Nach Genre filtern

Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)

- 674 - 25660130pm--แค่รักษาของดีที่มีอยู่แล้วในใจเราก็พอ
30 ม.ค. 66 - แค่รักษาของดีที่มีอยู่แล้วในใจเราก็พอ : แต่ถ้าหากยังไม่รู้ว่าจะขจัดปัดเป่าความหลงอย่างไร ก็หันมาสร้างสติ มาสร้างความรู้สึกตัวให้ต่อเนื่องก็แล้วกัน แล้วถ้าทำไปๆ สิ่งที่มันมีอยู่แล้วในใจเราก็จะแสดงตัวออกมา แล้วก็จะเป็นที่พึ่งพาอาศัยของเราได้ ไม่มีอะไรที่จะมาทำให้เรามีสติมีความรู้สึกตัวหรือมีความสงบได้ เพราะว่าทั้งหมดนี้มันมีอยู่แล้วในใจเรา สิ่งอื่นเป็นแค่ตัวช่วย เหมือนกับป่าที่ช่วยดึงความสงบ ที่มันมีอยู่แล้วในใจเราให้แสดงตัวออกมา หรือเหมือนกับผ้าห่มที่มันเพียงแค่รักษาความอบอุ่น ซึ่งที่จริงก็มาจากร่างกายของเรานั่นแหละ ถ้าเรารักษาสติ รักษาความสงบ รักษาความรูู้สึกตัวในลักษณะนี้ ก็จะทำให้สติ ความรู้สึกตัว ความสงบ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วก็สามารถที่จะปกป้องเราไม่ให้จมอยู่ในความทุกข์ได้
Sun, 19 Mar 2023 - 27min - 673 - 25660128pm--อย่าทำดีเพื่อสนองอัตตา
28 ม.ค. 66 - อย่าทำดีเพื่อสนองอัตตา : ถ้าเราดูก็จะพบว่าหมอที่ทุ่มเททำมาก แกไม่ได้ทำเพื่อคนไข้ แต่ทำเพื่อตัวเอง เพื่อสู้กับโรคร้ายที่สร้างความแค้นส่วนตัวให้กับเธอ การทำอย่างนี้สุดท้ายก็ไปตกหนักที่คนไข้ เพราะว่าหมอต้องการยื้อสุดชีวิต สู้ทุกทาง เพื่อไม่ให้ตัวเองได้ชื่อว่าพ่ายแพ้ ทั้งๆ ที่มันก็ธรรมดา โรคบางโรคหรือบางเคสก็รุนแรงจนกระทั่งความตายเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น ในกรณีแบบนี้ ช่วยให้เขาตายสงบ ก็อาจจะเรียกว่าเป็นความสำเร็จของหมอก็ได้ ไม่ใช่ว่าความตายของคนไข้จะหมายถึงความล้มเหลวของหมอเสมอไป แต่หมอนี่มองเห็นว่าความตายของคนไข้เป็นความล้มเหลวของตัว ก็เลยไม่ยอมให้คนไข้ตาย แล้วถ้าคนไข้ต้องตาย ก็ไม่ยอมให้คนไข้ตายกับมือ ให้หมอคนอื่นมาดูแลแทน ให้คนไข้ไปตายในมือของเขา ไม่ใช่ในมือของตัวเอง อันนี้เรียกว่าเป็นการทำจะเรียกว่าสนองอัตตาก็ได้ ซึ่งมันไม่ใช่เป็นเรื่องที่ดีเลย ไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อคนไข้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อตัวเองด้วย
Sun, 19 Mar 2023 - 23min - 672 - 25660127pm--มาวัดเพื่อฝึกตนดีกว่า
27 ม.ค. 66 - มาวัดเพื่อฝึกตนดีกว่า : ถ้าเราไม่รู้จักฝึกตน เพื่อรู้จักพบหรือสร้างความสงบให้เกิดขึ้นกับใจของเรา แล้วเราจะรับมือกับความไม่สงบที่เกิดขึ้นกับกายและใจ หรือเกิดขึ้นกับรูปกับนามได้อย่างไร เราจะมีวิชชาในการรับมือกับความไม่สงบหรือความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับกายและใจได้ ส่วนหนึ่งก็อาศัยจากการเรียนรู้ที่จะวางใจให้ถูกต้อง เวลามีปัญหาเกิดขึ้นรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นเสียงดัง อากาศหนาว หรือการกระทำ หรือคำพูดของผู้คนที่ไม่ถูกใจ ฉะนั้นถ้าเรามาวัด แล้วตั้งจิตหรือเจตนาว่า เรามาอยู่วัดเพื่อฝึกตน อันนี้เราจะได้ประโยชน์จากการอยู่วัดมาก แต่ถ้าเรามาวัดเพราะด้วยความหวังว่าจะมาหาความสงบ เราจะผิดหวัง หลายคนพออยู่ไปนานๆ โอ๊ะ!ทำไมมันไม่สงบนะ ทำไมเป็นอย่างนี้นะ เกิดความทุกข์ขึ้นมาเลย นี่เพราะเขาตั้งจิตหรือตั้งเจตนาไม่ถูก อาจจะมีประโยชน์ชั่วคราว เราต้องถามตัวเราเองว่า เรามาวัดเพื่ออะไร มาอยู่วัดเพื่ออะไร เพื่อมาหาความสงบ หรือเพื่อมาฝึกตน ถ้าคิดว่ามาอยู่วัดเพื่อหาความสงบก็ควรจะเปลี่ยน เปลี่ยนมาวัดเพื่อฝึกตน เพราะนั่นจะทำให้เราได้ประโยชน์จากการอยู่วัดมากกว่า แล้วทำให้เรามีวิชชา ถ้าเราฝึกตนให้ถูกต้องได้ เราก็จะมีวิชชาที่จะรับมือกับความไม่สงบที่เกิดขึ้นกับกายและใจ หรือที่เกิดขึ้นจากกิเลสของเรา อันนี้ต่างหากที่จะทำให้ถ้าเรารับมือกับมันได้ จัดการกับมันได้ จึงเรียกว่าเข้าถึงความสงบที่แท้จริง
Sun, 19 Mar 2023 - 25min - 671 - 25660126pm--ทำดีง่ายกว่าโชคดี
26 ม.ค. 66 - ทำดีง่ายกว่าโชคดี : เรื่องของใจนี่สำคัญมากทีเดียว ถ้าหากเราวางใจดี แม้มันจะมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น ร้ายก็กลายเป็นดีได้ ทำงานประสบอุปสรรค ไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าเป็นความล้มเหลว ถ้าวางใจดีก็จะคิดว่า เราได้เรียนรู้อะไรมากมาย ไม่มีคำว่าล้มเหลว ไม่มีคำว่าเสีย ไม่มีคำว่าเคราะห์ มีแต่คำว่าได้ ถึงเวลาทรัพย์สมบัติถูกไฟไหม้ ถูกน้ำท่วม ก็ไม่โทษว่าเป็นเพราะปีชง ไม่โทษว่าเป็นเพราะเคราะห์หรือมองว่าซวย แต่มองว่าเขามาสอนเรานะว่า มันไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลย ไม่มีอะไรที่เป็นของเรา หรือของที่อยู่กับเรามันก็อยู่กับเราแค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ เหมือนกับเมื่อสองอาทิตย์ก่อน มีคนมาหาแล้วก็บอกว่า บ้านโดนไฟไหม้ แต่เขาก็บอกว่าโชคดีที่ไม่มีใครตาย ทุกคนปลอดภัย แล้วภรรยาก็บอกว่า มันได้เห็นจริงๆ เลยนะ ว่ามันไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลย ที่เราสะสมมาทั้งชีวิต สุดท้ายมันก็หายสูญไปกับกองเพลิง ต่อไปนี้ก็คงจะไม่สะสมอีกแล้ว มันก็ช่วยคลายความยึดมั่นได้ อันนี้เรียกว่า เสียทรัพย์แต่ได้ปัญญา ได้เห็นธรรม ซึ่งก็เรียกว่ากำไร ไม่ขาดทุน แต่ถ้าเกิดเหตุแล้วไม่ได้อะไรเลย อันนี้ขาดทุนแน่นอน เอดิสันเขาได้เยอะแยะ ถึงแม้ใครๆ มองว่าเขาล้มเหลวฉะนั้นคนเรา ถ้าหากเราได้อะไรต่ออะไรจากเหตุร้ายๆ มันก็ไม่เรียกว่าเจอเคราะห์หรือซวย แต่กลับได้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นต้นทุนในการ
Sun, 19 Mar 2023 - 25min - 670 - 25660125pm--อย่าลืมนึกถึงอนิจจังของคนที่เรารัก
25 ม.ค. 66 - อย่าลืมนึกถึงอนิจจังของคนที่เรารัก : อนิจจังเป็นคำสอนที่สำคัญในพุทธศาสนา ในแง่หนึ่งท่านก็สอนเพื่อให้เรารู้จักปล่อยวาง อะไรที่มันสูญไปแล้วเสียไปแล้ว ก็อย่าไปเศร้าโศกเสียใจหรือเป็นทุกข์มากเพราะมันไม่เที่ยง บางทีเราก็ใช้เป็นคำปลอบใจ อนิจจาอนิจจังเป็นทั้งสิ่งที่ช่วยปลอบใจ แล้วก็ช่วยให้เราทำใจ ทำใจคือปล่อยวาง แต่ว่าอนิจจาหรืออนิจจังมีความหมายหรือมีคุณค่ามากกว่านั้น มันเป็นสิ่งที่เตือนใจให้เราอย่านิ่งนอนใจ ปลอบใจก็ดีนะ ถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นแล้ว แต่ถ้ามันยังไม่ทันจะเกิดขึ้น ก็อย่านิ่งนอนใจ เพราะมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คนเราใช้อนิจจังมักจะใช้เพื่อการปลอบใจ หรือใช้เพื่ออย่างมากก็ปล่อยวาง แต่มันไม่พอ มันต้องฝึก มันต้องเตือนให้เราไม่นิ่งนอนใจด้วย ก็คือไม่ประมาท เมื่อไม่นิ่งนอนใจก็ทำให้เกิดความกระตือรือร้นที่จะทำอะไรที่ควรทำ เช่น อยากจะขอขมาก็รีบทำเสีย อย่าประมาท หรือว่าอยากจะทำดีกับใคร อยากทำดีกับพ่อแม่ก็รีบทำเสีย อย่าผัดผ่อน เพราะถ้าผัดผ่อนแล้วก็อาจจะเสียใจ บางทีเสียใจไปตลอดชีวิตเลย เพราะว่ารู้แล้วไม่ทำ ยิ่งเสียใจเข้าไปใหญ่ ถ้าไม่รู้ ไม่คิด มันก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่รู้แล้วคิดจะทำ แต่ก็ไม่ทำเพราะผัดผ่อน เพราะประมาท เพราะนิ่งนอนใจ มันไม่ใช่เฉพาะกับคนที่เรารักเท่านั้น แต่รวมถึงตัวเราเองด้วย
Mon, 13 Mar 2023 - 27min - 669 - 25660124pm--ลำบากก่อน สบายที่หลังดีกว่าMon, 13 Mar 2023 - 25min
- 668 - 25660123pm--สติฝึกง่ายกว่าที่คิดMon, 13 Mar 2023 - 26min
- 667 - 25660121pm--จำเป็นต้องมีศาสนาหรือไม่
21 ม.ค. 66 - จำเป็นต้องมีศาสนาหรือไม่ : "บางทีก็มีคำถามว่า “นับถือพุทธศาสนาแล้วจำเป็นต้องเข้าวัดไหม ไม่เข้าวัดนี่ได้ไหม บาปไหม” ก็มีคนถามแบบนี้ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนรุ่นใหม่ ที่เขาไม่ได้มีความศรัทธาหรือรู้สึกดื่มด่ำกับการเข้าวัด เขานับถือพุทธศาสนา แต่เขานับถือในความเป็นเหตุเป็นผล ก็เลยสงสัยว่าต้องเข้าวัดไหม เพราะการเข้าวัดสำหรับคนจำนวนมากมันเป็นเรื่องของพิธีกรรม ที่จริงก็ไม่จำเป็นนะ เพราะศาสนาไม่ได้อยู่ที่วัด ศาสนาไม่ได้ผูกขาดโดยวัด ศาสนานี่อยู่ที่การปฏิบัติ หรือถ้าพูดให้ถูกต้องก็คือ ศาสนาอยู่ที่ใจ อยู่ที่กาย วาจา ใจ ทำกายวาจาให้ดี มีจิตผ่องแผ้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าวัดก็ได้ เพียงแต่การเข้าวัดสำหรับหลายคนมันช่วย เพราะวัดเป็นที่ร่มรื่น เป็นสถานรมณีย์ แล้วก็มีครูบาอาจารย์ มีกัลยาณมิตรที่ช่วยส่งเสริมการปฏิบัติ แต่ถ้าไม่มีเวลาก็ไม่เป็นไร บางคนต้องดูแลพ่อแม่ บางคนก็มีภาระที่บ้านต้องดูแลลูก มีบางคนเขาบอกว่า ตั้งใจอยากจะมาปฏิบัติสัก 5 วัน 7 วัน แต่มาไม่ได้เลยเพราะว่าภาระเยอะ แล้วก็ถามว่า บาปไหม แบบนี้ก็มีนะ สงสัยว่าบาปไหม ตั้งใจจะมาแล้วมาไม่ได้ มันจะบาปตรงไหนนะ ในเมื่อเรามีกิจจำเป็น ที่จริงการดูแลพ่อแม่ซึ่งเปรียบเสมือนพระอรหันต์ในบ้าน มันกลับได้บุญ แล้วก็อาจจะได้บุญยิ่งกว่าการมาวัดทำบุญถวายสังฆทาน แต่กลับทอดทิ้งพ่อแม่"
Sat, 11 Mar 2023 - 30min - 666 - 25660119pm--ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ก็ให้นึกถึงธรรมSat, 11 Mar 2023 - 29min
- 665 - 25660118pm-ยิ่งถือก็ยิ่งทุกข์Sat, 11 Mar 2023 - 28min
- 664 - 25660117pm--เตือนสติให้ใจด้วยฉันทะMon, 06 Mar 2023 - 25min
- 663 - 25660116pm--ดูแลตนอย่าให้กลายเป็นคนละคน
16 ม.ค. 66 - ดูแลตนอย่าให้กลายเป็นคนละคน : ถ้าหากว่าไม่มีความไปยึดมั่นถือมั่น มันเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ทุกข์ แต่ตามนิสัยปุถุชนที่ยึดมั่นถือมั่น ไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้นพอเกิดความสูญเสีย เกิดความเจ็บป่วย เกิดความแก่ชรา ก็เกิดความทุกข์ใจตามมา แต่อย่างน้อยถ้าหากว่ามีการสังวรระวัง ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทตั้งแต่แรก แล้วก็ฝึกจิตฝึกใจเอาไว้ ถึงเวลามันเสื่อม มันแปรเปลี่ยนไป มันก็ไม่ทุกข์มาก แล้วยิ่งมีสติ ก็เหมือนกับมีสิ่งที่จะช่วยให้อารมณ์พวกนี้มาเปลี่ยนให้เรากลายเป็นคนละคนได้ยากขึ้น เหมือนอย่างที่บอก มันไม่ใช่เหล้าที่เปลี่ยนนิสัยคน อารมณ์พวกนี้ก็เปลี่ยนนิสัยคนได้ ความโศกเศร้า ความโกรธ ความห่อเหี่ยว ท้อแท้ ผิดหวัง มันเปลี่ยนนิสัยคนให้กลายเป็นคนละคนได้ แต่ถ้าเรามีสติรักษาใจเอาไว้ ไม่ให้อารมณ์เหล่านี้ครอบงำ อย่างน้อยๆ มันก็ไม่ถึงกับเสียศูนย์ ก็ยังพอที่จะตั้งหลักได้ แล้วก็ทำให้สามารถระลึกนึกถึงวิชาความรู้หรือธรรมะ คำสอนของครูบาอาจารย์เพื่อนำมาแก้ไข หรือใช้สติช่วยรักษาใจให้ไม่ถึงกับเสียศูนย์ หรือช่วยทำให้ยังเป็นผู้เป็นคนได้ ไม่อย่างนั้นก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอารมณ์ หากปล่อยให้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอารมณ์ นั่นก็หมายความว่าถูกกำหนดจากสิ่งหรือเหตุการณ์ต่างๆ รอบตัว รวมทั้งการกระทำและคำพูดของผู้คนที่มากระทบ ทำให้เกิดอารมณ์ สังวรระวังเอาไว้ แล้วก็ใช้ช่วงเวลาที่เรายังปกติสุขเพื่อการฝึกฝน รับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
Mon, 06 Mar 2023 - 26min - 662 - 25660114pm--รู้ตัวจนไม่ยึดติดตัวตนMon, 06 Mar 2023 - 26min
- 661 - 25660113pm--ทำอะไรก็ไม่ลืมเป้าหมาย
13 ม.ค. 66 - ทำอะไรก็ไม่ลืมเป้าหมาย : คนที่มีสติกับงานที่ทำก็จะไม่ใจลอย หลงลืม แล้วก็จะรู้ว่าถ้าอยากจะพาแม่ไปเที่ยว พาไปเลย ไม่ต้องรอเกษียณ เดือนหน้าอาจจะช้าไปด้วยซ้ำ มันทำได้ถ้าหากว่ามีสติ มีความรู้สึกตัวในสิ่งที่ทำ แต่พอไม่มีสติอยู่ในกิจที่ทำ เรียกว่าไม่มีโคจรสัมปชัญญะ บางทีก็ลืมไปเลยว่าสิ่งที่เราทำ เราทำไปเพื่ออะไร ฉะนั้นการทำความรู้สึกตัวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่จะช่วยทำให้เราสามารถที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง แล้วทำสิ่งที่สมควรทำ มีจุดมุ่งหมายอะไรก็ไม่ลืม แล้วก็สามารถทำให้มันสำเร็จได้ในเวลาที่เหมาะสม
Fri, 03 Mar 2023 - 27min - 660 - 25660112pm--ฝึกใจให้เป็นมิตรกับตนเอง
