฉะนั้นให้เราทำความเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งอาจารย์พุทธทาสสรุปไว้ได้ดีมาก สำหรับสัตว์โลกที่อ่อน พระพุทธเจ้าทรงขังคอกเอาไว้ แต่สำหรับสัตว์โลกที่แก่กล้า พระองค์ทรงชี้ทางให้บินไป อันนี้เป็นสิ่งที่พึงระลึกอยู่เสมอเวลาเราปฏิบัติธรรม ต้องถามตัวเองว่าเราอยู่ในขั้นไหน เป็นสัตว์โลกที่ยังอ่อนอยู่ หรือเป็นสัตว์โลกที่แก่กล้าแล้ว
Sun, 09 Feb 2025 - 27min - 1093 - 25671013pm--ปลอดภัยเมื่อมีสติเป็นเพื่อนใจ
13 ต.ค. 67- ปลอดภัยเมื่อมีสติเป็นเพื่อนใจ : รู้ซื่อ ๆ ก็คือว่า ต่างคนต่างอยู่ ไม่ขับไสไล่ส่ง ไม่โรมรันพันตู ซึ่งมันก็เริ่มต้นจากการที่อนุญาตให้สิ่งเหล่านี้มาอยู่ หรืออนุญาตให้สิ่งเหล่านี้มา จะมาก็มา อนุญาตให้ตัวเองเศร้าได้ อนุญาตให้ตัวเองโกรธได้ อนุญาตให้ตัวเองวิตกกังวลได้ อนุญาตให้ตัวเองรู้สึกซังกะตายหรือรู้สึกเฉา ไม่ผลักไสไล่ส่ง แต่ว่าต่างคนต่างอยู่ นี้เป็นอานิสงส์ของสติ และถ้าสติเราแก่กล้า เข้มแข็งมากพอ อารมณ์พวกนี้ก็จะค่อย ๆ ล่าถอยไปเอง เพราะว่ากุศลธรรมจะมาช่วยปัดเป่าสิ่งเหล่านั้นออกไป เหมือนกับน้ำเสีย เราไม่ต้องเสียเวลาดูดเอาน้ำเสียออก ไม่ต้องวิด ไม่ต้องสูบ แค่ปล่อยน้ำดีเข้าไป มันก็จะไปไล่น้ำเสียออกไป น้ำดีนั้นคืออะไร ก็คือกุศลธรรมซึ่งเกิดจากการชักนำของสติ แล้วสุดท้ายสติก็จะช่วยทำให้เราปลอดภัย จึงเป็นเพื่อนใจที่ดีมาก ทำให้เรามีใจเป็นมิตร มีจิตเป็นเพื่อน แทนที่ใจจะกลับมาซ้ำเติมสร้างความทุกข์ให้กับเรา แทนที่ใจจะมีแต่จะปั่นหัวเราให้เศร้าโศก โกรธแค้น หรือทำให้คิดลบคิดร้าย กลับทำให้จิตใจเราสงบเย็น เป็นอานิสงส์ของสติ เพราะฉะนั้นถึงแม้เราจะมีเพื่อนนอกมากแค่ไหนก็ตาม หรือไม่มีเลย แต่เราจะปลอดภัยได้ ถ้าเรามีเพื่อนใจคือสติ
Sat, 08 Feb 2025 - 26min - 1092 - 25671012pm--ปาฎิหาริย์ในธรรมดาสามัญ
12 ต.ค. 67 - ปาฎิหาริย์ในธรรมดาสามัญ : สำหรับผู้ที่มีปัญญา ธรรมะมีอยู่ทุกหย่อมหญ้า ธรรมะที่ว่าหมายถึงธรรมะไม่ใช่แค่คุณธรรมความดีหรือจริยธรรมเท่านั้น แต่หมายถึงสัจธรรม ไม่ใช่สัจธรรมระดับโลกิยะ แต่สัจธรรมระดับโลกุตระ ที่ทำให้พ้นทุกข์ ทำให้เห็นว่าไม่มีอะไรที่ยึดมั่นถือมั่นได้เลย ทำให้เห็นว่าไม่มีอะไรที่ใช่ตัวใช่ตน ทั้งหมดนี้ก็เริ่มต้นจากการที่ทำอะไรด้วยความรู้เนื้อรู้ตัว ไม่ให้ใจถูกความหลงครอบงำ เมื่อรู้ตัวจนกระทั่งตัวกูไม่ปรากฏ ต่อไปมันก็จะรู้ความจริง จนดับความยึดมั่นถือมั่นในตัวกูได้ ทุกครั้งที่เรามีความรู้สึกตัว ตัวกูมันไม่มีโอกาสจะเกิดเพราะว่ามันเกิดได้ในยามที่เราหลง หรือในยามที่ความหลงครองใจ หลงเมื่อไหร่ก็ปรุงตัวกูขึ้นมา แล้วเกิดความสำคัญมั่นหมายในตัวกู ของกู กูเดิน กูโกรธ กูเศร้า กูดีใจ เป็นเพราะหลงทั้งนั้นแหละ แต่พอรู้ตัว รู้เนื้อรู้ตัว ความหลงหายไป ตัวกูก็ดับไปด้วย แต่มันก็ดับไปชั่วคราวเพราะคนเรารู้ตัวได้ประเดี๋ยวประด๋าวเดี๋ยวก็หลงอีกแล้ว นี้คือเหตุผลที่เรามาภาวนา มาเจริญสติ เพื่อให้มีความรู้สึกตัวต่อเนื่อง เมื่อรู้ตัวต่อเนื่อง ต่อไปมันจะไม่ใช่แค่รู้ตัวแต่มันจะรู้ความจริง จนกระทั่งตัวกูไม่มีที่ตั้ง กิเลสเกิดขึ้นไม่ได้ และนี่ก็คือเรียกว่าความพ้นทุกข์ที่เราจัดว่าเป็นสุดยอดปาฏิหาริย์
Fri, 07 Feb 2025 - 27min - 1091 - 25671009pm--ไม่กลัวผิดจึงทำถูก
9 ต.ค. 67 - ไม่กลัวผิดจึงทำถูก : สติจะพัฒนาได้ มันก็ต้องผ่านการฟุ้ง ผ่านการหลง หลวงพ่อเทียนท่านพูดว่า ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ คิดในที่นี้คือ คิดฟุ้งซ่าน หรือคิดโดยไม่ตั้งใจคิด ยิ่งมันเผลอคิดมากเท่าไรก็ยิ่งรู้ รู้ในที่นี้คือรู้ตัว คือรู้ทันความคิด แล้วเวลาเรามาปฏิบัติธรรม เราต้องทิ้งความเคยชินเดิม ๆ ประเภทว่าเป็นนักเรียนหน้าห้อง กลัวผิด กลัวตอบครูผิด หรือว่ากลัวสอบไม่ได้ร้อย เพราะว่าเดี๋ยวพ่อแม่จะไม่รัก หรือว่าจะไม่ได้เป็นที่ยอมรับของคนอื่น รวมทั้งไม่เป็นที่ยอมรับของตัวเอง ต้องหลุดออกจากทัศนคติแบบนี้ให้ได้ เรียกว่าโถมไปเลย มันจะผิดมันจะพลาดอย่างไร ไม่เป็นไร เพราะเราสามารถจะเรียนรู้จากความผิดความพลาดได้ เหมือนกับที่เด็กๆ เรียนรู้วิธีการเดินได้ ก็ต้องมาจากการล้มบ่อยๆ ถ้าพ่อแม่กลัวเด็กล้ม คอยจับ คอยประคองลูกตลอดเวลา ไม่ยอมให้ลูกเดินด้วยตัวเอง ลูกก็จะไม่มีทางเดินเป็น ที่พวกเราเดินเป็นได้ตั้งแต่เด็ก เพราะว่าเราไม่กลัวผิด ไม่กลัวล้ม ไม่ใช่ว่าไม่ล้ม ล้มแต่ก็รู้แล้วก็เดินต่อไป จนกระทั่งรู้วิธีที่จะทรงตัว ตอนหลังไม่ใช่แค่เดินได้อย่างเดียว วิ่งได้ด้วย ให้เราเอาทัศนคติแบบนี้มาใช้กับการปฏิบัติ เพราะว่าในแง่หนึ่ง ในทางธรรมก็เหมือนกับเรากำลังตั้งไข่ เพราะฉะนั้นมันก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะล้ม เราปฏิบัติไป หลง 95 เปอร์เซนต์ หรือ 99 เปอร์เซนต์ ก็ได้ แต่ก็ช่างมัน ไม่เป็นไร ทำไปเรื่อย ๆ ไม่กลัวล้ม ไม่กลัวหลง แต่ขอให้ทำอยู่เรื่อย ๆ แล้วจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