12 ม.ค. 66 - ฝึกใจให้เป็นมิตรกับตนเอง : เหมือนกันกับเวลารู้ทันความคิด พอรู้ทันปุ๊บมันไปกดห้ามทันที เพราะอะไร เพราะไม่ชอบ เพราะรู้สึกลบกับมัน ขืนทำอย่างนี้มันก็เท่ากับเป็นการเติมกำลัง เติมพลังให้มัน แต่ถ้าจะเอามันอยู่ก็ต้องรู้ทันแบบรู้ซื่อๆ ไม่ไปผลักไส ไม่ไปตะลุมบอนกับมัน ไม่ไปสู้กับมัน แค่ดูมันเฉยๆ มันก็แปลกนะ พอไม่สู้กับมัน แค่ดูมันเฉยๆ มันก็กลับหมดเรี่ยวหมดแรงไปเลย แต่ถ้าไปสู้กับมัน ก็เท่ากับเป็นการเติมพลังให้มัน เหมือนกับเราเติมเชื้อเติมฟืนให้กับไฟ แทนที่มันจะมอดดับก็เลยลุกโพลงขึ่้นไปใหญ่ คนที่บอกว่า ทำไมควบคุมอารมณ์ไม่ได้สักที ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าไม่ได้รู้เฉยๆ แต่เข้าไปคลุก เข้าไปสู้กับมัน อันนี้เพราะว่าทำไม่ถูก นอกเหนือจากว่ายังไม่ค่อยทำความเพียรหรือปฏิบัติอย่างจริงจัง มีการเลือกปฏิบัติ เวลาดีใจก็ปล่อยใจจมเข้าไปกับความดีใจ แต่พอเสียใจนี่กลับอยากจะมารู้ทันมัน อยากจะควบคุมมัน ไม่ได้นะ มันต้องไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ดีใจ เสียใจ ปลาบปลื้ม หรือโกรธเคือง ก็ต้องรู้ทันมันทั้งคู่นะ จะปล่อยใจจมไปกับเรื่องหนึ่งอารมณ์แบบหนึ่ง แล้วมารู้ทันกับอารมณ์อีกแบบหนึ่ง มันยาก ก็เหมือนกับคนเรานะ ถ้าหากว่ามีคนชมแล้วก็ดีใจ จะให้ไม่เสียใจเวลาเขาตำหนิ ก็ยาก ถ้าไม่อยากเสียใจ ไม่อยากโกรธเวลาถูกตำหนิ ก็อย่าไปดีใจเวลามีคนชม มันต้องทำอย่างนี้ มันถึงจะรู้จักรับมือจัดการกับอารมณ์ที่เป็นลบได้
Fri, 03 Mar 2023 - 26min - 659 - 25660111pm--มิตรดีเป็นทั้งหมดของชีวิตดี
11 ม.ค. 66 - มิตรดีเป็นทั้งหมดของชีวิตดี : แม้ว่าคนอยู่รอบตัว คนที่อยู่รอบข้างจะล้มหายตายจากไป จิตก็ยังไม่หวั่นไหว ไม่เศร้าโศก ยังคงเป็นจิตที่เกษมศานต์ เพราะว่าเป็นจิตที่ไม่มีความยึดติดถือมั่นกับสิ่งใด เพราะรู้เท่าทันธรรมชาติธรรมดาของชีวิต ชีวิตพรหมจรรย์จึงประเสริฐกว่าชีวิตทั้งโลก แม้ว่ากัลยาณมิตรจะเป็นทั้งหมดของชีวิตทางโลกที่ดี แต่ว่าก็อย่าพอใจเพียงเท่านั้น ต้องพัฒนาชีวิตทางโลกให้เข้าถึงชีวิตทางธรรม คือพรหมจรรย์ พรหมจรรย์คือการดำเนินชีวิตอันประเสริฐ ไม่ใช่หมายถึงการไม่มีครอบครัว แต่หมายถึงการมีชีวิตอันประเสริฐ ประเสริฐเพราะมีธรรม เพราะเข้าถึงธรรม
Fri, 03 Mar 2023 - 26min - 658 - 25660104pm--ทุกข์มีเพราะยึด ทุกข์หลุดเพราะปล่อย
4 ม.ค. 66 - ทุกข์มีเพราะยึด ทุกข์หลุดเพราะปล่อย : ยิ่งโลภมากก็ยิ่งมีความสุขน้อยลง ยิ่งมีความโลภเยอะก็ยิ่งมีความสุขน้อยลง สุขนี้คือความพอใจในชีวิตเป็นต้น ซึ่งอาจจะหมายความว่า ถ้าเรามองว่า ยิ่งโลภก็ยิ่งรวย ขณะเดียวกัน ยิ่งโลภก็ยิ่งมีความสุขน้อยลง แปลว่า ยิ่งรวยก็ยิ่งมีความสุขน้อยลงไปด้วย อันนี้เขาถาม เวลาเขาถามว่าใครโลภมากหรือน้อย เขาไม่ได้ถามตรงๆ ว่าคุณโลภมากหรือน้อย แต่เขาถามว่าคุณเห็นกับข้อความนี้ไหม เช่นถ้ามีเท่าไหร่ฉันก็ยังไม่พอใจ หรือถ้ามีเท่าไหร่ฉันก็ยังอยากได้อีก คำถามทำนองนี้ก็บ่งบอกได้ว่า มีความโลภมากน้อยเพียงใด อันนี้น่าสนใจ ซึ่งถ้าจะให้ดีถ้าเขาศึกษาไปถึงขั้นที่ว่า ยิ่งมีความโลภมากสุขภาพยิ่งแย่ ยิ่งเจ็บยิ่งป่วยมาก อันนี้ก็จะสอดคล้องกับการศึกษาที่พูดเมื่อสักครู่นี้ ว่าถ้าไม่โกหกเลยก็จะมีสุขภาพดีขึ้น อันนี้ก็เป็นเรื่องที่จริงๆ เราก็รู้กันมานานแล้ว แต่ว่าไม่มีหลักฐานยืนยันเป็นรูปธรรมเป็นตัวเลข ฝรั่งเขาไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ เขาต้องมีตัวเลขมายืนยันในรูปของสถิติ อันนี้เป็นเรื่องที่ถ้าใครอยากมีความสุข ต้องเห็นความสำคัญของการโลภให้น้อยลง แล้วก็มีศีลให้มากขึ้น
Sun, 19 Feb 2023 - 28min - 657 - 25660103pm-เปลี่ยนใจได้ด้วยเมตตาSun, 19 Feb 2023 - 28min
- 656 - 25660102pm--ไม่เอาสุข ไม่เอาทุกข์
2 ม.ค. 66 - ไม่เอาสุข ไม่เอาทุกข์ : ถ้าเราลองฝึกจากการสังเกตจิตใจของเรา เวลามันมีสุขเกิดขึ้นก็เห็นมัน มีความดีใจก็เห็นมัน มีความเสียใจก็เห็นมัน ไม่กระโจนเข้าไปทั้งดีใจหรือเสียใจ ฟูก็เห็นมัน ฟุบก็เห็นมัน เข้าไปยึดทั้งฟูทั้งแฟบ มันสงบก็เห็นมัน มันไม่สงบก็เห็นมัน มันสงบก็ไม่เข้าไปเป็น ไม่สงบไม่เข้าไปเป็น ต่อไปอารมณ์ภายนอกก็เหมือนกัน หอมเหม็น มากน้อย ร้อนหนาว ชมติ ดังค่อย ก็แค่รู้มัน ไม่เพลินไปกับมัน แล้วก็ไม่ผลักมัน ก็ทำให้เราเข้าใกล้ เข้าถึงภาวะที่เหนือสุขเหนือทุกข์ และนั่นก็เรียกว่าเป็นสุขอีกมิติหนึ่ง ฝึกได้นะ จากใจของเรา จากประสบการณ์ จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
Mon, 06 Feb 2023 - 28min - 655 - 25660101pm--สิ่งที่ปัญญาประดิษฐ์ทำแทนไม่ได้
1 ม.ค. 66 (บ่าย) - สิ่งที่ปัญญาประดิษฐ์ทำแทนไม่ได้ : ถ้าเราเข้าใจข้อจำกัดของมัน เราก็จะใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้ แต่ถ้าเราไม่เข้าใจข้อจำกัดของมัน ก็อาจจะปล่อยให้มันเป็นนายเรา เทคโนโลยีพวกนี้มันเป็นบ่าวที่ดี แต่เป็นนายที่เลว เพราะว่าจริงๆ มันก็ยังมีความบกพร่องอยู่ ผู้รู้ที่เขาทดสอบ เขาบอกว่าคำตอบของแชทตัวนี้ยังผิดพลาดอยู่เยอะ ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก หรืออย่างที่อาตมายกตัวอย่าง ถามว่าความรู้สึกตัวคืออะไร มันตอบไม่ได้ ตอบได้แต่ความรู้สึก หรือฟีลลิ่ง หรือเวทนา แต่ต่อไปอาจจะตอบได้ก็ได้ เพราะเขาก็มีพัฒนาการ แต่ถามว่ามันจะช่วยเราแก้ทุกข์ได้ไหม ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายเราก็ต้องปฏิบัติด้วยตัวเอง และการที่เราจะปฏิบัติได้ด้วยตัวเองจนพึ่งตัวเองได้ ก็ยังต้องมีครูบาอาจารย์ ที่มีความเข้าใจในลูกศิษย์แต่ละคน รวมทั้งมีความเมตตากรุณา ซึ่งตรงนี้เครื่องมันทำแทนไม่ได้
Tue, 31 Jan 2023 - 27min - 654 - 25660101am--คิดดีพูดดีทำดี รับปีใหม่
1 ม.ค. 66 - คิดดีพูดดีทำดี รับปีใหม่ : นอกจากการที่เราหาประโยชน์หรือมองเห็นประโยชน์จากสิ่งไม่ดีเพื่อที่จะได้เห็นสิ่งดีๆจากมันแล้ว เราต้องรู้จักมองเห็นสิ่งดีๆที่มีอยู่ตั้งแต่ตอนนี้ด้วย การที่จะมองเห็นสิ่งไม่ดีมีดีอย่างไรอาจจะยากสำหรับคนทั่วไปเพราะว่าเรามักจะมองอะไรชั้นเดียว แต่การที่เรารู้จักมองให้มันเลยจากปรากฏการณ์ที่เห็นอยู่ต่อหน้าว่าในร้ายมีดี มันเป็นสิ่งสำคัญ แต่ว่าจะทำอย่างนั้นได้ เราต้องเริ่มต้นจากการที่เรารู้จักมองจากสิ่งดีๆที่มีอยู่กับเราเสียก่อน หลายคนแม้มีสิ่งดีๆอยู่รอบตัวหรือเกิดขึ้นกับตัวแต่มองไม่เห็น เพราะฉันนั้นมันก็ง่ายที่จะบ่นว่าเราโชคไม่ดี ปีนี้เป็นปีที่ไม่ดีสำหรับเราเลย เพราะเห็นแต่สิ่งที่ไม่ดี สิ่งดีที่มีอยู่ แล้วก็มากด้วย แต่เรามองไม่เห็น มีเพื่อนคนหนึ่งเขียนคำอวยพรให้กับเพื่อนอีกคนหนึ่งเนื่องในโอกาสปีใหม่ “ขอให้เธอเห็นความสุข” เธอไม่ได้เขียนว่าขอให้เธอมีความสุข แต่ว่าขอให้เธอเห็นความสุข แปลว่าอะไร แปลว่าเธอมีความสุขอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเธอจะเห็นหรือเปล่า ขอให้เธอเห็นสิ่งดีๆที่เธอมีอยู่ ไม่ได้บอกว่าขอให้เธอพบแต่สิ่งดีๆ เพราะว่าเธอพบอยู่แล้วอยู่ที่ว่าเธอจะเห็นหรือเปล่า
Tue, 31 Jan 2023 - 25min - 653 - 25651231pm--ปีใหม่ดีอยู่ที่เรา
31 ธ.ค. 65 - ปีใหม่ดีอยู่ที่เรา : เราจะไม่ต้องรอปีใหม่ ซึ่งบางทีอาจจะอีกตั้งหลายเดือนข้างหน้า แต่ถ้าเราสามารถทำให้ทุกวันเป็นวันใหม่ได้ เราก็จะมีวันดีเกิดขึ้นกับชีวิตของเราทุกวัน ก็ฝากเอาไว้เป็นข้อคิด สำหรับการใช้ชีวิต สำหรับปีใหม่ที่จะมาถึง แล้วก็ตามธรรมเนียม ที่คนเขาปรารถนาการอวยพร อาตมาก็ขออวยพรให้ทุกท่านมีสุขภาพร่างกายที่ดี มีพลานามัย ให้มีความมั่นคงในวิถีธรรม มีความมั่นใจในความเพียร ฝึกจิตให้ตั้งมั่น เจอทุกข์ก็ไม่ท้อ เจออะไรใจก็ไม่กระเทือน ให้มีความเจริญในธรรม รักษากายและใจ ให้มีความสุข ความสงบ และขอให้ได้พบความเกษมศานต์ ให้ห่างไกลความทุกข์ยิ่งๆ ขึ้นไป ตลอดปีใหม่ที่จะถึงนี้ ขอเจริญพร
Mon, 23 Jan 2023 - 30min - 652 - 25651230pm--จิตบังคับไม่ได้ แต่ฝึกได้
30 ธ.ค. 65 - จิตบังคับไม่ได้ แต่ฝึกได้ : ครูบาอาจารย์ท่านบอก สงบก็รู้ไม่สงบก็รู้ มีความคิดไหลผ่านเข้ามาก็ดูจนกระทั่งมันไป คงไม่ต่างจากดูกระแสน้ำ ดูกระแสน้ำเรานั่งอยู่ริมตลิ่งแล้วก็ดูกระแสน้ำ บางทีมันก็ไหลแรง บางทีมันก็ไหลเอื่อยๆ บางทีมันก็ขุ่น บางทีมันก็ใส ไม่ใช่หน้าที่เราจะไปวิพากษ์วิจารณ์กระแสน้ำ แล้วเราก็ไม่สามารถบังคับควบคุมกระแสน้ำด้วย มันจะไหลแรงมันจะไหลเอื่อย เราก็ควบคุมไม่ได้ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องควบคุม ถึงเราควบคุมเราก็ทุกข์เปล่าๆ เพราะจะไม่มีทางสำเร็จ หน้าที่เราคือดู หรือบางทีเราก็เปรียบเหมือนดูรถที่มันแล่นผ่าน โดยเฉพาะช่วงนี้ ถนนบางสายรถแล่นผ่านมาเป็นสาย เราก็ดู ไม่ต้องไปทำหน้าที่ห้ามรถ รถจะวิ่งก็ดูมันวิ่งไปผ่านต่อหน้า รถคันไหนไม่ชอบก็ไม่ต้องไปห้าม รถคันไหนชอบก็ไม่ต้องกระโดดขึ้น แต่ส่วนใหญ่เรามักจะทำอย่างนั้นกับความคิด ความคิดบางอย่างเราพยายามห้าม แต่ก็ไม่สำเร็จ ความคิดบางอย่างเราก็อยากจะกระโจนขึ้น เพราะมันชวนให้เพลิดเพลิน แต่ว่าการเจริญสติ เราไม่ทำอย่างนั้น เราแค่ดูเฉยๆ รถมันจะมากหรือน้อย มันจะดี จะสวยหรือไม่สวยก็เป็นเรื่องของมัน เราก็ดูมันไป วิธีนี้แหละที่ทำให้สติความรู้สึกตัวเติบกล้าขึ้น มันเติบกล้ามันแข็งแรงไม่ใช่เพราะเราอยาก มันไม่ได้อยู่ในอำนาจความอยากของเรา แต่ว่าเราให้โอกาส บางทีเราก็เรียกว่าฝึกจิตให้มีสติ แต่ถ้าพูดถึงการปฏิบัติจริงๆ ก็คือการเปิดโอกาสให้มันได้ทำงานของมัน จนกระทั่งมันเข้มแข็ง เหมือนต้นไม้ ความแข็งแรงหรือการเติบโตเป็นเรื่องของต้นไม้ หน้าที่เราก็เพียงแต่แค่ใส่ปุ๋ยบำรุงดิน แต่การเติบโตให้ดอกให้ผลเป็นเรื่องของเขา ไม่อยู่ในอำนาจของเรา
Mon, 23 Jan 2023 - 28min - 651 - 25651229pm--ใช้ชีวิตทุกนาทีอย่างมีค่า
29 ธ.ค. 65 - ใช้ชีวิตทุกนาทีอย่างมีค่า : ในขณะที่คนที่บ่นว่าไม่มีเวลาๆ ชีวิตกลับเหนื่อยล้าแล้วก็บางทีก็ถูกกระแสสังคมพัดพาไปจนไม่รู้เนื้อรู้ตัว กว่าจะรู้ว่าเวลาเหลือน้อยก็สายไปเสียแล้ว ฉะนั้นไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเร็วหรือผ่านไปช้า ตื่นเช้ามาก็เตือนตัวเตือนใจอยู่เสมอว่าเวลาเราเหลือน้อยลง ยิ่งปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา นั่นก็หมายความว่าเราใกล้ความตายเข้าไปทุกที ก็ถามตัวเองว่าเวลาที่เหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ นี้เราจะใช้อย่างไรให้มีคุณค่า เวลานี่ถ้าหากว่าเราใช้ให้ดีก็มีประโยชน์ ถือว่ามีท่าทีมุมมองต่อเวลาอย่างเช่น ถ้าเรามองว่าเวลานี้ย่อมกลืนกินสรรพสิ่งกับทั้งตัวมันเอง เวลาแต่ละนาทีจะมีคุณค่า แล้วขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งกระตุ้นให้เราเร่งทำความดี เร่งฝึกสติเร่งทำความเพียรเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจชีวิต แต่ว่าบางคนก็มองเวลานี้เป็นศัตรู เพราะเวลาที่ผ่านไปก็หมายความว่าทำให้เราแก่ แก่เร็วขึ้นทำให้เราใกล้ความตายมากขึ้น แล้วคนจำนวนไม่น้อยมองเวลาเป็นศัตรู ถึงกับหรือบางทีก็มองเวลาว่าไม่มีคุณค่าต้องฆ่าเวลา แต่ถ้ามองเวลานี้เขาเป็นเครื่องเตือนเรา ยิ่งเวลาเหลือน้อยยิ่งตั้งอยู่ในความไม่ประมาท แล้วยิ่งต้องเร่งทำความดี เร่งฝึกจิตฝึกใจให้มั่นคงเข้มแข็งไม่หวั่นไหวต่อความทุกข์ หรือว่าความแก่ความเจ็บความป่วยหรือความตายที่จะตามมา อันนี้มันเป็นสิ่งที่เวลาเขาจะเตือนเราก็นับว่าเป็นครูที่ช่วยทำให้เราตั้งอยู่ในความไม่ประมาทมากขึ้น
Tue, 17 Jan 2023 - 24min - 650 - 25651228pm--ความจริงเป็นสิ่งที่ต้องรู้จักวาง