Thu, 06 Feb 2025 - 28min - 1090 - 25671008pm--ทุกอย่างสอนธรรมเราได้ทั้งนั้นWed, 05 Feb 2025 - 28min
- 1089 - 25671007pm--เหนือได้ เหนือเสีย
7 ต.ค. 67 - เหนือได้ เหนือเสีย : สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจธรรมะ ไม่ได้สนใจการฝึกจิต ก็จะปล่อยใจหลงวนอยู่กับการเปรียบเทียบ ได้มาก เสียน้อย แต่ถ้าเขามองว่าความคิดแบบนี้ทำให้ทุกข์ ลองคิดถึงเรื่องของการเสียสละแบ่งปันดู มีมุทิตาจิต ให้กับนักการภารโรง พยาบาล เภสัชที่เขามีรายได้น้อยกว่าเรา แต่ว่าเขาได้ส่วนแบ่งจากเงินก้อนนี้มากกว่าเรา ก็ดีแล้ว ถ้ามีความเป็นมิตร เป็นเพื่อน มันก็ไม่ถือสา ก็ไม่ได้หวงแหน จิตที่คิดจะเอามันก็จะไม่มาครองจิตครองใจ แล้วมีจิตที่คิดจะให้มันมาแทนที่ อันนั้นเป็นเรื่องของคนที่เขาอาจจะไม่ได้สนใจเรื่องการปฏิบัติธรรมเท่าไหร่ แต่ถ้าสนใจเรื่องการปฏิบัติธรรมอย่างน้อยก็ต้องเห็น เห็นตัวกิเลส กิเลสที่มันอยากได้ อยากได้มากกว่าคนอื่น หรือว่าอยากเด่นกว่าคนอื่น ข้อดีของคนที่ปฏิบัติธรรมคือ มันมีสิ่งนี้ มีธรรมะที่จะช่วยทำให้จิตใจอยู่เหนือการได้การเสีย อยู่เหนือการเปรียบเทียบ แล้วถ้าอยู่เหนือการได้การเสีย อยู่เหนือการได้มากได้น้อย อยู่เหนือการเปรียบเทียบ มันก็จะมีความสุขง่าย ใครเขาจะได้มากก็ไม่ทุกข์อะไร เพราะเราก็พอใจสิ่งที่มี หรือเราไม่ปล่อยให้ตัวตัณหาหรือมานะครอบงำใจ
Tue, 04 Feb 2025 - 27min - 1088 - 25671006pm--ทุกข์แก้ได้ที่ใจเรา
6 ต.ค. 67 - ทุกข์แก้ได้ที่ใจเรา : ถ้าหากว่าเราไม่ดูแลใจปล่อยให้กิเลส ปล่อยให้อารมณ์อกุศลเข้ามาครอบงำใจ เราจะไปโทษคนอื่นไม่ได้ เราก็ต้องรับผิดชอบที่ประมาทเลินเล่อไม่ดูแลใจของเรา ในทางธรรมเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจะไปโทษคนนั้นคนนี้ว่ามาทำให้เราเป็นทุกข์ ก็ไม่ได้ เพราะว่าเราไม่ได้ดูแลใจของเราอย่างเพียงพอ เหมือนกับชายคนนั้นที่ไม่ได้ดูแลรถให้ดี อันนี้เป็นข้อคิดที่ดี ถ้าหากว่าเราดูแลใจให้ดี ไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นมันก็ เราก็จะไม่ทุกข์ง่าย ๆ และการดูแลใจคือ การที่มีสติรักษาใจ รวมทั้งความตระหนักว่า สมุทัย เหตุแห่งทุกข์นั้น โดยเฉพาะถ้าเป็นทุกข์ใจ มันอยู่ที่ใจของเรา อยู่ที่การวางใจของเรา ดังนั้นแม้สิ่งภายนอกสิ่งรอบตัวจะเหมือนเดิมแต่เราก็ยังสามารถแก้ทุกข์ได้ ด้วยการดูแลใจของเราให้ดี นี้แหละการปฏิบัติธรรม การเจริญสติมีความสำคัญก็ตรงนี้ เพราะมันทำให้เราเห็นว่าไม่ใช่แค่มีทุกข์เกิดขึ้นก็รู้ รู้ว่าทุกข์กายและรู้ว่าทุกข์ใจ ยังรู้ต่อไปว่าเหตุแห่งทุกข์มันอยู่ที่ใจของเรา แล้วไม่จำเป็นต้องไปเรียกร้องคนอื่นให้เปลี่ยนแปลง แค่ปรับแก้ที่ใจของเรา ความทุกข์ที่ใจเราก็จะลดลง
Mon, 03 Feb 2025 - 27min - 1087 - 25671005pm--สงบได้เมื่อใจมีสติ
5 ต.ค. 67 - สงบได้เมื่อใจมีสติ : ถ้าเราทำจริงจัง เราจะกระฟัดกระเฟียดมาก เหมือนพวกนักกีฬาแข่งขันรอบตัดเชือก หรือว่าแข่งขันชิงชนะเลิศเอาเหรียญทองโอลิมปิค พวกนี้จะเครียดมาก เพราะว่ามุ่งเน้นที่ความสำเร็จ เน้นคุณภาพ แต่ถ้าเราจะทำ เราก็ทำแบบทำเล่นๆ หลงบ้าง ฟุ้งบ้าง ลืมบ้าง ไม่เป็นไร แต่ว่าทำเรื่อยๆ ทำบ่อยๆ ทำเยอะๆ ทำทั้งวัน แล้วสติมันก็จะทำงานได้เร็วขึ้น ระลึกหรือรู้ตัวได้เร็วขึ้น แล้วเราก็จะเห็น ต่อไปความคิดพอมันมา แล้วมันก็ไป ไม่ใช่มันไปเอง แต่เป็นเพราะมีสติมาช่วย เพราะฉะนั้น ลองฝึกเอาไว้ ฝึกไปเรื่อยๆ อย่าไปบังคับจิต ทำเล่นๆ ไป แต่ทำเรื่อยๆ แล้วเราจะเห็น เราจะรู้ทันความคิด รู้ทันอารมณ์ และต่อไปเวลาอารมณ์ใดเกิดขึ้น ความคิดฟุ้งซ่านใดเกิดขึ้น เราก็จะรู้ทันมันได้เร็ว แล้วเป็นอิสระจากมันได้ง่าย
Sun, 02 Feb 2025 - 29min - 1086 - 25671004pm--ดูแลใจ ห่วงใยผู้อื่น
4 ต.ค. 67 - ดูแลใจ ห่วงใยผู้อื่น : ทีนี้ถ้าเราดูแลใจดีๆ เราจะไม่ซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้กับใจ ในลักษณะที่ว่าไม่ว่าจะเป็นการคิดปรุงแต่งในเรื่องอนาคตที่ยังไม่เกิด หรือว่าผลักไสสิ่งที่กำลังประสบรับรู้อยู่ในปัจจุบัน แล้วถ้าเราดูแลใจดีๆ มันไม่ใช่แค่หยุดซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้กับใจ แต่ยังรู้จักวิธีป้องกันไม่ให้ความทุกข์มาครอบงำใจด้วย อะไรที่จะช่วยให้ใจเราไม่ถูกความทุกข์ครอบงำก็คือสติ อารมณ์ ความโกรธ ความเศร้า พวกนี้เกิดขึ้นได้ เพราะเผลอไปแล้ว เผลอคิดไปแล้ว