28 ธ.ค. 65 - ความจริงเป็นสิ่งที่ต้องรู้จักวาง : แต่คนเราก็มักจะวางไม่เป็น เพราะว่าเราไปยึดมั่นกับสิ่งต่างๆ มาก อย่าว่าแต่อะไรเลย ความคิดความเห็น อารมณ์ความรู้สึกนี่ เราก็ยึดมั่น แต่ถ้าเรารู้จักเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง เริ่มจากความคิด ความคิดที่มันเกิดขึ้นมามากมาย แล้วเราก็ไปหลงยึดเอาจริงเอาจังกับมันทุกเรื่อง ให้เรารู้จักปล่อยรู้จักวางบ้าง อย่างแรกที่เราจะได้คือความสงบ ใจไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ถูกความคิดรบกวน และสอง มันก็ ทำให้เรามีทักษะในการที่จะปล่อยวางสิ่งอื่นๆ ตามมา โดยเฉพาะสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศ รวมทั้งความถูกความผิด สิ่งเหล่านี้ถ้าเราไม่รู้จักปล่อยรู้จักวางบ้าง เราไปยึดมั่นสถานเดียว มันก็สร้างความทุกข์ให้กับเรา แต่ว่าเราจะปล่อยวางมันได้ เราต้องมีสติ ต้องมีประสบการณ์ เพราะหลายคนก็รู้ว่าปล่อยวางดี แต่ว่าปล่อยไม่ได้ เพราะว่ามันยึดตะพึดตะพือ ฉะนั้นการปล่อยวาง ถ้าเราไม่รู้จักฝึก มันก็ทำยากในชีวิตจริง แต่ถ้าเราฝึกเริ่มจากการฝึกปล่อยวางความคิด การเจริญสติ การสร้างความรู้สึกตัว มันก็เป็นแบบฝึกหัด ในขณะที่เราจะได้รู้จักปล่อยวางความคิด แล้วต่อไปเราก็จะปล่อยวางสิ่งต่างๆ ถึงเวลาใช้ก็ใช้มันให้เป็น ถึงเวลายึดก็ยึดมันให้ถูก แต่ถึงเวลาที่จะวางก็วางได้
Tue, 17 Jan 2023 - 31min - 649 - 25651227pm--ชักชวนใจให้ใฝ่ประพฤติธรรม
27 ธ.ค. 65 - ชักชวนใจให้ใฝ่ประพฤติธรรม : มีนักปราชญ์กรีกคนหนึ่ง เขาพูดว่า ถ้าเราโกรธใครก็ตาม นั่นแปลว่าเรากำลังปล่อยให้เขาเป็นเจ้านายเรา เพราะว่าเรากำลังยอมให้เขามามีอิทธิพลรบกวนจิตใจของเรา คนที่เป็นอิสระ คนที่รักอิสระ คนที่มีความเป็นตัวของตัวเอง ย่อมไม่ปล่อยให้ความโกรธ ความเกลียด มาครอบครองใจ พอเห็นความอิสระหรืออิสรภาพในความหมายนี้ มันก็ทำให้เห็นคุณค่าของการปฏิบัติธรรม เห็นคุณค่าของการเจริญสติ เพราะการเจริญสติช่วยทำให้สิ่งเร้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งยั่วยุหรือสิ่งเย้ายวนมามีอิทธิพลต่อจิตใจของเราได้ยาก เวลาเจอสิ่งเสพที่ให้ความเอร็ดอร่อย เราก็ไม่ปล่อยใจให้เป็นทาสของมัน ไม่หลงติดในสิ่งนั้น อันนี้ก็เรียกว่าเป็นอิสระแบบหนึ่ง หรือเวลามีอะไรมายั่วยุ แทนที่จะโกรธ ใจเรากลับสงบได้ อันนี้ก็ถือว่าเป็นอิสระที่คนเราควรจะมี แต่ว่าคนจำนวนมากไม่ค่อยจะตระหนักเท่าไหร่ อิสระของเขากลับหมายความว่าจะทำอะไรก็ได้ตามใจ แต่ว่าการทำอย่างนั้นมันก็กลายเป็นการทำตามอำนาจของกิเลส หรือทำตามแรงผลักดันชักจูงของสิ่งภายนอก อาจจะเป็นวัตถุสิ่งเสพหรืออาจจะเป็นคนก็ได้ อย่างเช่นเวลาโกรธใครหรือเวลาเกลียดใคร คนก็ไม่ตระหนักว่า เรากำลังปล่อยให้เขามามีอำนาจเหนือจิตใจของเรา เวลาทำอะไรก็นึกถึงเขา แม้จะนึกด้วยความโกรธ ด้วยความเกลียด แต่ก็ทำให้เราไม่มีความสงบในจิตใจ ถ้าเกิดคนตระหนักว่าการปฏิบัติธรรมจะช่วยทำให้เราไม่ยอมปล่อยให้อารมณ์พวกนี้เข้ามาครอบงำใจ ซึ่งก็หมายถึงว่าไม่ปล่อยให้ใครมามีอำนาจเหนือเรา จนนอนไม่หลับ จนความดันขึ้น อิสรภาพที่แท้จริงคืออันนี้ และการเจริญสติจะทำให้เราเข้าถึงอิสรภาพอย่างนี้ได้ โดยเฉพาะถ้าเจริญสติจนเกิดปัญญา ชนิดที่ว่าไม่มีความยึดติดถือมั่นในสิ่งใด ไม่ว่าอะไรก็ไม่ทำให้เราทุกข์ได้ ในทางตรงข้ามเรากลับรู้จักใช้มันให้เกิดประโยชน์ด้วยปัญญา
Mon, 09 Jan 2023 - 26min - 648 - 25651226pm--หลงแค่ไหนใจก็ยังรู้สึกตัวได้
26 ธ.ค. 65 - หลงแค่ไหนใจก็ยังรู้สึกตัวได้ : เราเจริญสติบ่อยๆ พยายามทำความรู้สึกตัวอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าเราจะอาจจะยังทำได้ไม่ดีนัก แต่ถึงเวลาที่มันเกิดความหลง มันจะหลงไม่ได้นาน มันจะเศร้า มันจะโกรธไม่ได้ต่อเนื่อง มันจะมีจังหวะที่เกิดความรู้ตัวขึ้นมา เกิดสติขึ้นมา และนั่นก็อาจจะมากพอที่จะทำให้เรากลับมาเป็นผู้เป็นคนหรือรู้เนื้อรู้ตัวได้ ฉะนั้นถ้าเกิดว่าเราทำเป็นอาจิณ ทำเป็นทุนเอาไว้ มันก็ทำให้ความหลงมันไม่สามารถจะครอบงำจนเราหมดเนื้อหมดตัว 100% ยังมีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมา มีโอกาสที่จะรู้สึกตัวขึ้นมาได้
Mon, 09 Jan 2023 - 27min - 647 - 25651225pm--มองบวกด้วยปัญญา
25 ธ.ค. 65 - มองบวกด้วยปัญญา : หลวงพ่อคำเขียนชอบพูดว่า เปลี่ยนทุกข์ให้กลายเป็นความไม่ทุกข์ เปลี่ยนหลงให้กลายเป็นความไม่หลง เปลี่ยนความโกรธให้กลายเป็นความไม่โกรธ อันนี้ก็เป็นอุบายโกศลอีกอย่างหนึ่ง คือความฉลาดในการเปลี่ยนสิ่งที่เป็นลบให้กลายเป็นบวก เปลี่ยนขยะให้กลายเป็นปุ๋ย ฉะนั้นถ้าเราเจออะไรก็ตาม แม้ว่ามันจะแย่ แต่พอเราให้ความหมายใหม่ ว่ามันเป็นสิ่งดีมีประโยชน์ได้เหมือนกัน มันก็ทำให้เราไม่เพียงแต่จะไม่ทุกข์แล้วนะ แต่ว่ายังได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นด้วย กิเลส ความโกรธ ก็มีประโยชน์ ถ้าเรามองว่ามันเป็นแบบฝึกหัด เป็นอุปกรณ์ที่สอนให้เรามีสติ ให้เรามีความรู้สึกตัวไวๆ อันนี้ก็จัดว่าเป็นอุบายโกศล หรือว่ากุศโลบายอย่างหนึ่งที่เราควรจะมี พูดง่ายๆ ก็คือรู้จักเปลี่ยนทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาให้กลายเป็นประโยชน์ในการฝึกจิต ในการเพิ่มพูนธรรมะให้เจริญงอกงามในใจเรา
Fri, 30 Dec 2022 - 31min - 646 - 25651218pm--ฝึกใจให้กลับมารู้ตัว
18 ธ.ค. 65 - ฝึกใจให้กลับมารู้ตัว : การรู้กายนี่สำคัญ อย่าไปดูแคลนมัน ฉะนั้นถ้าเราฝึกกายบ่อยๆ ความรู้สึกทางกายจะเป็นตัวช่วยให้จิตกลับมาได้ไว แล้วพอจิตกลับมาไวๆ หรือกลับมาได้ไวขึ้นๆ แปลว่าสติของเราดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ทำให้เรามีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ตรงนี้แหละที่เราเรียกว่ามีความก้าวหน้าแล้ว อย่างที่หลวงพ่อคำเขียนท่านใช้คำว่า มันเก่งเมื่อมันกลับมา ฉะนั้นถ้ามันคิดมากคิดเยอะก็ไม่เป็นไร ขอให้กลับมาไวๆ กลับมาทุกทีก็แล้วกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่ากว่ามันจะกลับมามันช้านะใหม่ๆ ก็ต้องอดทน อย่าเร่งรีบ ทำไปเรื่อยๆ แล้วเราก็จะเห็นผล เห็นว่าความรู้สึกตัวเกิดขึ้นต่อเนื่องมากขึ้น รู้เนื้อรู้ตัวได้ไวขึ้น
Sun, 25 Dec 2022 - 27min - 645 - 25651217pm--ความรู้ที่ช่วยพาตัวให้รอดได้
17 ธ.ค. 65 - ความรู้ที่ช่วยพาตัวให้รอดได้ : เราฝึกสร้างความรู้สึกตัวจากความหลง รู้ว่าหลง แล้วพอมันหายหลงก็กลับมารู้สึกตัว ก็ให้จดจำความรู้สึกนั้นเอาไว้ จดจำบ่อยๆ มันจะรู้ตัวได้ไวขึ้นๆ แล้วมันจะหลุดจากอารมณ์ หรือถอนใจออกมาจากอารมณ์นั้นได้เร็วขึ้นๆ แล้วเราจะพบว่าความรู้ชนิดนี้มันสำคัญมาก เพราะมันจะนำพาเราไปสู่ความรู้เกี่ยวกับกายและใจ ความรู้เกี่ยวกับตัวเราเอง รวมทั้งความรู้ว่าทุกข์เกิดจากอะไร และทำอย่างไรใจถึงจะปลอดจากความทุกข์ได้ เป็นความรู้ที่สามารถจะช่วยเราได้ ไม่ว่าในยามสุขหรือในยามทุกข์ เป็นสิ่งที่เกื้อกูลเราอย่างแท้จริง
Sat, 24 Dec 2022 - 29min - 644 - 25651216pm--หัดฟังเสียงของกายและใจบ้าง
16 ธ.ค. 65 - หัดฟังเสียงของกายและใจบ้าง : คนเราถ้ารู้จักฟังเสียงภายใน ต่อไปเสียงภายนอกที่เป็นเสียงที่สามารถชักนำให้เราเกิดความรู้ความเข้าใจในชีวิตได้ ก็จะได้ยินชัดขึ้น เสียงของครูบาอาจารย์ก็จะไม่ได้เป็นเสียงที่ฟังแล้วเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เสียงธรรมะจากธรรมชาติ ก็จะชัดเจนในความรู้สึกของเรามากขึ้น คนที่รู้จักฟังเสียงภายใน เริ่มจากเสียงของร่างกาย แล้วต่อมาก็เสียงของจิตใจ ก็จะมีความสามารถในการที่จะฟังเสียงธรรมะจากสิ่งแวดล้อมภายนอก รวมทั้งจากธรรมชาติได้ แม้กระทั่งเสียงต่อว่าด่าทอ ก็สามารถจะฟังให้เป็นธรรมะได้ เพราะว่ารู้จักแยกแยะ เพราะในใจของเราบางทีมันก็มีเสียงยุแหย่ อย่างที่เคยพูดไปแล้ว เสียงยุแหย่ เสียงเชิญชวนเกลี้ยกล่อมของกิเลส ฉะนั้นคนเราบางทีก็แยกแยะไม่ออกเหมือนกัน ถ้าหากเราไม่รู้จักฟังเสียงภายในอย่างแท้จริง บางทีก็ไปหลงเชื่อเสียงยุแหย่ เสียงหว่านล้อมของกิเลส ก็เข้ารกเข้าพงไป แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าไม่มีสติมากพอ ที่จะใคร่ครวญแยกแยะได้ว่าอะไรคือเสียงที่มันจะพาเราไปสู่หนทางที่ดีงาม หรือเสียงอะไรที่จะพาเราเข้ารกเข้าพง แต่ถ้าหากเราหมั่นใคร่ครวญหมั่นมองตนอย่างมีสติ ก็จะเริ่มแยกแยะออก แยกแยะระหว่างเสียงของกิเลส เสียงยุแหย่ กับเสียงของความตื่นรู้ เสียงของปัญญา เสียงของโพธิจิต และต่อไปก็รวมทั้งทำให้เราได้ชัดเจนเสียงของธรรมชาติ เสียงของธรรมะที่แสดงตัวออกมาจากธรรมชาติรอบตัวได้ ต้องหมั่นฝึกเอาไว้ ฟังเสียงภายใน เสียงของกาย เสียงของใจ โดยอาศัยสติเป็นสื่อเป็นสะพาน ที่จะเปิดโอกาสให้เราได้รับรู้เสียงเหล่านั้น
Thu, 22 Dec 2022 - 27min - 643 - 25651210pm--อย่าหลงเชื่อเสียงยั่วยุในหัว
10 ธ.ค. 65 - อย่าหลงเชื่อเสียงยั่วยุในหัว : แต่หากว่าเรามีสติ ความหลงหรือว่าการถูกครอบงำด้วยอารมณ์ มันก็เกิดขึ้นได้ยาก แล้วพอเรามีสติมีความรู้สึกตัว มันก็ไม่มีทางที่ตัวร้ายหรือว่าเสียงยุเสียงแหย่มันจะมารบกวนจิตใจเราได้ หรือถึงแม้ว่าเราจะไม่มีสติทัน อารมณ์จึงเกิดขึ้น เกิดความยินดีร้าย เกิดความพอใจไม่พอใจ เกิดความหงุดหงิดติดใจขัดใจ แต่ก็ยังไม่สายที่เราจะมีสติ มีสติเห็นอารมณ์ มีสติรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น หรือพอเผลอไปแล้ว หลงไปแล้ว มันมีเสียงยุเสียงแหย่ตามมา เรามีสติก็ไม่ปล่อยใจให้คล้อยตามเสียงยุเสียงแหย่ มันจะหว่านล้อมอย่างไร ใจเราก็ไม่หลงเชื่อ มันจะยุให้เราลองเล่นยา เราก็ไม่ทำ มันจะยุให้เราทุจริต เราก็ไม่ทำ มันจะยุให้เราโดดลงหน้าผา เราก็ไม่สนใจ มันจะยุให้ไปดูคลิปโป๊ หรือว่าไปมีกิ๊ก มันก็เป็นสักแต่ว่าเสียงยุที่ไม่มีความหมายต่อจิตใจของเรา อันนี้เพราะมีสติรู้ทัน จนแม้กระทั่งมันมีเสียงด่า เสียงจ้วงจาบพระรัตนตรัย ด่าครูบาอาจารย์ เสียงตำหนิต่อว่าติเตียนพ่อแม่ เราก็เห็นมันรู้ทันมัน แต่ก่อนก็คิดแต่จะไปต่อสู้เอาชนะมัน กดข่มผลักไสมัน เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่พอเรามีสติ เรารู้จักวิธีที่จะดูมันเฉยๆ อย่างที่ครูบาอาจารย์เรียกว่ารู้ซื่อๆ มันช่วยได้เยอะนะ คนที่เป็นทุกข์มากเพราะมันมีเสียงด่าพ่อแม่ ตำหนิติเตียนครูบาอาจารย์ หรือจ้วงจาบพระรัตนตรัย ไม่ต้องทำอะไรกับมัน ก็แค่รับรู้แล้วก็ไม่สนใจมัน มันจะโวยมันจะวาย มันจะบ่นอย่างไร มันจะพูดยังไงเราก็ไม่สนใจ ที่ทำอย่างนั้นได้เพราะมีสติ ถ้าไม่มีสติ มันอดไม่ได้ที่จะไปสู้รบตบมือเสียงในหัวของเหล่านั้น และหลายคนก็พบว่าพอไม่สนใจมัน แค่รับรู้แต่ไม่สนใจ สุดท้ายเสียงนั้นก็ค่อยเบาลงไปๆ แล้วก็หายไปในที่สุด แต่ก่อนที่มันจะเบาลงไป มันก็จะหาทางยั่วยุ ทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้เราหันไปสู้รบตบมือกับมัน แต่พอเราไม่สนใจเพราะเรามีสติ ในที่สุดมันก็ค่อยจางหายไป
Tue, 20 Dec 2022 - 26min - 642 - 25651209pm--อย่าปล่อยใจให้อารมณ์ครอบงำ
9 ธ.ค. 65 - อย่าปล่อยใจให้อารมณ์ครอบงำ : แล้วบางทีตัวหลงหรือตัวกิเลส ถ้าพูดกับมัน ถ้าเตือนสติดีๆ นี่ก็อาจจะไม่ฟัง แต่ถ้าหากว่ามาเตือนด้วยคำพูดที่ไม่ถูกใจกิเลส มันก็ชะงักได้เหมือนกัน แล้วผลที่ตามมาคือสติกลับมาเลยนะ สองคนนี้พอเจ้านายทักแบบนี้ว่า ใครที่ขี้เหร่พูดก่อน ได้สติขึ้นมาเลย แล้วพอได้สติก็รู้เลย ที่ทำไปเมื่อกี้นี่มันแย่ แต่ตอนที่จมอยู่ในอารมณ์ ไม่คิดที่จะเรียกสติกลับมาเลย มีแต่จะปล่อยใจให้ทำตามอารมณ์ หรือจมดิ่งอยู่ในอารมณ์นั้น ใครเตือนยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ หรือยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ แต่ว่าพอเจอคำพูดแบบนี้ ได้สติกลับมาเลย แล้วพอได้สติก็รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรควรอะไรไม่ควร แต่ว่าคนเราถ้าจะรอให้มีสติเมื่อมีใครมาทัก เมื่อมีใครมาบอก มันคงไม่พอ มันต้องรู้จักเรียกสติกลับมาด้วยตัวเอง ใหม่ๆ กว่าจะมีสติ มันก็หลงจมเข้าไปในอารมณ์อยู่พักใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความเศร้า ทั้งที่เตือนตนว่าถ้าฉันโกรธเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมามีสตินะ อย่างบางคนรู้ว่าเป็นคนเจ้าอารมณ์ ก็ตั้งใจว่าถ้าโกรธเมื่อไหร่จะกลับมาตามลมหายใจ หรือกลับมาอยู่กับพุทโธ แต่พอถึงเวลาโกรธจริงๆ มันลืมไปหมดเลยที่ตั้งใจจะทำอะไร พุทโธก็ลืม ลมหายใจก็ลืม มันจะไม่ลืมได้อย่างไร เพราะขนาดตัวนี้ยังลืม คือลืมตัว เพราะฉะนั้นอย่างอื่นนี่ก็ลืมไปได้ไม่ยาก ต่อเมื่ออารมณ์มันเบาบางลงแล้วจึงนึกขึ้นมาได้ พอโกรธมันทุเลาเบาบางจึงนึกขึ้นมาได้ นี่เราไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ แต่ว่าเจอแบบนี้ไม่ต้องท้อนะ ก็ขอให้ตั้งใจไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่ากว่าจะมีสติกลับมามันก็ล่วงเลยไปมากแล้ว หรือว่าปล่อยใจไปตามอารมณ์ หรือว่าก่อความเสียหายไปไม่น้อยแล้ว
Tue, 13 Dec 2022 - 28min - 641 - 25651208pm--จากผิดเป็นถูก
8 ธ.ค. 65 - จากผิดเป็นถูก : บางทีสิ่งที่เกิดขึ้น คือเลขหนึ่งนี่เราห้ามไม่ได้ คุมไม่ได้ แต่เลขสองนี่เราสามารถจะเลือกได้ สามารถจะคุมหรือกำกับได้ ทีแรกหลงแต่ต่อมาก็รู้ ทีแรกฟุ้งแต่ต่อมาก็รู้ทัน ทีแรกทุกข์แต่ต่อมาก็เห็นประโยขน์จากทุกข์ ทีแรกล้มแต่ต่อมาก็เรียนรู้ที่จะลุกและทรงตัวโดยที่ไม่ล้มง่ายๆ ต่อไป ทีแรกล้มเหลวแต่ต่อมาเราก็เรียนรู้จากความล้มเหลว จะเห็นได้ว่า สิ่งที่เราทำหลังจากมีความทุกข์ มีความล้มเหลว มีความฟุ้ง มีความหลง มีความเผลอพลาด อาจจะสำคัญกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรก แต่ถ้าเราไม่ให้ความสำคัญตรงนี้ พอเราทุกข์ เริ่มต้นด้วยทุกข์ ต่อมาก็ทุกข์หนักขึ้น ทีแรกล้มเหลวแต่ต่อมาก็ล้มเหลวหนักขึ้น ทีแรกก็หลงแต่ต่อมาก็หลงหนักขึ้น ทีแรกก็ทำผิดแต่ต่อมาก็ทำผิดหนักขึ้น เพราะฉะนั้น บางครั้งมันไม่ใช่เลขหนึ่งนะที่สำคัญ เลขสองน่ะสำคัญกว่า อย่าปล่อยให้เลขหนึ่งมันมากำหนดการกระทำของเราในลำดับถัดไป แต่เราต้องรู้จักเลือกที่จะทำให้มันดีขึ้น และนั่นก็จะเป็นหนทางสู่ความเจริญงอกงามและการเพิ่มพูนปัญญา ให้เราสามารถอยู่ในโลกที่มันผันผวนแปรปรวนได้ ด้วยใจที่สงบและจิตที่เป็นปกติ
Sun, 11 Dec 2022 - 25min - 640 - 25651207pm--ธรรมที่มีอุปการะมาก
7 ธ.ค. 65 - ธรรมที่มีอุปการะมาก : ถ้าเราเข้าใจการทำงานของสัมมาสติ หรือคุณสมบัติของสัมมาสติ เราจะพบว่ามันมีความสำคัญต่อชีวิตของเรามากที่เดียว เพียงแค่ไม่สลบไสล ไม่ละเมอ อันนั้นยังไม่พอ อันนั้นยังไม่ใช่เป็นเพราะอานุภาพของสติ แต่ถ้าหากว่าเราสามารถจะดำรงชีวิตอย่างสงบเย็น ไม่ถูกกิเลสครอบงำ อีกทั้งยังดำเนินชีวิตโดยที่ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวกูของกู ไม่ยึดในความสำคัญมั่นหมายว่าตัวกู มันก็ทำให้ชีวิตนี้โปร่งเบา สงบเย็นได้ เพราะฉะนั้นที่ว่าสติเป็นธรรมที่มีอุปการะมาก มันจึงเป็นคำที่มีความหมายตามตัวอักษรเลยทีเดียว ไม่ใช่เป็นแค่การพูดชนิดที่เป็นการให้ความสำคัญเกินเลยของสติ แต่ที่จริงแล้วเป็นธรรมที่มีอุปการะมากจริงๆ
Sat, 10 Dec 2022 - 28min - 639 - 25651206pm--เอาชนะขีดจำกัดของตัวเอง
6 ธ.ค. 65 - เอาชนะขีดจำกัดของตัวเอง : พวกนักวิ่งหลายคนพอเขาสามารถจะก้าวข้ามหรือเอาชนะขีดจำกัดของตัวเองได้ หลายคนพบว่ามีความสุขได้ง่าย ไม่ต้องแสวงหาเงินทองชื่อเสียง อยู่ง่ายๆ ก็มีความสุข เพราะว่าความสุขจากการเอาชนะขีดจำกัดของตัวเองได้ ก็สามารถจะมาหล่อเลี้ยงชดเชยความสุขจากสิ่งเสพ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องไปวิ่งไล่ล่าเพื่อให้ไปถึงเพดานแห่งความสุขก็ได้ แต่คนเราถึงไม่ใช่นักวิ่ง ถ้าเราปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนา ถ้าเราได้พบความสงบซึ่งเกิดจากสติ จากความรู้สึกตัว ก็สามารถจะมาหล่อเลี้ยงจิตใจเรา ทำให้จิตใจเราไม่ต้องไปแสวงหาความสุขจากสิ่งเสพ และมาพบกับความเบื่อที่เพดานแห่งความสุขเขยิบขึ้นไปเรื่อยๆ จนไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ ปัญหานี้จะหมดไป ถ้าหากว่าเราสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้ในเรื่องของสมาธิภาวนา
Wed, 07 Dec 2022 - 28min - 638 - 25651202pm-ฝึกใจให้รู้ทันความคิด
2 ธ.ค. 65 - ฝึกใจให้รู้ทันความคิด : หลายคนบอกว่าปฏิบัติแล้วยาก ส่วนหนึ่งเป็นพราะมันง่วง ส่วนหนึ่งเพราะมันน่าเบื่อ แต่ถ้าหากเราอดทนทำไปเรื่อยๆ มันก็จะระลึกนึกขึ้นมาได้ไว แล้วจะพบเลยว่าความระลึกนึกขึ้นมาได้แบบนี้ มันทำให้ใจสงบได้เร็ว มันเป็นความสงบไม่ใช่เพราะไม่คิดนะ แต่สงบเพราะรู้ทันความคิด ซึ่งอันนี้เป็นงานของสติ แล้วถ้าเราทำบ่อยๆ สติเราจะมีกำลัง จนกระทั่งเราสามารถที่จะปล่อยวางความคิดนึกและอารณ์ต่างๆ ได้เร็วขึ้น แล้วช่องว่างที่ปราศจากอารมณ์หรือไม่ถูกอารมณ์รบกวน ที่เราเรียกว่าความสงบ มันก็จะต่อเนื่อง แล้วเราก็จะรู้สึกได้ถึงความสงบ ไม่ใช่สงบเพราะไม่คิด แต่สงบเพราะรู้ทันความคิด อันนี้แหละคือสิ่งที่เราพึงคาดหวังจากการมาปฏิบัติที่นี่ รวมทั้งจากการปฏิบัติในชีวิตประจำวันของเราด้วย
Tue, 06 Dec 2022 - 30min - 637 - 25651201pm--อยู่ง่ายเพราะรู้จักตนเอง
1 ธ.ค. 65 - อยู่ง่ายเพราะรู้จักตนเอง : เวลาพูดถึงความสงบ หลายคนนึกถึงสมาธิ แต่อย่าไปมองข้ามสติเด็ดขาดเลยนะ เพราะสติมันสำคัญมาก มันทำให้เราสามารถที่จะรับมือกับอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ เราอาจจะห้ามความคิดไม่ได้ และเราห้ามได้ยากด้วย แต่เราสามารถที่จะทำให้ความคิดนั้นไม่มารบกวนจิตใจได้ ก็เพราะเรามีสติ รู้ทันความคิด รู้จักปล่อยรู้จักวาง แล้วถ้าทำอย่างนี้ได้ชีวิตมันจะอยู่ง่ายขึ้น ในด้านหนึ่งเราจะไม่เป็นทาสของความสะดวกสบาย เราจะไม่ยอมทุ่มเทอะไรต่ออะไรหลายอย่าง เพื่อแลกความสะดวกสบาย ทั้งที่สิ่งที่เสียไปนั้นมันมีค่า เราจะไม่เป็นทาสของความสะดวกสบาย และขณะเดียวกัน เราก็จะพบกับความสบายที่ใจด้วย ไม่ใช่แค่สบายกายอย่างเดียว ใจก็สบายด้วย สบายเพราะเบา สบายเพราะสงบ สบายเพราะว่ามันไม่มีอะไรมารบกวน ไม่มีอะไรที่ต้องแบกต้องยึด มารู้จักกับความสบายแบบนี้บ้าง อันนี้มันจะช่วยทำให้การอยู่ในโลกนี้มันง่ายขึ้น มันจะไม่ยากเหมือนเดิม
Sun, 04 Dec 2022 - 28min - 636 - 25651130pm--หลุดจากทุกข์เมื่อใจยอมรับ
30 พ.ย. 65 - หลุดจากทุกข์เมื่อใจยอมรับ : ที่จริงการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี่ มันเป็นเคล็ดลับที่เราควรจะมีนะ เพราะบ่อยครั้งความทุกข์ของคนเรามันเกิดขึ้นจากการที่เรายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเจอสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง หรือเหตุการณ์ รวมทั้งทุกขเวทนาที่เกิดขึ้น พอเจอเข้าแล้วยอมรับไม่ได้ ก็เลยผลักไส ไอ้การผลักไสนี่เป็นตัวที่สร้างความทุกข์ แต่ทันทีที่เรายอมรับได้ความทุกข์ก็จะลดลง เช่นเสียงดังหลายคนก็ไม่ชอบ พอไม่ชอบแล้วเป็นยังไง ใจมันก็เกิดอาการต่อสู้ผลักไส แต่ถ้าเสียงไม่หายก็ยิ่งทุกข์ ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ จนกระทั่งเกิดความโกรธ แล้วส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นก้อนใหญ่เลย คือ การที่ผลักไส ไม่ยอมรับ ไม่ใช่เกิดจากเสียงนะ แต่เกิดจากใจของเราที่ไม่ยอมรับ แต่ทันทีที่ใจยอมรับได้ ความทุกข์มันลดลงไปเยอะเลย อันนี้ก็รวมถึงความหนาวความร้อน หรือทุกขเวทนาที่เกิดขึ้น เช่น ความเจ็บ ความปวด ความเมื่อย แม้กระทั่งอารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ เช่น ความเครียด ความหงุดหงิด พวกนี้ก็ไม่มีใครชอบนะ แต่เพราะไม่ชอบจึงผลักไส และยิ่งผลักไสมันก็ยิ่งทุกข์ แต่พอยอมรับมันได้ โดยเฉพาะถ้ามีสติ หรือถ้ารู้จักสิ่งที่ครูบาอาจารย์เรียกว่า “รู้ซื่อๆ” แค่รู้ซื่อๆ คือรับรู้เฉยๆ โดยที่ไม่ผลักไส มันก็ช่วยลดความทุกข์ไปได้เยอะ ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกหรือสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน ลองสังเกตดูจะพบว่าความทุกข์มันเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อเราผลักไสมัน เมื่อเราไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พอเรายอมรับมันได้ความทุกข์ก็ลดลง และถึงตอนนั้นมันก็จะคิดอ่านหาวิธีว่า แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่ถ้าเราเริ่มจากการต่อต้านผลักไสเสียแล้ว บางทีมันคิดอะไรไม่ออกนะ เพราะว่ามันเจอความทุกข์ เจอความหงุดหงิด เจอความโกรธกลุ้มรุมเล่นงาน แล้วบางทีก็ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง แต่สถานการณ์อาจจะดีขึ้นได้ จนรอดพ้นจากวิกฤติได้ เพียงแต่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
Fri, 02 Dec 2022 - 29min - 635 - 25651129pm--เผชิญทุกข์ด้วยภูมิคุ้มใจ
29 พ.ย. 65 - เผชิญทุกข์ด้วยภูมิคุ้มใจ : ระยะห่างจากผู้คนที่อาจจะติดเชื้อเพื่อ Social distancing การวางระยะห่างทางด้านความสัมพันธ์ คือไม่เข้าใกล้เกินไป ทำให้ไม่ติดเชื้อ ทำนองเดียวกันสติทำให้เกิดระยะห่างภายใน ที่ทำให้ความทุกข์เข้ามาครอบงำใจไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเราตระหนักชัดแล้วว่า ในเมื่อเราหนีไม่มีทุกข์ไม่พ้น โดยเฉพาะทุกข์ที่เป็นโลกธรรมฝ่ายลบ ที่เป็นอนิฏฐารมณ์ ที่เกิดจากความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ประสบกับสิ่งที่ไม่รัก เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกข์ ไม่ใช่หนีมัน แต่อยู่กับทุกข์ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ เพราะว่าใจมีเครื่องรักษาเรียกว่าคุ้มใจ สิ่งนั้นคือขันติ สิ่งนั้นคือสติ และที่สำคัญคือปัญญา ปัญญาที่เห็นว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง เห็นว่ามันเป็นธรรมดาเช่นนั้นเอง เช่นนั้นเอง หรือเห็นว่ามันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มันไม่เที่ยงที่จะยึดมั่นถือมั่นได้ หรือว่ามีปัญญาเพียงแค่รู้ว่า มีกับหมด ได้กับเสีย พบกับพราก เจอกับจากเป็นของคู่กัน เวลามีก็ไม่ดีใจ เพราะฉะนั้นเวลาหมดก็ไม่เสียใจ เวลาได้ก็ไม่ได้ดีใจ เพราะเวลาเสียก็ไม่เสียใจ เวลาพบก็ไม่ลิงโลด เวลาพรากก็จะไม่เศร้าโศก เวลาใครชมก็ไม่หลงใหลปราบปลื้ม เวลาใครเขาตำหนิก็ไม่ทุกข์ อันนี้คือเห็นธรรมดาของโลกว่ามันเป็นอย่างนั้นเอง อันนี้เรียกว่าเป็นปัญญาเป็นภูมิคุ้มใจ รักษาใจของเราไม่ให้ทุกข์ได้
Thu, 01 Dec 2022 - 27min - 634 - 25651124pm--เก่งตรงที่กลับมาได้ไว
24 พ.ย. 65 - เก่งตรงที่กลับมาได้ไว : ถ้าเราคิดว่า เราจะสงบเพราะไม่มีความโกรธ ไม่มีความเศร้า ไม่มีความเครียด ไม่มีความวิตกกังวลเลย มันยากนะ ปุถุชนเนี่ย มันก็ต้องมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น แต่พอมีแล้วเรารู้ทันได้เร็ว ใจที่เผลอจมเข้าไปในอารมณ์นั้นหลุดออกมาได้เร็ว พอหลุดออกมาได้เร็ว ไอ้พวกนี้มันก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะมันเกิดขึ้นเพราะความหลงหรือมีตัวหลง หรือความหลงนี่เป็นอาหารบำรุงเลี้ยงมัน พอจิตกลับมาอยู่กับความรู้สึกตัว ความหลงหายไป ไอ้ความทุกข์เหล่านั้นมันก็หายไปด้วย แต่ต่อไปมันจะไม่ใช่แค่รู้สึกตัว มันจะรู้ความจริงว่า ‘ไม่มีอะไรที่ยึดมั่นถือมั่นได้’ พอไม่ยึดมั่นถือมั่นกับอะไรเลย มันก็ไม่มีที่ตั้งแห่งความทุกข์ มันมีแต่ทุกข์ แต่ไม่มีผู้ทุกข์ ถ้าไม่มีผู้ทุกข์แล้วใครจะทุกข์ละนะ แล้วที่ไม่มีผู้ทุกข์เพราะมันเห็น มันรู้ความจริงว่า ไม่มีอะไรที่ยึดว่าเป็นเรา-เป็นของเราได้ ทั้งหมดนี้ก็เริ่มจากการที่มารู้ตัว แล้วรู้ตัวได้เพราะกลับมาได้ไว รู้ทันได้เร็ว แล้วที่รู้ทันได้เร็วกลับมาได้ไว เพราะยอมให้มันไป แล้วก็ได้อาศัยการที่ใจมันไปนี่แหละ เพื่อฝึกให้กลับมาได้ไวๆ ลองทำความเข้าใจให้ดีนะ ที่หลวงพ่อคำเขียนพูดว่า มันเก่งตรงที่กลับมา ไม่ใช่เก่งตรงที่ไม่ไป ไม่ใช่เก่งตรงที่นิ่งหรือไร้ความคิด
Wed, 30 Nov 2022 - 29min - 633 - 25651123pm--ทุกข์แก้ได้ถ้าหาเหตุเจอ
23 พ.ย. 65 - ทุกข์แก้ได้ถ้าหาเหตุเจอ : การหมั่นมองตัวอยู่เสมอมันจะช่วยทำให้เราเจอสมุทัย หรือเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริง โดยเฉพาะเมื่อมันมีความทุกข์ใจขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นความเศร้า ความโกรธ ความหงุดหงิด ความเบื่อหน่าย ความคับแค้น กลับมาดูใจของเราอยู่เสมอ แล้วก็แก้ที่ใจของเรา มันก็จะช่วยทำให้ทุกข์บรรเทาเบาบาง