แต่ก็ยังมีกำแพงอีกชั้นหนึ่ง คือสติ ที่จะช่วยไม่ให้ความทุกข์เหล่านั้นมาครอบงำใจ แล้วถ้าสติเราทำงานดีๆ ต่อไปเราก็ยังสามารถจะเติมสุขให้ใจได้ด้วย สติมันช่วยเติมสุขให้ใจ ทำให้เราพบความสงบเย็นภายใน และทำให้เรามีกำลังในการช่วยเหลือผู้อื่น ถ้าเรารู้จักเติมสุขให้ใจ เรามีความสุข เราก็สามารถที่จะให้ความรัก ความเมตตา ความห่วงใย กับคนอื่นได้ รวมทั้งกับผู้ป่วย เพราะฉะนั้น การดูแลใจ กับการห่วงใยผู้อื่นนี่ มันไปด้วยกัน ฉะนั้นถ้าเราดูแลใจดีๆ เราก็จะห่วงใย ช่วยเหลือผู้อื่นได้ดี ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วย หรือคนใกล้ตัว แต่ถ้าเราไม่ดูแลใจให้เป็น เราจะไม่รู้วิธีที่จะให้ความช่วยเหลือกับคนที่กำลังทุกข์ยากอย่างไร หรือถึงมี ถึงรู้ แต่ก็จะหมดเรี่ยวหมดแรงไปในที่สุด
Sat, 01 Feb 2025 - 29min - 1085 - 25671003pm--ขับพิษออกจากใจบ้าง
3 ต.ค. 67 - ขับพิษออกจากใจบ้าง : เวลาพูด สติกับความรู้สึกตัว พูดคู่กัน อันนี้เป็นเรื่องที่ใครที่ปฏิบัติก็จะเข้าใจ เพราะว่าเราจะรู้สึกตัวได้ เราต้องมีสติ มีสติจนกระทั่งจิตมันหลุดออกจากอดีต ไม่ไหลไปอนาคต จิตไม่ส่งออกนอก จิตก็กลับมารู้เนื้อรู้ตัว พอจิตกลับมารู้เนื้อรู้ตัว ก็เกิดความรู้สึกตัวขึ้นมา พูดอีกอย่างก็คือว่า สติเป็นอาหารให้กับความรู้สึกตัว หรือว่าเป็นตัวหล่อเลี้ยงความรู้สึกตัว เพราะฉะนั้นจึงพูดว่า สติและความรู้สึกตัว คู่กันไป นอกจากการที่ไม่ไปรับรู้อารมณ์ รู้จักวิรัช วิรัชคือลดละการเสพอารมณ์ เสพสิ่งเร้า โดยเฉพาะทางโทรศัพท์มือถือ ทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การที่เรามาเจริญสติ ฝึกสติ มันจะทำให้การขับถ่ายอารมณ์ที่เป็นพิษ หรือพูดรวมๆ ก็คือ ขับถ่ายความทุกข์ออกไปจากใจของเรา และถ้าเราทำเป็นอาจิณ ทำเป็นประจำ จิตใจของเราจะโปร่งเบา ซึ่งก็ส่งผลทำให้สุขภาพกายของเราดีขึ้นด้วย เพราะว่าความเครียด ความโกรธ ความวิตกกังวล มันทำร้ายทั้งใจ แล้วก็ร่างกายของเรามาก ฉะนั้น เวลาพูดถึงการดีท็อก อย่าคิดหรืออย่านึกถึงแต่การขับพิษออกจากร่างกาย ให้นึกถึงการขับพิษออกจากจิตใจ ด้วยการงดเสพสิ่งเร้า แล้วก็ด้วยการเจริญสติอยู่เป็นนิจ
Fri, 31 Jan 2025 - 27min - 1084 - 25671002pm--อบอุ่นใจเมื่อได้กลับบ้าน