Tue, 29 Nov 2022 - 27min - 632 - 25651122pm--คำถามง่ายๆแต่สำคัญ
22 พ.ย. 65 - คำถามง่ายๆแต่สำคัญ : ฝึกเอาไว้ ด้วยการที่เราหมั่นถามตัวเราเอง เริ่มต้นจากการถามตัวเอง หรือระลึกอยู่เสมอว่าฉันทำอะไรอยู่ ต่อไปก็ฉันคิดอะไรอยู่ ฉันรู้สึกอะไรอยู่ แล้วก็จะนำไปสู่การเห็น การยอมรับความคิด อารมณ์ และความรู้สึก โดยที่ไม่ไปตกอยู่ในการครอบงำของมัน
Mon, 28 Nov 2022 - 24min - 631 - 25651121pm--มารู้ตัวดีกว่า
21 พ.ย. 65 - มารู้ตัวดีกว่า : จากความรู้ตัวก็จะกลายเป็นความรู้ความจริง เห็นความจริงของโลก มันก็จะรู้ลึกและรู้กว้าง และมันช่วยทำให้เราสามารถที่จะดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ ด้วยความรู้ทัน ใช้กายและใจให้เป็นประโยชน์ โดยที่ไม่ตกเป็นทาสของกายและใจ หรือไปยึดมั่นสำคัญหมายว่ามันเป็นเรา เป็นของเรา เพราะถ้าเราไปยึดมั่นว่ามันเป็นเราเป็นของเราเมื่อไหร่ เราก็กลายเป็นของมันในทันที เพราะฉะนั้นให้หมั่นรู้ตัวบ่อยๆ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมารู้งี้ในภายหลัง ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย
Sat, 26 Nov 2022 - 28min - 630 - 25651113pm--ฝึกใจให้รู้ตัว
13 พ.ย. 65 - ฝึกใจให้รู้ตัว ท่ามกลางความเป็นไปของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง มีการเคลื่อนไหวหรือมีความแปรปรวน คือความสงบที่แท้จริง” ซึ่งสงบแบบนี้ได้มันต้องมีสติ มีความรู้สึกตัว ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นมาจากการฟังธรรมเยอะๆ บ่อยๆ แต่เกิดจากการปฏิบัติ ซึ่งต้องอาศัยการลงแรง ต้องเจอกับความเมื่อย ต้องเจอกับความง่วง ต้องเจอกับความเบื่อ แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันก็จะสอนให้เรามีสติ รวมทั้งความคิดฟุ้งปรุงแต่งต่างๆ ถ้าเราไม่ไปกด ไม่ไปห้ามมัน มันก็จะสอนให้เรามีสติรู้ทันความคิดได้เร็ว แต่ก่อนที่จะไปรู้ทันความคิด ก็ให้มารู้กายก่อน เวลาเดินก็ให้รู้ตัวว่าเดิน เวลายกมือก็ให้รู้ตัวว่ายกมือ ตอนนั้นมันจะรู้สึกว่ามือยก กายขยับ เท้าเขยื้อน อันนี้เรียกว่ารู้กาย เป็นความรู้ตัวแบบหนึ่ง ต่อไปมันก็จะรู้ความคิด รู้อารมณ์ ก็เป็นการรู้ตัวอีกระดับหนึ่ง
Fri, 25 Nov 2022 - 28min - 629 - 25651112pm--อย่าปล่อยให้ความจำเป็นนายเรา
12 พ.ย. 65 - อย่าปล่อยให้ความจำเป็นนายเรา : อย่าให้ความจำเป็นนายเรา ถ้าความจำเป็นนายเรานี่แย่นะ เพราะบางครั้งคนเราก็มีความจำที่เจ็บปวด บางครั้งก็มีความจำที่มันทำให้ขมขื่น บางครั้งก็ทำให้อาจจะรู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์บางอย่าง การที่เราจำเหตุการณ์นั้นได้ มันก็ดี มีประโยชน์ แต่ว่าถ้าปล่อยให้เป็นนายเรา มันก็เหมือนกับโซ่ที่ตรึงเราเอาไว้ เพราะว่ามันก็จะทำให้เราจมอยู่ในกับอดีต บางคนที่ไม่สามารถที่จะอยู่กับปัจจุบันหรือเดินไปข้างหน้าได้เลยเพราะว่าจมอยู่กับอดีต เพราะว่าถูกความทรงจำที่เจ็บปวดมันล่ามเอาไว้ บางทีก็ไม่ใช่ความทรงจำที่เจ็บปวด มันอาจจะเป็นอดีตที่รุ่งเรืองหรืออาจจะเป็นวันวานอันหวานชื่นก็ได้ แต่ว่ามันกลายเป็นอดีตไปแล้ว ก็เสียดายอาลัย ก็ยังจมอยู่กับอดีตที่เคยสวยงาม หรือบางคนอาจจะเคยประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงเป็นนักกีฬาเหรียญทอง แต่ตอนนี้ไม่มีคนรู้จักแล้ว ก็ยอมรับกับปัจจุบันไม่ได้ ก็จมอยู่กับเรื่องราวในอดีต กับเรื่องที่มันเป็นความรุ่งเรืองเรืองโรจน์หอมหวาน แต่มันเป็นอดีตไปแล้ว ถ้าปล่อยให้อดีตมาเป็นนายเราหรือปล่อยให้ความทรงจำเป็นนายเรา เราก็ไม่สามารถที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า แล้วก็อยู่กับปัจจุบันอย่างมีความรู้สึกตัวหรือมีความสุขได้เลย คนเราถ้าไม่อยู่กับปัจจุบัน มันก็ทุกข์ได้ง่าย มันก็เหมือนกับถูกล่ามไว้กับอดีต มันก็ทำให้ชีวิตยากที่จะพบกับความสดใส ความชื่นบาน หรือว่าใช้เวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ ความจำนั้นถ้าเราเป็นนายมัน มีประโยชน์ เราใช้มันก่อให้เกิดประโยชน์ได้มากมาย แต่ถ้าปล่อยให้มันเป็นนายเรา แย่เลย เราไม่สามารถจะเดินต่อไปข้างหน้าได้เลย
Fri, 25 Nov 2022 - 26min - 628 - 25651111pm--อย่าเอายาพิษของคนอื่นมาใส่ปากเรา
11 พ.ย. 65 - อย่าเอายาพิษของคนอื่นมาใส่ปากเรา : พระพุทธเจ้าให้ข้อคิดเตือนใจได้ดีนะ มีพราหมณ์คนหนึ่งมาตามด่าท่าน พระองค์กำลังเดินกลับเชตวัน พราหมณ์ก็เดินตามมาด่า พระองค์ก็ไม่ตอบโต้ จนกระทั่งถึงเชตวันแล้ว พระองค์ก็เลยนั่งสนทนากับเขาว่า “เคยมีคนมาหาท่านที่บ้านไหม” พราหมณ์ก็บอกว่า “มีสิ ข้าพเจ้าไม่ใช่เป็นคนขาดเพื่อน ไม่ใช่เป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก มีคนมาหาข้าพเจ้าที่บ้านอยู่เนืองๆ” “แล้วท่านทำอย่างไร” “ข้าพเจ้าก็เอาของมาต้อนรับ” พระพุทธเจ้าก็เลยถามว่า “ถ้าเขาไม่รับของของท่าน ของนั้นจะเป็นของใคร” พราหมณ์ก็ตอบว่า “ก็เป็นของข้าพเจ้าน่ะสิ” พระพุทธเจ้าก็เลยตอบว่า “ท่านด่าเรา แต่เราไม่รับคำด่าของท่าน คำด่าทั้งหมดก็เป็นของท่านน่ะสิ” พราหมณ์นี่อึ้งเลยนะ พูดง่ายๆ คือคำด่านี่มันจะมีผลก็ต่อเมื่อเรารับ ถ้าเราไม่รับหรือไม่ใส่ใจ มันก็ไม่มีความหมาย ไม่มีพิษสง นี่เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างของสุมาอี้กับคนอื่น สุมาอี้ถูกขงเบ้งด่ายังไง สุมาอี้ก็ไม่รับ ไม่สนใจ แถมหัวเราะ ไม่เอามาเป็นอารมณ์ แต่คนอื่นนี่เอาจริงเอาจังมาก เขาด่าว่าเป็นหมา ก็ไปรับสมอ้างว่า “เออ ฉันเป็นหมาจริงๆ” ก็เลยกระอักเลือดตายหรือไม่ก็หัวใจวายตาย อันนี้ก็เป็นบทเรียนสอนใจ ที่บางทีมันมีพลังยิ่งกว่าหนังสือธรรมะ เพราะเป็นภาพที่จำลองมาจากธรรมชาติของมนุษย์ ฉะนั้นถ้าเราเจอคำด่าโดยเฉพาะจากคนที่มุ่งร้าย ให้เรานึกถึงสุมาอี้เอาไว้ อย่าทำตัวเป็นจิวยี่ อองลอง หรือโจจิ๋น เพราะถ้าทำอย่างนั้น เราก็โง่เท่านั้นเอง เพราะเราไปเข้าทางเขา
Fri, 25 Nov 2022 - 26min - 627 - 25651110pm--ฝึกตนจนพ้นขีดจำกัดของตัวเอง
10 พ.ย. 65 - ฝึกตนจนพ้นขีดจำกัดของตัวเอง : มันก็ธรรมดานะ เพราะคนเราพอเจอความยากลำบากมันก็ต้องมันความอดทน ต้องมีใจที่ฮึดสู้ถึงจะผ่านจุดนั้นมาได้ แต่สิ่งที่หลายคนพบว่ามันเกิดความเปลี่ยนแปลงภายในก็คือ เป็นคนที่สุขง่าย อยู่กับตัวเองง่าย แต่ก่อนก็ติดสุขนะ อยากเที่ยว อยากกิน อยากดื่ม อยากช้อป แต่พอผ่านประสบการณ์การซ้อมการวิ่งมานานๆ มันกลายเป็นคนสุขง่าย อยู่ง่าย มีความพึงพอใจในชีวิตอย่างง่ายๆ ชีวิตไม่ต้องการอะไรมาก อาจเป็นเพราะได้พบความสุขจากการวิ่ง คนเราพอมีความสุขจากการวิ่ง หรือความสุขจากการที่ได้เห็นตัวเองในมุมที่ทำให้เกิดความภาคภูมิใจ พอภูมิใจในตัวเอง มันก็เป็นความสุขที่ทำให้ไม่ต้องไปพึ่งพาความสุขจากสิ่งอื่นหรือความสุขจากภายนอก แล้วหลายคนก็ตั้งข้อสังเกตนะ คนที่ผ่านประสบการณจากการวิ่งมามากๆ เขาจะเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตัว ไม่ขี้อวด และบ่นน้อย อันนี้ก็เป็นการตั้งข้อสังเกตของหลายคน ที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของคนที่ผ่านการวิ่งมานานๆ ผ่านการซ้อมมาเยอะๆ ซึ่งอันนี้ก็เหมือนกับการปฏิบัติธรรมนะ เพราะคนที่ปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง สุดท้ายก็เป็นคนที่สุขง่ายอยูง่าย เป็นคนที่มีอัตตาตัวตนเบาบาง ไม่โอ้อวด แต่ถ้ายังโอ้อวดยังมีตัวตนอยู่ ก็แสดงว่ายังปฏิบัติธรรมไม่มากพอ หรือยังไม่ได้ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง แต่ถ้าหากปฏิบัติธรรมจริงจัง มันจะมีคุณสมบัติบางส่วนคล้ายกับคนที่ผ่านการวิ่งมานานๆ ผ่านการฝึกซ้อมเคี่ยวกรำตัวเองมาอย่างหนัก จึงอดไม่ได้ที่จะมองว่า การวิ่งระยะทางไกลๆ หรือการซ้อมเคี่ยวกรำตัวเองอย่างสม่ำเสมอ มันก็เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง
Fri, 25 Nov 2022 - 29min - 626 - 25651109pm--ความดีที่ทำเป็นนิจย่อมไม่สูญเปล่า
9 พ.ย. 65 - ความดีที่ทำเป็นนิจย่อมไม่สูญเปล่า : สิ่งที่เราทำซ้ำๆ ถ้าเป็นสิ่งที่ดี มีคุณค่า มีความหมาย ไม่ว่าจะเป็นการปลูกศรัทธาในพระรัตนตรัย หรือการมีศรัทธาในการทำวัตรสวดมนต์ หรือการรู้สึกดื่มด่ำผูกพันกับการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า หรือการระลึกนึกถึงครูบาอาจารย์อยู่เนืองๆ รวมทั้งการสวดมนต์อยู่บ่อยๆ สิ่งเหล่านี้มันไม่สูญเปล่านะ จิตมันจำได้ แล้วถึงเวลาสิ่งที่เราทำนี่จะออกมาทำงาน ช่วยน้อมใจให้เป็นกุศล ชนิดที่ว่ากายนี่ก็ยอม ‘จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว’ กายแม้มันจะไม่ไหว แต่พอเจอจิตที่เป็นกุศลขึ้นมา มันก็ยอมน้อมตามไปด้วย ที่เคยปวดก็หายปวด ที่เคยพูดไม่ได้ก็ดันร้องเพลงได้ หรือที่เคยหัวใจเต้นเร็ว หายใจเหนื่อยหอบ มันก็สงบขึ้นมา หายใจเป็นปกติ หัวใจก็เต้นเป็นปกติ แม้จะชั่วคราวก็ตาม ฉะนั้น สิ่งที่เราทำซ้ำๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำวัตรสวดมนต์ ไม่ว่าจะเป็นการเจริญสติ การแผ่เมตตา การระลึกถึงครูบาอาจารย์บ่อยๆ การน้อมระลึกถึงพระรัตนตรัยอยู่เนืองๆ เป็นอาจิณ พวกนี้มันไม่สูญเปล่าเลย ในยามวิกฤติจะมาช่วยกู้ใจเราออกจากความทุกข์ ออกจากความอกุศลได้ ถึงเวลาจะตายก็สงบ แล้วก็ไปดี ไม่มีความหวาดวิตกอะไร
Wed, 23 Nov 2022 - 30min - 625 - 25651108pm--ดูจันทรุปราคา แล้วย้อนดูตน
8 พ.ย. 65 - ดูจันทรุปราคา แล้วย้อนดูตน : คืนนี้เป็นคืนพิเศษสำหรับหลายคน เพราะนอกจากตั้งหน้าตั้งตารอที่จะลอยกระทงแล้ว ก็ยังหวังที่จะได้ดูเหตุการณ์ที่สำคัญที่นานๆ จะเกิดสักครั้งหนึ่งคือจันทรุปราคา เป็นเหตุการณ์ที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้งโดยเฉพาะการมีจันทรุปราคากับพระจันทร์เต็มดวง จันทรุปราคาก็มีหลายชื่อ เช่น จันทรคราส แล้วก็ชื่อโบราณชื่อ ราหูอมจันทร์ สมัยก่อนเขาเชื่อเลยว่ามีราหูจริงๆ มาอมจันทร์ เพราะฉะนั้นพอเกิดเหตุการณ์นี้ ทุกคนก็จะพากันตีกราะเคาะไม้ ส่งเสียงดัง จุดประทัด เพื่ออะไร เพื่อไล่ราหูให้คายดวงจันทร์ ดวงจันทร์จะได้สว่างเหมือนเดิม เราก็เชื่ออย่างนี้มานานว่า ดวงจันทร์อับแสงเพราะว่ามีราหูอมดวงจันทร์ จนกระทั่งเรามารู้ในช่วงเวลาไม่กี่สิบปีมานี้ ว่าที่ดวงจันทร์ดับหรือว่าหมอง มันไม่ใช่เพราะราหูจากที่ไหนหรอก แต่เป็นเพราะเงาของโลกเรา เงาของโลกเรานี่แหละที่ไปทำให้ดวงจันทร์อับแสง ไม่ใช่ราหูที่ไหน เราก็เพิ่งมารู้ว่าที่ดวงจันทร์อับแสง ไม่ใช่เพราะใครที่ไหนเลย แต่เป็นเพราะโลกเรานี่เอง หลงไปโทษราหูกันเป็นหลายศตวรรษทีเดียว แต่ตัวการที่แท้คือโลกเรานี่แหละ ซึ่งเราก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้
Wed, 23 Nov 2022 - 29min - 624 - 25651031pm--ทำตัวให้ดีแล้ว ทำใจให้ดีด้วย
31 ต.ค. 65 - ทำตัวให้ดีแล้ว ทำใจให้ดีด้วย : ที่จริงถ้าพระพุทธศาสนาสอนแต่เรื่องทำความดี คำสอนในพระพุทธศาสนาก็มีแค่ศีลก็พอ ส่วนสมาธิ ปัญญาก็ไม่จำเป็น ไตรสิกขาก็ไม่จำเป็น สอนแค่ศีลก็พอ แต่พระพุทธศาสนาท่านสอนเรื่องไตรสิกขา มีศีล สมาธิ และปัญญา สมาธิ ปัญญาเป็นเรื่องที่มากไปกว่าการทำความดี หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่ามันเป็นเรื่องของการทำใจให้ดี ทำดี ถ้าหากว่าจำกัดอยู่แค่ศีล มันก็ไม่พอน่ะที่จะช่วยทำให้คนเราพ้นทุกข์ได้ ทำดีแล้วมันต้องมีอีกประการหนึ่งก็คือทำใจให้ดีด้วย ถ้ามีแต่ทำดีไม่ต้องมีศีล ไม่ต้องมีไตรสิกขา หรือมีแค่ศีลก็พอ สมาธิภาวนาก็ตัดทิ้งไปนั้น หรือว่าพระพุทธศาสนาสอนแต่เรื่องทำดีละชั่ว โอวาทปาติโมกข์ก็มีแค่ 2 ประการก็พอ ไม่ต้องมีข้อที่ 3 คือว่าทำจิตใจให้ผ่องใส หรือบุญกิริยาวัตถุก็มีแค่สองคือทาน ศีล ไม่ต้องมีภาวนา แต่เราก็ทราบน่ะว่านอกจากทาน ศีลแล้ว ก็ต้องมีภาวนาด้วย นอกจากศีลก็ต้องมีสมาธิและปัญญาด้วยน่ะ ถึงจะเป็นพระพุทธศาสนา หรือเป็นพุทธธรรมที่ครบถ้วน นอกจากทำดีละชั่วหรือเว้นชั่วแล้ว ก็ต้องทำจิตให้ผ่องใสบริสุทธิ์ด้วย มันจึงจะเป็นพระพุทธศาสนาที่ครบถ้วน