2 ต.ค. 67 - อบอุ่นใจเมื่อได้กลับบ้าน : พอใจกลับมารู้เนื้อรู้ตัวเมื่อไหร่ ความทุกข์ที่เกิดจากการหลงใหล หลงไปจมอยู่กับอดีต หรือลอยไปอนาคต หรือถลำเข้าไปในอารมณ์ มันหมดไป มีความสบาย ก็จะพอใจ เหมือนกับวัยรุ่น ถ้าหากว่าพ่อแม่ไม่บังคับให้ลูกต้องอยู่บ้าน ลูกจะอยู่จะไปก็ได้ แต่พอลูกวัยรุ่นไปสักพัก ก็รู้สึกว่าที่ไปท่องเที่ยวระเหเร่ มันก็สนุก แต่มันเหนื่อยล้า มันไม่ใช่ เขาก็จะกลับมาที่บ้าน ใจเราก็เหมือนกัน ถ้าหากว่าได้สัมผัสความรู้เนื้อรู้ตัว รู้จักอยู่กับเนื้อกับตัว เอากายเป็นบ้าน พอระเหเร่ร่อนไปกับอารมณ์ รู้สึกเหนื่อย รู้สึกล้า พอกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว กลับมารู้สึกตัวสบาย ก็อยากจะกลับมา นี่แหละเป็นวิธีที่ช่วยให้ใจพอใจกับการอยู่บ้านได้เรื่อยๆ แล้วก็จะพบสิ่งดีๆ ที่มาพร้อมความรู้สึกตัว แต่ก่อนความรู้สึกตัวเกิดขึ้นได้เมื่อใจมาอยู่กับกาย อยู่กับเนื้อกับตัว แต่ตอนหลังก็พบว่า แค่อยู่กับปัจจุบันนั่นแหละคือบ้านที่อำนวยให้เกิดความรู้สึกตัวขึ้นมา คนเราถ้ามีบ้านแบบนี้ ถ้าจิตใจได้รู้จักบ้านแบบนี้ ก็จะมีที่พึ่ง เป็นที่พึ่งอันเกษม เพราะสามารถที่จะทำให้ความทุกข์ต่างๆ ที่เคยบีบคั้นใจ บรรเทาเบาบาง หรือทำให้จิตหลุดออกจากความทุกข์ได้ เริ่มจากความรู้สึกตัว แล้วก็นำไปสู่ภาวะอื่นที่ตามมา โดยเฉพาะภาวะที่หลุดพ้นจากความยึดมั่นถือมั่น เพราะว่ามีปัญญาเข้าใจความจริงของกายและใจว่า มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ฉะนั้นความรู้สึกตัวเป็นบ้านที่เราต้องทำความคุ้นเคยให้มากๆ เวลาเราทุกข์ ก็ให้รู้ว่าเป็นเพราะเราห่างไกลจากบ้านชนิดนี้ เพราะตอนนั้นใจเรามันเป็นจิตจรจัดหรือไร้บ้าน จึงมีความทุกข์ เมื่อใดกลับมาบ้าน กลับมาอยู่กับความรู้เนื้อรู้ตัว ก็จะมีความอบอุ่นใจขึ้นมา
Thu, 30 Jan 2025 - 27min - 1083 - 2525671001pm--ปล่อยให้ความทุกข์ผ่านไป
1 ต.ค. 678 - ปล่อยให้ความทุกข์ผ่านไป : สติช่วยทำให้ปล่อยวางสิ่งที่ทำความทุกข์ให้กับเราลงจากใจได้ง่าย มีความโกรธ มีความแค้น มีความหงุดหงิด ถ้ามีสติเห็นมันแล้ว ก็วางมันลง อาจจะไม่ได้ยึดมันตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ คือปล่อยให้มันผ่านเลยไป หรือแม้จะเคยยึดไปแล้ว พอมีสติก็วาง คนที่โกรธ พอได้สติ พอรู้สึกตัว จะหายโกรธเลย บางคนที่มีความรู้สึกผิดติดค้างใจมาหลายปี พอได้สติเผชิญหน้ากับมัน