Wed, 23 Nov 2022 - 30min - 623 - 25651030pm--ไตร่ตรองมองใจอยู่เสมอ
30 ต.ค. 65 - ไตร่ตรองมองใจอยู่เสมอ : ถ้าเราไม่รู้จักมอง มันก็ไม่เห็น แล้วก็ง่ายที่จะไปโทษสิ่งภายนอก แต่ถ้าเรารู้จักมองก็จะเห็นว่า ใจนี่เป็นตัวการที่สำคัญของทุกเรื่องในชีวิตเราเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับรู้โลกรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นความสุข ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ อย่าว่าแต่ทุกข์ใจหรือสุขใจเลย แม้กระทั่งทุกข์กายหรือสุขกายมันก็มีใจเป็นองค์ประกอบร่วมที่สำคัญ แล้วยิ่งความทุกข์ใจด้วยแล้ว ใจนี่เป็นตัวการล้วนๆ เลยก็ว่าได้ พอปรับที่ใจมันก็หายทุกข์ อย่างพ่อคนที่ว่า พอเข้าใจว่าตัวเองทุกข์เพราะอะไร หรือพอลดความคาดหวังหรือปรับความคาดหวังในตัวลูก ยอมรับว่าลูกเขาก็เลือกหนทางที่ดีสำหรับเขา หรือยอมรับว่าเราก็โชคดีกว่าพี่ชาย พี่ชายเรายังเคราะห์หนักกว่าเราเยอะเลยนะ เรานี่โชคดีกว่าพี่ชายเยอะ แค่นี้ก็น่าจะพอใจแล้ว แต่เป็นเพราะเราต้องการอะไรที่มันมากไปกว่านั้น แล้วก็ไม่พอใจสิ่งที่มี ได้สิ่งดีๆ แล้วก็ยังไม่พอใจ อยากจะได้มากไปกว่านั้น มันก็เลยทุกข์ “สิ่งที่ได้มามันก็ดีอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะอยากจะได้มากกว่านั้น” พอยอมรับหรือพอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ มันก็หายทุกข์เลยนะ นี่ก็เป็นเรื่องของใจที่รู้จักปรับใจ เพราะรู้ว่าเหตุแห่งทุกข์ที่แท้ก็คือใจนั่นเอง ใจในที่นี้ก็หมายถึงความยึดติดถือมั่น หรือความคาดหวัง หรืออุปาทาน ฉะนั้น ให้พยายามกลับมาดูใจของเราอยู่เรื่อยๆ ดูใจบ่อยๆ มันก็จะเห็นความจริงของตัวเอง และเห็นถึงความสำคัญของการดูแลรักษาใจ รวมทั้งการฝึกใจและรู้จักปรับเปลี่ยนใจ ให้มันสอดคล้องกับความเป็นจริง
Wed, 23 Nov 2022 - 27min - 622 - 25651029pm--ทำงานไปด้วยปล่อยวางไปด้วย
29 ต.ค. 65 - ทำงานไปด้วยปล่อยวางไปด้วย : นี่ก็คือการทำงานแบบปล่อยวางอย่างหนึ่ง คือปล่อยวางในผล สร้างเหตุสร้างปัจจัยให้ดี ส่วนผลมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เราคุมไม่ได้ สิ่งที่เราทำได้คือรอ แล้วพอผลสำเร็จเกิดขึ้น ก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่านี่เป็นความสำเร็จของกูๆ แต่คนส่วนใหญ่พอทำงานสำเร็จ มันจะยึดว่าเป็นของกูๆ เวลาใครมาแตะ เวลาใครมาวิพากษ์วิจารณ์ ก็จะไม่พอใจ หรือบางทีก็กลัวว่าเขาจะมาแย่งผลงานของฉันไป มีความหวงแหนในผลงาน แต่สิ่งที่ย่าทำ มันเป็นอุปมาเลยนะ ว่าเมื่อทำสำเร็จแล้วไม่ยึดว่าเป็นของเรา จับหนูได้ก็ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ เวลาเราทำงาน ถ้าเราทำงานแบบนี้บ้าง มันจะไม่เครียด ก็คือว่าสร้างเหตุสร้างปัจจัยให้ดี ส่วนผลสำเร็จจะเกิดขึ้นหรือไม่ หรือเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ไม่ต้องไปวิตก ไม่ต้องไปกังวล ก็เพียงแต่คอย ว่าผลมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่คนเดี๋ยวนี้มีความเครียดมาก เครียดกับผล เครียดกับความสำเร็จ ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทั้งที่มันเป็นเรื่องของอนาคต และก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจที่เราจะควบคุมบังคับบัญชาได้ ไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานอะไรก็ตาม จะเป็นการปลูกต้นไม้ ทำสวน จะเป็นงานที่ใช้ความคิด หรือแม้แต่เป็นการเดินทาง สิ่งที่เราทำได้คือเดินไปเรื่อยๆ ส่วนจะถึงเมื่อไหร่ มันเป็นเรื่องของเหตุปัจจัย แต่ขณะเดินทาง แม้กระทั่งไปเที่ยว หลายคนก็เครียด เมื่อไหร่จะถึงสักทีๆ หลวงพ่อคำเขียนก็ชอบพูดอยู่เสมอว่า ถึงต่อเมื่อมันถึง หรือสำเร็จต่อเมื่อมันสำเร็จ นี่ก็เรียกว่าเป็นการปล่อยวาง
Mon, 07 Nov 2022 - 27min - 621 - 25651028pm--สมดุลที่ชีวิตต้องมี
28 ต.ค. 65 - สมดุลที่ชีวิตต้องมี : ถ้ามีปัญญาเข้าใจเรื่องของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ต้องระดับพระอรหันต์หรอกนะ ถ้าเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของฟ้าดิน อันนี้เป็นภาษาของคนจีนสมัยก่อน เข้าใจว่าเป็นเรื่องของฟ้าดิน มันไม่อยู่ในวิสัยที่เราจะควบคุมอะไรได้ ยอมรับ ปราชญ์จีนหลายคน พอเขายอมรับความจริงได้ เขาก็ไม่ไปต่อสู้กับโชคชะตา ไม่ต่อสู้กับฟ้าดิน ก็กลับมาใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ สมถะ เพราะว่านี่คือสิ่งเดียวที่จะทำได้ เพราะฉะนั้นปัญญาในการเข้าใจความจริงของชีวิตและโลก เป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้เลย เราจะมีแต่ปัญญาในการแก้ปัญหาอย่างเดียวไม่พอ มีปัญญาในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับส่วนรวม หรือแม้กระทั่งกับตัวเอง ไม่พอ มันต้องมีปัญญาในการเข้าใจชีวิตและโลกด้วย ไม่อย่างนั้นความรู้แม้จะมากเพียงใด ความสามารถจะประหนึ่งเทพยดาเพียงใด สุดท้ายก็เอาตัวไม่รอด อย่างที่เขาเรียกว่า ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เพราะว่าเจอความผันผวนปรวนแปร ที่มันทำให้สิ่งต่างๆ ไม่เป็นดั่งใจ หรือสิ่งที่หมายมั่นปั้นมือไม่เป็นไปดั่งใจ คนเราถ้าหากว่าสามารถจะยอมรับว่าโลกและชีวิตนี่มันไม่สามารถจะเป็นไปดั่งใจเราได้ทุกอย่าง ก็จะสามารถทรงใจให้เป็นปกติได้ แล้วก็อยู่ท่ามกลางความผันผวนปรวนแปรได้ และนี่คือดุลยภาพหรือสมดุลที่เราต้องมี ถ้าไม่มีก็เอาตัวรอดได้ยาก
Sun, 06 Nov 2022 - 27min - 620 - 25651027pm--สงบอย่าลืมสติ
27 ต.ค. 65 - สงบอย่าลืมสติ : แต่ถ้ามีสติ มีความรู้สึกตัว มันมีความคิดเกิดขึ้น มันก็ไม่หลงเข้าไปในความคิดง่ายๆ หรือไม่ถลำจมเข้าไปในอารมณ์ง่ายๆ เพราะสติทำให้เห็นความคิด ทำให้รู้ทันความคิด ทำให้เห็นอารมณ์ ไม่ถลำเข้าไปในความคิด ไม่ถลำเข้าไปในอารมณ์ ไม่ใช่ว่าปฏิบัติแล้วมันไม่เกิดความคิด หรือมีความคิดเกิดขึ้นไม่ได้ แต่ถ้าเราไปคิดว่าปฏิบัติแล้วมันต้องไม่ให้มีความคิด แล้วก็ทำอะไรเพื่อให้มันไม่มีความคิด อันนี้อาจจะเรียกว่าตั้งเป้าผิดแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดามากนะ จิตนี่มันง่ายที่จะปรุงความคิด สิ่งสำคัญน่าจะอยู่ที่ว่า ให้เรารู้ทันความคิด อย่างที่หลวงปู่ดุลย์ท่านบอกว่า ความคิดมันเกิดขึ้นได้เสมอ เหมือนกับลมหายใจ เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อดับความคิด เอาแค่ว่าให้รู้ทันเมื่อจิตคิดนึกไป แค่นี้ก็พอ อย่าฝันทั้งๆ ที่ตื่น หมายถึงอย่าหลงคิดไปโดยไม่รู้ตัว อันนี้คือสิ่งที่นักปฏิบัติมักจะมองข้าม หรือไม่ค่อยตระหนักเท่าไหร่ เพราะไปเข้าใจว่า ถ้าเราจะภาวนาให้ได้ผลมันต้องไม่มีความคิด หรือสงบโดยที่ปราศจากความคิด ที่จริงถ้าสงบแล้วปราศจากความคิด แต่ว่ามีสติหรือมีความสึกรู้สึกตัว ก็ยังดีนะ ถ้าเราเอาความรู้สึกตัวเป็นหลัก หรือเอาสติเป็นหลัก แม้มันไม่สงบก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย “สงบก็รู้ว่าสงบ ฟุ้งก็รู้ว่าฟุ้ง” อันนี้ถือว่าดี มันยังดีกว่า “สงบแต่ไม่รู้ว่าสงบ หรือสงบแบบไม่รู้ตัว” สงบแบบไม่รู้ตัวนี่มันแย่กว่าฟุ้งแต่รู้ตัว หรือรู้ทัน ฉะนั้น ให้เรามาให้ความสำคัญกับการรู้สึกตัวหรือการมีสติรู้ทันความคิดดีกว่า มันจะคิดมากหรือคิดน้อยก็ไม่สำคัญ อยู่ที่ว่าให้มีความรู้ตัว เป้าหมายของนักปฏิบัติที่มีประสบการณ์อยู่ตรงนี้แหละนะ ไม่ใช่ให้ดับความคิด แต่ให้มีสติ ให้มีความรู้สึกตัว
Sun, 06 Nov 2022 - 26min - 619 - 25651026pm--เตรียมใจให้พร้อมตาย
26 ต.ค. 65 - เตรียมใจให้พร้อมตาย : ที่เรากลัวตายเพราะมันยังมีความรู้สึกว่ากูจะตายๆ มันมีความสำคัญหมั่นหมายว่ากูที่กำลังจะตาย รู้สึกทรมานมากถ้ามีความสำคัญมั่นหมายแบบนั้น แต่ถ้าหากว่าเจริญสติมีปัญญา จนกระทั่งมันละความหลงผิดว่ามีกู มันก็มีแต่ความตาย แต่ไม่มีผู้ตาย และสุดท้ายแม้แต่ความตายก็ไม่มีด้วย มีแต่การเปลี่ยนสภาพ ความตายจะว่าไปก็เป็นสมมติอย่างหนึ่ง สมมติเวลาชีวิตเราสิ้นสุด เราก็เรียกว่านั่นแหละคือความตาย แต่จริงๆ ชีวิตมันไม่ได้สิ้นสุด มันยังไปต่อ รูปก็ยังคืนสู่ดิน น้ำ ไฟ ลม น้ำก็ยังมีความสืบเนื่องต่อไป มันไม่มีอะไรที่สิ้นสุด มันยังมีความสืบเนื่องต่อไปเรื่อยๆ แม่น้ำเจ้าพระยา เราก็เรียนมาว่ามันสิ้นสุดที่อ่าวไทย แต่จริงๆ แล้ว ที่สิ้นสุดนี่คือชื่อเท่านั้นแหละ เพราะว่าตัวน้ำ มันก็ไม่ได้จบตรงที่อ่าวไทย น้ำก็ยังไหลต่อ เพียงแต่ไหลจากแม่น้ำสู่ทะเล มันยังมีความสืบเนื่องของน้ำ สิ่งที่สิ้นสุดก็คือชื่อนั่นแหละ แต่ว่าน้ำไม่ได้สิ้นสุด มันก็ยังไปต่อ เพราะฉะนั้นเวลาระลึกถึงความตาย เราหมายถึงความสิ้นสุดของชีวิต ที่จริงมันไม่ได้สิ้นสุดหรอก มันไปต่อ มีความสืบเนื่อง ถ้าเราเข้าใจแบบนี้ มันก็ไม่มีแม้กระทั่งความตาย หรืออย่างที่ท่านติชนัทฮันห์บอกว่าเมฆไม่เคยตาย เพราะเมฆแค่เปลี่ยนสภาพกลายเป็นฝน ฝนตกลงมากลายเป็นแม่น้ำลำคลอง เสร็จแล้วมันก็อาจจะเหือดแห้งไป แต่มันไม่ได้ตาย มันแค่เปลี่ยนสภาพ ถ้าเราเข้าใจแบบนี้ มันก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว เพราะมันไม่มีแม้กระทั่งความตาย และผู้ตาย พวกนี้ก็ต้องฝึกเอานะ ต้องฝึกฝน จนกระทั่งสติแก่กล้า ปัญญาแทงทะลุถึงสัจธรรม จึงจะเรียกว่าเมื่อถึงเวลาก็พร้อมตายหรือเต็มใจตาย พวกเราถ้าฝึกมาถึงตรงนี้ได้ คือเต็มใจตาย มันไม่มีความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นเลย"
Sun, 06 Nov 2022 - 28min - 618 - 25651025pm--ใช้กายให้ถูก ดูแลใจให้เป็น
25 ต.ค. 65 - ใช้กายให้ถูก ดูแลใจให้เป็น : ถ้าเรามีสติเห็น ก็จะเห็นเลยนะ กายทำอะไรมันก็เป็นรูปที่ทำ ไม่ใช่เราทำ กายเดินไม่ใช่เราเดิน ใจมันคิด ไม่ใช่เราคิด ความคิดก็ไม่ใช่เรา ความโกรธก็ไม่ใช่เรา ถ้าเรามีสติเลย กายไม่ใช่เรา ใจไม่ใช่เรา ตรงนี้แหละคือความจริงของกายและใจ ที่เราควรจะรู้จัก แล้วมันจะช่วยทำให้เราเกี่ยวข้องกับกายและใจได้อย่างถูกต้อง ไม่ตกเป็นทาสของกายและใจ หรือว่าไม่ตกเป็นทุกข์ ไม่ถูกบีบคั้นด้วยความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับกายและใจ คือกายทุกข์ มันไม่ใช่เราทุกข์ เช่นเดียวกันใจทุกข์ ก็ไม่ใช่เราทุกข์ ความโกรธเกิดขึ้น ก็ไม่ใช่เราโกรธ อันนี้คือการปฏิบัติธรรมในขั้นที่ลึกลงไป หรือขั้นที่สูงขึ้นไป รู้กายรู้ใจ รวมทั้งรู้ถึงความจริงของกายและใจ มันไม่ใช่เพียงแค่ว่าใช้กายและใจให้ถูกต้องอย่างเดียว มันไม่ใช่แค่ดูแลกายและใจให้ดี ทั้งหมดนี้มันต้องทำควบคู่กับการที่รู้กายรู้ใจด้วย จนเห็นความจริงของกายและใจ จึงจะใช้กายและใจอย่างถูกต้อง จึงจะเรียกว่าดูแลกายและใจอย่างเหมาะสม การปฏิบัติธรรมหลักๆ ก็มีเท่านี้แหละ ที่เหลือก็เป็นการขยายความ เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้ง หรือการรู้กายและใจที่ลึกซึ้ง จนกระทั่งไม่ติดยึดในกายและใจนี้ แล้วก็สามารถที่จะเป็นอิสระจากความทุกข์ที่เกิดกับกายและใจได้
Sun, 06 Nov 2022 - 30min - 617 - 25651024pm--ฝึกสติไม่ใช่เรื่องยาก
24 ส.ค. 65 - ฝึกสติไม่ใช่เรื่องยาก : หน้าที่ของเราคือรู้ทันมัน อย่าทำผิดหน้าที ที่จริงหน้าที่ของเราคือเปิดโอกาสให้ตัวรู้มันทำงาน ให้สติมันทำงาน เปิดโอกาสให้เขาได้ทำงาน ซึ่งใหม่ๆ ก็เชื่องช้า แต่ว่าเราต้องให้โอกาสเขา ถ้าเขาทำบ่อยๆ ทำบ่อยๆ เขาจะทำได้เร็วขึ้น ถ้าเราวางใจแบบนี้ มันจะทำให้การปฏิบัติเป็นเรื่องง่าย มันจะง่ายกว่าสิ่งที่เราพาตัวเองมาถึงนี่ มันไม่ได้ยากกว่าเลยนะ การปฏิบัติจริงๆ มันไม่ได้ยากกว่าการพาตัวเองมาถึงนี่ ถ้าเราปฏิบัติถูกมันง่าย หลวงพ่อเทียนถึงกับบอกว่าให้ทำเล่นๆ ทำเล่นๆ จะมีอะไรที่ง่ายกว่าการทำเล่นๆ อย่าไปหวังผล อย่าไปเน้นคุณภาพ ใหม่ๆ ก็ต้องเน้นปริมาณก่อน แล้วที่เหลือสติมันทำงานเอง ความรู้สึกตัวมันทำงานเอง ถ้าเราวางใจแบบนี้ได้ การปฏิบัติมันจะกลายเป็นเรื่องง่าย สิ่งที่ยากก็คงมีแต่ว่าพยายามเคี่ยวเข็ญตัวเองให้มันเดินบ่อยๆ เดินทั้งวัน หรือว่าปฏิบัติยกมือสลับกับเดินทั้งวัน ตรงนี้มันยาก ที่เหลือเรื่องการวางใจกลายเป็นเรื่องง่าย จะไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่เราเข้าใจ