ก็ปล่อยวางมันลงได้ แต่ก่อนนี้เอาแต่ผลักไสกดข่ม มันก็ยิ่งฝังแน่นในใจ แต่พอใช้สติ เผชิญหน้ากับมัน หรืออย่างที่ครูบาอาจารย์เรียกว่ารู้ซื่อ ๆ การปล่อยการวางอารมณ์เหล่านั้นก็เกิดขึ้น พอปล่อยวางอารมณ์ที่เป็นทุกข์ได้ ต่อไปอารมณ์ที่เป็นสุขก็จะปล่อยวางได้ง่ายขึ้น แต่การปล่อยวางนี้อาจจะไม่ได้เกิดจากสติอย่างเดียว เกิดจากปัญญาด้วย ปัญญาคือเห็นว่า สิ่งทั้งปวงนี้ไม่เที่ยง ไม่มีอะไรที่ยึดมั่นถือมั่นได้ ไม่มีอะไรที่ยึดว่าเป็นเรา เป็นของเรา ซึ่งก็ต้องอาศัยปัญญา พอมีปัญญาเห็นแจ่มแจ้ง สิ่งที่เคยให้ความสุขกับเรา แล้วก็หลงยึดว่าเป็นของเรา มันก็จะวาง เมื่อถึงตอนนั้น วางได้แล้ว เมื่อถึงเวลาที่มันเสื่อมไปเสียไป ใจก็ไม่ทุกข์แล้ว รวมทั้งการยึดในหน้าตา ยึดในภาพลักษณ์ ยึดในตัวกู จนกระทั่งเวลามีใครมากระทบก็เกิดความโกรธเพราะยึดถือในหน้าตา ยึดถือในภาพลักษณ์ ยึดถือในตัวกู พอไม่ยึดถือ พอปล่อยวางมันลง อะไรมากระทบ ก็ไม่ทุกข์
Wed, 29 Jan 2025 - 26min
Podcast simili a <nome>
นิทานชาดก 072
พี่อ้อยพี่ฉอด พอดแคสต์ CHANGE2561
หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม dhamma.com
ฟังธรรมะก่อนนอน ใครชอบนอนฟังธรรมะแล้วหลับ จ Dhamma Lover
Healthy Time Healthy Time Active Radio
รุ่นเก๋า...เล่าเกร็ด Hoy Apisak
รอบโลก by กรุณาบัวคำศรี karunabuakamsri
Mission To The Moon Mission To The Moon Media
พระเจอผี Podcast Prajerpee
SONDHI TALK sondhitalk
คุยให้คิด Thai PBS Podcast
หน้าต่างโลก Thai PBS Podcast
ธรรมะบ้านสบายใจ โดย ท่านจิตโต Thamma-BanSabaijai.org, fb.me/Thamma.BanSabaijai.org
พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) Thammapedia.com
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย Thammapedia.com
อ่านแล้วอ่านเล่า Thananon Domthong
The Secret Sauce THE STANDARD
THE STANDARD PODCAST THE STANDARD
คำนี้ดี THE STANDARD
ธรรมะโอวาทสายวัดป่า Wiriya Pitisirigul
5 นิทานพรรณนา ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana
พุทธวจน พุทธวจน
Dr.Amp Podcast เรื่องเล่าสุขภาพดี โดย หมอแอมป์ นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ
สุขภาพ องค์รวม | Holistic Health สุขภาพองค์รวม