Wed, 02 Nov 2022 - 29min - 616 - 25651015pm--สุขเปี่ยมจิตเมื่อเป็นมิตรกับตัวเอง
15 ต.ค. 65 - สุขเปี่ยมจิตเมื่อเป็นมิตรกับตัวเอง : แต่ถ้าคนเราสามารถเข้าถึงความสุขภายใน ไม่ต้องมีทรัพย์มาก แต่ให้มีความรู้สึกตัว มีสติ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะอยู่ได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องพรั่งพร้อมด้วยวัตถุสิ่งเสพ ไม่ต้องมีบริษัทบริวารเยอะก็สามารถที่จะอยู่คนเดียวได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องถึงกับบรรลุธรรมอย่างพระภัททิยะก็ได้ แต่ถ้าหากว่าเรารู้จักเข้าถึงความสุขภายใน เริ่มต้นจากการมีความรู้สึกตัว การรักตัวเอง การอยู่กับตัวเองได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก แล้วพออยู่กับตัวเองได้ มันก็ไม่ต้องไปดิ้นรนหาความสุขอะไรต่างๆ มาปรนเปรอ ในทางตรงข้ามถ้าไม่พบตัวเอง ไม่รู้จักความรู้สึกตัวแล้ว แม้จะได้ทุกอย่างที่ต้องการที่ใฝ่ฝัน มีชื่อเสียง มีเงินทอง มีอำนาจ แต่ข้างในกลับว่างเปล่า เคว้งคว้าง ทำให้ต้องดิ้นรนแสวงหา แต่ยิ่งดิ้นรนแสวงหามากเท่าไหร่ก็ไม่พบ
Wed, 02 Nov 2022 - 39min - 615 - 25651015pm--มีตนเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง
15 ต.ค. 65 - มีตนเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง : เมื่อพระพุทธเจ้าใกล้จะปรินิพพาน พระพุทธเจ้าก็ตรัสกับพระอานนท์ เมื่อได้ทราบว่ามีพระสงฆ์จำนวนมาก เศร้าโศกเสียใจที่พระพุทธองค์จะปรินิพพาน พระองค์ก็ตรัสว่า “ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจะหวังอะไรจากพระองค์อีก เพราะพระองค์แสดงธรรมจนหมดสิ้นแล้ว ไม่มีนอกไม่มีใน ฉะนั้นอย่าหวังอะไรจากพระองค์อีกเลย ถ้าจะหวังพึ่งก็หวังพึ่งตนเอง” แล้วพระองค์ก็ตรัสว่า “จงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง” เกาะในที่นี้หมายถึงว่าที่ๆ น้ำท่วมไม่ถึง ก็หมายถึงกิเลสหรือความทุกข์ท่วมไม่ถึง แผ้วพานไม่ถูก จงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง และพระองค์ก็ตรัสว่าให้มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง อย่าหวังพึ่งสิ่งใดเลย อันนี้ก็เป็นข้อคิดที่ชาวพุทธทั้งหลายก็ควรจะระลึกไว้ว่า เมื่อเรามาได้มีโอกาสมารู้จักพุทธศาสนา ได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรม เราต้องทำตนให้เป็นเกาะ หรือมีธรรมะเป็นที่พึ่งให้ได้ เปรียบเหมือนกับว่ามีเครื่องรักษาจิตที่มั่นคงแน่นหนา ถึงตอนนั้นไม่ว่าฝนจะกระหน่ำอย่างไร หรือเปรียบเหมือนกับทุกข์ภัย ที่ไม่ว่าจะมาอย่างไร ก็ไม่ทำให้จิตใจเป็นทุกข์ หรือว่าสั่นสะเทือนได้ อันนี้แหละคือความหมายของการมีตนเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่เรียกร้องวิงวอนว่าขออย่าได้เกิดอันตรายกับเรา เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่สกัดกั้นไม่ได้ แต่ว่าหน้าที่ของเราคือรักษาใจของเรา ให้มีธรรมะเป็นเครื่องรักษา
Wed, 02 Nov 2022 - 28min - 614 - 25651014pm--น้อมธรรมนำชีวิต
14 ต.ค. 65 - น้อมธรรมนำชีวิต : ถ้าเราไม่ลืมธรรมะ ธรรมะก็จะไม่ทิ้งเราในยามที่ชีวิตมันพลิกผัน สุขมันกลายเป็นทุกข์ ต้องนอนติดเตียงหรือต้องสูญเสียคนรัก พลัดพรากจากสิ่งที่เคยมี สิ่งที่เคยให้ความสุขกับเรา ธรรมะจะไม่ทิ้งเรา ธรรมะจะช่วยกอบกู้จิตใจของเราให้ออกจากทุกข์ได้ ต้องนึกถึงธรรมะเอาไว้ในยามสุขเอาไว้นะ ในยามที่ประสบความสำเร็จ ในยามที่ชีวิตอยู่ในช่วงขาขึ้นไม่ว่าในทางสุขภาพ ในทางการงาน พูดง่ายๆว่าในทางโลก ใจไม่ทิ้งธรรม นึกถึงธรรมแล้วก็ปฏิบัติธรรมเอาไว้ แล้วในยามทุกข์ ธรรมะก็จะพาเรา อาจจะออกจากทุกข์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่ทำให้เราอยู่กับทุกข์ได้โดยใจไม่ทุกข์
Wed, 02 Nov 2022 - 27min - 613 - 25651010pm--เจริญในธรรมเพราะยอมให้ว่ากล่าว
10 ต.ค. 65 - เจริญในธรรมเพราะยอมให้ว่ากล่าว : อย่างที่บอกการที่คนเราจะน้อมรับคำวิจารณ์ หรือคำว่ากล่าวตักเตือนได้ ต้องมีคุณธรรมหลายอย่าง หรือมีหลักคิดหลายประการ ซึ่งในแง่หนึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ชี้วัดถึงความก้าวหน้าของการปฏิบัติ แต่มองในแง่หนึ่งถ้ามีตรงนี้ หรือถ้าหากว่าสามารถน้อมรับคำว่ากล่าวตักเตือนได้ด้วยใจที่ปกติ และก็รู้จักเอาไปปรับปรุงแก้ไขตัวเอง การที่คนเราจะก้าวหน้าในทางธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปมันก็จะมี จะว่าไปแล้วมันก็เป็นตัวชี้วัดเลยว่าคนเราจะก้าวหน้าในทางธรรมได้หรือไม่ ก็ดูตรงนี้แหละ ดูตรงที่ว่าเมื่อถูกว่ากล่าวตักเตือนแล้วทำอย่างไร ถ้าโกรธโมโห การที่จะก้าวหน้าไปยิ่งกว่านั้นมันก็ยาก
Sun, 30 Oct 2022 - 33min - 612 - 25651009pm--สอนตนจนพ้นทุกข์
9 ต.ค. 65 - สอนตนจนพ้นทุกข์ : อย่างในสมัยพุทธกาลก็มีพระรูปหนึ่ง ท่านเดินผ่านบ้านของคหบดีคนหนึ่ง แล้วก็นางทาสีก็กำลังร้องเพลง เป็นเพลงที่เกี่ยวกับความผิดหวัง ผิดหวังในความรัก ความรักมันแปรเปลี่ยนไป แล้วก็โยงไปถึงว่าความไม่เที่ยงของชีวิต ชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่แน่นอน มีรักก็มีเลิก ท่านพิจารณาท่านก็เห็นชัดเลย อนิจจัง ปรากฏว่าเกิดปัญญาเลย เกิดปัญญาเข้าใจพระไตรลักษณ์ จิตหลุดพ้นเลย เป็นพระอรหันต์เลย เป็นพระอรหันต์เพราะได้ยินเสียงร้องเพลงของนาทาสี ครูบาอาจารย์สอนแต่ว่าท่านฟังแล้วไม่บรรลุธรรม แต่พอนางทาสีร้องเพลง เป็นเพลงเกี่ยวกับความรัก ความผิดหวังในความรัก แต่ท่านฟังแล้วเอามาสอนใจตัวเอง บรรลุธรรมเลย เป็นพระอรหันต์ แล้วก็มีเรื่องเล่าในประเทศจีนว่าพระหนุ่มเดินผ่านโรงเตี๊ยม ตอนนั้นก็กลางคืน ก็กำลังมีการร้องเพลงเกี้ยวพาราสี ตอบโต้กันภายในโรงเตี๊ยม แล้วก็มีตอนหนึ่งที่ผู้หญิงก็พูดขึ้นมาว่า ถ้าเธอไม่มีใจให้ฉัน ก็ขาดกัน พระหนุ่มนี่ได้ยินพอดี ท่านบรรลุธรรมเลย เพราะว่าท่านเห็นเลยว่า เมื่อมีความผูกพันยึดติดถือมั่น มันก็มีแต่ทุกข์ แต่ถ้าหากว่าละทิ้งหรือตัดความยึดติดถือมั่นได้ ทุกข์ก็ดับไป ผู้หญิงนี่ไม่ได้ร้องในความหมายนั้นเลย อาจจะเป็นการตัดพ้อ ว่าถ้าเธอไม่มีใจให้ฉันก็เลิกกัน แต่ว่าพระหนุ่มฟังแล้วนี่กำลังสอนสัจธรรมเลยว่า ถ้าไม่ยึดมั่นถือมั่นเมื่อไหร่ หรือถ้าหากว่าตัดความผูกพันกันเมื่อไหร่ ตัดความผูกพันในสิ่งใดเมื่อไหร่ มันก็หมดทุกข์ทันทีเลย บรรลุธรรมเลยนะ แล้วก็ถึงกับกราบเลย กราบผู้ที่ร้องเพลงนี่ ที่หน้าโรงเตี๊ยมเลย เพราะว่ากำลังสอนธรรม อันนี้ก็เป็นตัวอย่างของคนที่รู้จักเรียนรู้จากทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามา ไม่ว่าผ่านเข้ามาทางตา ทางหู หรือผ่านเข้ามาในชีวิต ก็สามารถที่จะหยิบมาเพื่อเตือนตน หรือเพื่อทำให้เกิดปัญญา เข้าใจในความจริงของชีวิต หรือเกิดความเพียรในการปฏิบัติ ฉะนั้นเราต้องรู้จักเปิดโอกาสให้สิ่งต่างๆ สอนเรา หรือรู้จักเรียนรู้จากสิ่งต่างๆ เพื่อช่วยในการเตือนตนให้ตั้งมั่นอยู่ในธรรม และเพื่อให้การปฏิบัติของเราได้เจริญงอกงาม ถึงพร้อมด้วยจริยธรรมคือความดี หรือว่าแจ่มแจ้งในสัจธรรมคือความจริง อันนี้คือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด จนกว่าจะพ้นทุกข์ หรือจนกว่าจะเข้าใจแจ่มแจ้งในความจริงของชีวิต จนเป็นอิสระจากความทุกข์ทั้งมวล
Sun, 30 Oct 2022 - 27min - 611 - 25651008pm--วิชาที่ต้องเรียน
8 ต.ค. 65 - วิชาที่ต้องเรียน : เราก็ควรจะมีความฉลาดในการเรียนรู้แบบนี้บ้าง ก็คือว่าเรียนรู้จากทุกประสบการณ์ โดยเฉพาะอนิฏฐารมณ์ คือเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา ที่ไม่เป็นไปดั่งใจ รวมทั้งถือเอาคนที่เขาทำตัวหรือพูดไม่ถูกหูเรา เอามาเป็นครูสอนเรา ให้เราได้รู้จักตัวเอง หรือเอามาเป็นครูที่สอนให้เรารู้ว่ามีอะไรที่เราจะต้องฝึกฝนให้ดีขึ้นไปกว่านี้ เพราะอย่าลืมว่าวิชาชีวิตนี่ คือสิ่งที่เป็นวิชาที่เราต้องเรียนไปจนตาย ตราบใดที่เรายังไม่ได้บรรลุอรหัตผล เพราะถ้าเราไม่เรียนรู้วิชาชีวิต เมื่อเจอความผันผวนแปรปรวน เราก็จะเอาตัวไม่รอด ฉะนั้นถ้าเราอยากจะเอาตัวให้รอด และสามารถที่จะฟันฝ่าความทุกข์ได้ วิชาชีวิตคือวิชาหนึ่งที่เราต้องเรียน หรือเรียกว่าเป็นวิชาเดียวก็ได้ที่เราต้องรู้
Sun, 30 Oct 2022 - 27min - 610 - 25651007pm--มองตนจนว่างจากกู
7 ต.ค. 65 - มองตนจนว่างจากกู : การที่เราทำอะไรด้วยสติ ก็จะเห็นเลยว่ามันไม่ใช่เราที่ทำ แต่เป็นรูปที่ทำหรือเป็นกายที่ทำ เวลาเดินจงกรมก็ไม่ใช่เราเดิน แต่เป็นรูปที่เดินหรือเป็นกายที่เดิน มันไม่ยึดว่าเป็นเราเดิน เวลาคิดก็เห็นว่ามันมีความคิดเกิดขึ้น ไม่ใช่เราคิด เวลาปวดก็เป็นความปวดที่เกิดขึ้นกับกายแต่ไม่ใช่เราปวด คือไม่มีผู้ปวด พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ มันมีความทุกข์แต่ไม่มีผู้ทุกข์ นอกจากเกิดความสงบ เกิดการวางจากทุกข์แล้ว ก็ยังทำให้เกิดปัญญาที่เห็นความจริงด้วย ในมหาสติปัฏฐานสูตร ท่านก็แนะนำการปฏิบัติว่า ให้เห็นกายในกาย เห็นจิตในจิต เห็นเวทนาในเวทนา ความหมายหนึ่งก็คือ เห็นกายว่าเป็นกาย-ไม่ใช่เรา เห็นเวทนาว่าเป็นเวทนา-ไม่ใช่เรา เห็นจิตหรือารมณ์ความคิดว่าเป็นจิต-ไม่ใช่เรา มันคือการเห็นความจริงนั่นเอง เป็นเพราะเราหลง เป็นเพราะเราไม่มีสติ เราก็เลยหลงไม่เห็นความจริง ไปมองว่ากายคือเรา ไปมองว่าเวทนาคือเรา ไปมองว่าจิตคือเรา แต่ที่จริงแล้วสติทำให้เราเห็นความจริงที่ซื่อตรงๆ เลยว่า เห็นกายว่าเป็นกาย-ไม่ใช่เรา เห็นเวทนาว่าเป็นเวทนา-ไม่ใช่เรา เห็นจิตว่าเป็นจิต-ไม่ใช่เรา มันเป็นความจริงที่ซื่อตรงมาก แล้วก็ช่วยทำให้ความทุกข์ลดลง เวลาปวดมันก็ปวดแต่กาย ใจไม่ได้ปวดด้วย เวลาโกรธ พอเห็นความโกรธเข้า นอกจากความโกรธจะดับแล้ว ไอ้ตอนที่มันยังไม่ดับก็เห็นว่าโกรธนี่ไม่ใช่เรา ถ้าเราโกรธนี่มันทุกข์นะ เหมือนกับว่าเราไปอยู่กลางกองไฟ แต่ถ้าเราเห็นความโกรธก็เหมือนกับว่าถอยออกมาจากกองไฟ กองไฟยังมีอยู่นะ แต่เราไม่ค่อยทุกข์แล้ว เพราะมีระยะห่างระหว่างกองไฟกับเรา อันนี้คือภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อเห็น ไม่เข้าไปเป็น มันทำให้ใจสงบ แล้วทำให้สว่างเห็นความจริงว่ามันไม่มีเรา
Sun, 30 Oct 2022 - 26min - 609 - 25651006pm--เปิดโอกาสให้สติทำงาน
6 ต.ค. 65 - เปิดโอกาสให้สติทำงาน : สติของเราก็มีความสามารถในการจำ เพราะมันเป็นหน้าที่ของสติอยู่แล้ว และสิ่งที่เราอยากให้สติจำได้คือ ความโกรธเป็นอย่างไร ความหงุดหงิดเป็นอย่างไร ความดีใจเป็นอย่างไร ความรู้สึกตัวเป็นอย่างไร พอมันไม่รู้สึกตัวเพราะความหลง สติจะจำได้ แล้วความรู้ทันก็จะเกิดขึ้น เมื่อรู้ทันความหลง ความหลงหายไป ความรู้สึกตัวก็มาแทน ทั้งหมดนี้ก็มาสรุปตรงที่ว่า ให้ทำบ่อยๆ ทำซ้ำๆ ทำเรื่อยๆ โดยที่เราไม่ไปทำแทนสติ แต่เราให้สติทำงาน แล้วต่อไปเราจะสบาย เหมือนกับเวลามีน้ำสกปรกน้ำเน่าขัง เราไม่ต้องไปขุดหรือไปวิดน้ำให้เหนื่อยเสียเวลา เราปล่อยน้ำดีเข้าไป น้ำดีมันก็ไปไล่น้ำเสียเอง ฉันใดก็ฉันนั้น เวลามีความหลงมีความทุกข์ เราไม่ต้องไปทำอะไรกับความหลงความทุกข์นั้นหรอก ปล่อยให้สติทำงาน สติก็จะไปจัดการกับความหลงความทุกข์นั้นเอง มันทำได้ถ้าเราเปิดโอกาสให้มันทำบ่อย ๆ
Sat, 22 Oct 2022 - 26min - 608 - 25651005pm--ความคิดมีไว้ให้เรารู้ทัน
5 ต.ค. 65 - ความคิดมีไว้ให้เรารู้ทัน : หลวงพ่อเทียนท่านเน้นเสมอว่าอย่าไปห้ามความคิด ท่านบอกว่ายิ่งคิดก็ยิ่งรู้ ปล่อยให้มันคิดไป พอคิดหรือหลงคิด มันก็เป็นแบบฝึกหัดให้สติรู้ทัน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ ใหม่ๆมันรู้ได้แค่ 10% แต่ต่อไปมันก็จะรู้ 20% แล้วก็รู้ 30% มันจะรู้ได้มากขึ้นเรื่อยๆเพราะว่ายอมให้หลง หรือว่ายอมเผลอ ยอมให้มีความคิดต่างๆเกิดขึ้น ครูบาอาจารย์ บอกว่าอย่าไปส่งจิตออกนอก อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ควรทำแต่ก็พึงระลึกว่าเราไม่สามารถบังคับจิตไม่ให้ส่งออกนอกได้ แต่ถ้ามันส่งไปเมื่อไหร่ก็ให้มีสติรู้ทัน ใหม่ๆ มันจะรู้ทันช้า เราก็ต้องอดทน แล้วก็ต้องรู้จักคอย ทำไปเรื่อยๆมันก็จะรู้ทันได้ไวขึ้น สัมมาสติก็จะทำงานได้ไวขึ้น สัมมาสติก็จะทำได้เร็วขึ้น เพราะฉะนั้นเราต้องเตือนใจตัวเองว่าเรายอม อนุญาตให้ทุกความคิดมันเกิดขึ้นได้ เพราะว่าเราไม่สามารถบังคับให้มีแต่ความคิดที่ต้องการหรืออารมณ์ที่พึงปรารถนา แล้วจริงๆมันก็เป็นธรรมชาติของจิตที่จะคิดสารพัด นั่นเป็นหน้าที่ของมัน แต่หน้าที่ของเราคือรู้ทันมัน เหมือนกับเราดูถนน แล้วก็มีรถผ่านไปผ่านมา หน้าที่ของเราคือดูรถที่ผ่านไปผ่านมา แต่ว่าไม่ใช่ไปห้ามรถ ให้มันหยุดก็ไม่ใช่ หรือว่าเห็นรถคันไหนดี ก็ขึ้นรถไปเลยก็ไม่ใช่ รถนี่ก็คือความคิดนั่นแหละ ไม่ต้องไปห้ามมัน แต่ก็ไม่ใช่ไปตามมัน ก็แค่ดูมัน เห็นมันมาเห็นมันไป บางทีก็ไม่มีรถเลย บางทีก็มีรถแล่นเป็นสาย ก็แค่ดูมัน และถ้าเราดูมันเห็นมันบ่อยๆ ต่อไปมันก็จะรู้ทันได้ไว แล้วก็ไม่หลงตกเป็นทาสของความคิดรวมทั้งอารมณ์ที่เกิดขึ้น
Sat, 22 Oct 2022 - 25min - 607 - 25651004pm--เติมสติให้ใจ
4 ต.ค. 65 - เติมสติให้ใจ : แล้วพอเราสติของเราไว มันก็ทำให้เรารู้กายได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ต่อเนื่อง และพอรู้กายได้ดี ต่อไปมันจะรู้ใจ เวลาคิดนึกอะไรมันก็จะรู้ได้ไว แต่ว่าใหม่ๆ อย่าเพิ่งไปสนใจว่าเราจะรู้ทันความคิดหรือเปล่า อย่าเพิ่งไปสนใจ เพราะถ้าไปสนใจเราจะอดไม่ได้ที่จะไปดักจ้องความคิด พอเราไปดักจ้องความคิด เราก็หลงเข้าไปในความคิดเลย เพราะความคิดนี่มันมีแรงดึงดูด หรือมีอุบายที่จะดูดใจของเราให้หลงเข้าไป จากเรื่องนั้นไปเรื่องนี้ จากเรื่องนี้ไปเรื่องนั้น 10 เรื่องกว่าจะมารู้ตัวว่าถูกความคิดมันหลอก ความคิดแบบนี้เราเรียกว่าลักคิด หลวงพ่อคำเขียนเรียกว่าลักคิด เหมือนลักพาจิตของเราไปเลย เพราะว่าจิตของเราสติยังอ่อน แต่พอสติของเราไวขึ้นๆ มันจะมีกำลัง แล้วมันก็จะรู้ทัน ไม่ปล่อยให้ความคิดมันหลอกลวง หรือลักพาจิตของเราไป มันจะกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวได้ไวขึ้น
Sat, 22 Oct 2022 - 27min - 606 - 25651003pm--สงบดีแต่อย่าติด
3 ต.ค. 65 - สงบดีแต่อย่าติด : แม้ความสงบเป็นของดี มันช่วยทำให้เราไม่ติดสุขที่หยาบๆ เป็นอิสระจากกามสุข แต่ความสงบนี่ ติดเมื่อไหร่ก็เป็นทุกข์เมื่อนั้น ของดีถ้าหากว่าเรายึดมันเมื่อไหร่ ดีมันก็กลายเป็นเสียไปเลย ความคิดที่ถูก ถ้ายึดเข้าไว้ ก็กลายเป็นความคิดที่ผิดไปเลย อย่างที่หลวงพ่อเฟื่อง โชติโกท่านบอก ความเห็นของเราแม้จะถูก แต่ถ้ายึดเข้าไว้มันก็ผิด คนไม่ค่อยเข้าใจนะ สิ่งดีๆ ถ้าปฏิบัติไม่ถูก มันกลายเป็นโทษไปเลย อันนี้เขาเรียกว่าทำผิดในสิ่งที่ถูก สิ่งที่ถูกถ้าไปปฏิบัติไม่ถูก ก็กลายเป็นผิดไปเลย ต้องระวังทำผิดในสิ่งที่ถูก ก็คือยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ดี แม้ความสงบจะเป็นสิ่งที่ดี ช่วยทำให้เป็นอิสระจากกามสุข สุขที่หยาบได้ แต่พอไปยึดเข้าไว้ มันก็ผิดไปเลย เพราะมันสามารถจะทำให้เกิดทุกข์ได้
Sat, 22 Oct 2022 - 27min - 605 - 25650930pm--มีสุขแต่ไม่ติดสุข
30 ก.ย. 65 - มีสุขแต่ไม่ติดสุข : ความสุขเป็นสิ่งที่ผู้คนปรารถนา ตรงข้ามกับความทุกข์ซึ่งไม่มีใครต้องการ ในเมื่อความทุกข์เป็นสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ เราจึงควรเกี่ยวข้องกับมันอย่างถูกต้อง หาไม่แล้วเราก็จะลงเอยด้วยการซ้ำเติมตนเอง อันที่จริงแม้กระทั่งความสุข เราก็ควรปฏิบัติให้ถูกต้องด้วย หาไม่ความสุขก็จะกลายเป็นโทษ ใช่หรือไม่ว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับผู้คนทั้งหลายล้วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขมาก่อน ตรงกันข้ามกับความเข้าใจของหลายคน พระพุทธองค์ไม่ได้สอนให้ปฏิเสธความสุข แท้จริงทรงแนะนำว่าเราไม่ควรละทิ้งความสุขที่ชอบธรรม แต่ก็อย่าหลงใหลมัวเมาหรือยึดติดความสุขเหล่านั้น ทั้งนี้เพราะมันไม่เที่ยง ไม่จิรังยั่งยืน ส่วนความทุกข์ ในเมื่อเราไม่ชอบ ก็อย่าเอาทุกข์มาทับถมตน แทนที่จะจมอยู่ในความทุกข์หรือ “เป็น”ทุกข์ ก็ควรรู้จักมันหรือ “เห็น”มัน ด้วยการวางใจอย่างถูกต้อง ความสุขหรือความทุกข์ย่อมไม่อาจครอบงำจิตใจเราจนเรากลายเป็นทาสของมัน
Mon, 17 Oct 2022 - 25min - 604 - 25650928pm--แก้ที่ตนก่อนเปลี่ยนคนอื่น
28 ก.ย. 65 - แก้ที่ตนก่อนเปลี่ยนคนอื่น : เป็นเพราะลืมมองตน ผู้คนจึงมักสร้างปัญหาหรือมีส่วนทำให้ปัญหาลุกลามขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเมื่อใดที่คิดจะแก้ปัญหา ควรหันมาสำรวจตนเองก่อนที่จะเรียกร้องหรือจัดการคนอื่น แม้แต่การช่วยคนอื่นก็เช่นกัน เพียงแค่ดูแลตนเองให้ดีก็สามารถช่วยคนอื่นได้มาก
Mon, 17 Oct 2022 - 27min - 603 - 25650927pm--รู้ทันจิต อย่าให้ความคิดหลอก
27 ก.ย. 65 - รู้ทันจิต อย่าให้ความคิดหลอก : การที่เรามาเจริญสติ เป็นการฝึกให้เราได้มาหันมาดูใจของเรา หันมาสำรวจความรู้สึกนึกคิดของเรา แล้วก็เห็นมันอย่างที่มันเป็น เริ่มต้นจากการเห็นอย่างที่มันเป็นก่อน แม้ว่าสิ่งที่เห็นมันจะเป็นเรื่องภายใน แต่เมื่อเราเริ่มที่จะเห็นความรู้สึกนึกคิดอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่อยากเห็น การที่เราจะเห็นโลกตามความเป็นจริงในระดับหนึ่ง มันก็เป็นไปได้ การเห็นความรู้สึกนึกคิดตามความเป็นจริง ก็คือการดูมันโดยไม่วิพากษ์วิจารณ์ อย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านใช้คำว่ารู้ซื่อๆ รู้ซื่อๆ ก็คือแค่รู้โดยที่ไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ไปตัดสินว่าดี ไม่ดี อารมณ์บางอย่างเราเคยคิดว่ามันไม่ดี แล้วพอมันเกิดขึ้นก็พยายามจะกำจัดมัน เช่น ความโกรธ ความกลัว ความเศร้า ความเกลียด ความอิจฉา มันไม่ดี ต้องกำจัดมัน ต้องข่มมัน อันนั้นก็อาจจะมีประโยชน์ในระดับหนึ่ง แต่ว่าสิ่งที่เราควรทำขั้นต่อไป ก็คือรู้เท่าทันมัน และก็เห็นมันอย่างที่มันเป็น เรียกว่าเห็นโดยที่ไม่ตัดสินว่าดีหรือไม่ดี การที่เราเห็นมันอย่างที่มันเป็น หรือการที่เรารู้ซื่อๆ มันเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้ใจเราไม่ถูกอารมณ์พวกนี้ครอบงำ เพราะยิ่งเราผลักไสมัน เราก็ยิ่งเข้าไปยึดติด ยิ่งผลักไส ยิ่งกดข่ม ก็ยิ่งเป็นการเสริมพลังให้กับมัน เป็นการต่ออายุให้กับมัน หรือว่าเข้าทางมัน ยิ่งไม่ชอบก็ยิ่งต้องแค่วางใจเป็นกลาง แล้วก็ดูมัน เห็นมันเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปๆ แต่ใหม่ๆ อาจยังไม่เห็นขนาดนั้น แต่ว่าก็เห็นแล้วไม่เข้าไปเป็น เห็นแล้วไม่เข้าไปเป็น ทำบ่อยๆ เข้า ก็จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรา มันไม่ใช่ของเรา
Mon, 17 Oct 2022 - 26min - 602 - 25650926pm--ทำความดี เห็นความจริง
26 ก.ย. 65 - ทำความดี เห็นความจริง : ตอนที่ยังเริ่มมาสนใจพุทธศาสนาใหม่ๆ ท่านก็สอนว่าให้รู้จักคิดดี อย่าคิดร้ายคิดชั่ว แต่พอมาภาวนา ยอมรับหรืออนุญาตให้ความคิดชั่วมันเกิดขึ้นได้ แต่ว่าไม่เข้าไปยึดมัน อย่างที่หลวงพ่อคำเขียนท่านว่า คิดดีก็ช่าง คิดไม่ดีก็ช่าง อย่าไปสนใจ ก็แค่ดูมัน เห็นมัน มันจะมีความอิจฉา มันจะมีเสียงด่าพ่อแม่ จ้วงจาบครูบาอาจารย์ ก็แค่เห็นมัน ดูมัน ตอนที่ยังไม่ปฏิบัติ ก็ทนไม่ได้กับความคิดแบบนี้ เพราะมันเป็นความคิดที่ไม่ดี แต่พอเรามาปฏิบัติ เราเริ่มที่จะเห็นว่ามันเป็นธรรมดา ที่จะมีความคิดแบบนั้นในหัว เพราะว่าจิตของเรามันก็เหมือนกับเรือนว่าง เรือนว่างริมถนน ที่จะมีใครมาใช้มาพักก็ได้ คนดีมาพักก็ได้ คนชั่วมาพักก็ได้ ผู้ร้ายมาพักก็ได้ ใจเราก็เป็นอย่างนั้นแหละ หน้าที่ของเราก็คือดูมัน แล้วก็เห็นมัน แต่ว่าไม่เข้าไปยึด แล้วก็ไม่ทำตามมัน ต่อไปจะเห็นว่าที่คิดนี่ไม่ใช่เรา ความคิดมันเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่เราคิด คิดดีก็ไม่ใช่เรา คิดชั่วก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา แล้วจะไปทุกข์ร้อนทำไม ต่อไปก็จะเห็นอารมณ์นี่ก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ความโกรธก็ไม่ใช่เรา เห็นความโกรธจึงไม่มีผู้โกรธ เห็นความเครียดจึงไม่มีผู้เครียด มันเริ่มที่จะเห็นความจริง แล้วก็เริ่มที่จะปล่อยเริ่มที่จะวาง และต่อไปก็จะเห็นความจริงของรูปของนาม ของกายและใจ เห็นไปเรื่อยจนกระทั่งเห็นว่ามันไม่มีเรา มีแต่รูปกับนาม หรือมีแต่ขันธ์ 5 ที่มารวมกันเป็นกองสังขาร และเราก็จะเกิดความรู้รอบในกองสังขารขึ้นมา ว่ามันไม่ใช่เรา เรานี่เป็นสมมุติ นาย ก. นาย ข. สัตว์ บุคคล นี่เป็นสมมุติ แต่ว่าถ้ามองให้เห็นอย่างลึกซึ้ง ก็จะพบว่ามันไม่มีเรา มีแต่ขันธ์ 5 หรือกองสังขาร ความยึดในตัวเราในของเราก็ไม่มี เพราะฉะนั้นความทุกข์เพราะเรา ทุกข์เพราะของเรา ก็หมดไป สรุปก็คือว่าอย่ามัวแต่ทำความดีอย่างเดียว ให้ฝึกจิตให้เข้าถึงความจริงด้วย เห็นความจริงจนกระทั่งรู้ว่าไม่มีอะไรที่ยึดมั่นถือมั่นได้ รู้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นเราเป็นของเรา
Mon, 17 Oct 2022 - 23min - 601 - 25650925pm--ขัดใจให้งดงาม
25 ก.ย. 65 - ขัดใจให้งดงาม : การฝึกด้วยการทำให้เกิดความผิดหวัง ทำให้เกิดการขัดใจ เพราะว่าจิตใจคนเราถ้ามันถูกขัดเมื่อไหร่ มันก็มีโอกาสที่จะงดงามได้ ที่จริงเราไม่ต้องรอให้ครูบาอาจารย์มาขัดใจเรา หรือมาก่อกวนเพื่อทำให้เราเกิดการเรียนรู้ ที่จริงสิ่งที่ขัดใจเรามันมีตลอดเวลา มันมีอยู่ทุกวัน ไม่ใช่แต่ครูบาอาจารย์ อาจจากสิ่งแวดล้อม อาจจะเป็นดินฟ้าอากาศ แล้วก็จากผู้คนรอบข้าง คนในวัด คนในบ้าน คนใกล้ตัว ส่วนใหญ่พอเจอใครขัดใจนี่เราจะไม่ชอบ เกิดความโกรธ เกิดความโมโห แบบนี้เรียกว่าขาดทุน ถ้าเป็นนักปฏิบัติธรรมก็เรียกว่าสอบตก แต่ถ้ามองว่าเขามาช่วยขัดใจเราให้สะอาด เขามาช่วยเป็นแบบฝึกหัดให้เรามีสติรู้ทัน หรือช่วยลบเหลี่ยมลบมุมให้จิตใจเราประณีตงดงาม ถ้าเราคิดแบบนี้ก็แปลว่าคนที่อยู่รอบข้างเรา คนที่ขัดใจเรา เขาก็เป็นครูบาอาจารย์เราได้เหมือนกัน ไม่ต้องรอให้ครูบาอาจารย์มาขัดใจเรา เพราะว่าคนที่อยู่รอบตัวเราก็พร้อมที่จะขัดใจเราได้อยู่เสมอ แต่สมัยนี้ก็ไม่แน่นะ บางทีครูบาอาจารย์ขัดใจ กลับไม่ชอบ กลับโมโห กลับต่อว่าครูบาอาจารย์ก็มี เพราะเดี๋ยวนี้เราปรารถนาการตามใจ ปรารถนาการทำอะไรที่มันถูกต้อง บางทีครูบาอาจารย์ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง เราโมโห ทั้งที่สิ่งที่ท่านทำไม่ถูกต้องก็จริง แต่เป็นไปเพื่อขัดใจเรา
Sun, 16 Oct 2022 - 28min - 600 - 25650924pm--ฉลาดแต่ขาดเฉลียว
24 ก.ย. 65 - ฉลาดแต่ขาดเฉลียว : คนทุกวันนี้ใช้ชีวิตอย่างผิดทิศผิดทาง ก็เพราะว่าลืมจุดหมายไป ว่าเราต้องการอะไรอย่างแท้จริง ไปสนใจจดใจกับวิธีการ บางทีเลยไม่ต่างจากคนที่พยายามผลักประตู ดันอยู่นั่นแหละ ผลักประตูอยู่นั่นแหละ มันไม่เปิดสักที ถ้าฉุกคิดสักหน่อยก็จะบอกว่า เป็นเพราะว่าประตูนี้มันไม่ได้ต้องดัน มันแค่ดึง แต่หลายคนไม่คิดจะดึงเลยนะ จะดันอย่างเดียวเลย จะผลักอย่างเดียวเลย ถ้าฉุกคิดสักหน่อยว่าประตูนี้เขาอาจจะใช้ดึงก็ได้ ไม่ใช่ผลักเอา แต่เป็นเพราะความลืมตัว หรือความมุ่งมั่นจะเอาให้ได้ๆ ฉะนั้นการที่เรามาเจริญสติ มาฝึกความรู้สึกตัว มันถึงเป็นเรื่องสำคัญ มันไม่ใช่เป็นความฟุ่มเฟือย หรือไม่ใช่เป็นส่วนเกินของชีวิต แต่เป็นสิ่งสำคัญเลยทีเดียว เป็นเพราะเราหลง ไม่รู้สึกตัว เราจึงพาชีวิตผิดทิศผิดทาง อาจจะมีความสามารถในการแก้ปัญหา มีความสามารถในการหาเงินหาทอง แต่ก็ลงเอยด้วยความเครียดความทุกข์ ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นเลย ถ้าหากเราเฉลียวใจสักหน่อยว่าทำเพื่ออะไร ถ้าเราทำเพื่อความสุข แต่มาลงเอยแบบนี้ มันคุ้มไหม มันถูกทางหรือยัง หรือว่าเราอาจจะฉลาดเหมือนกับกาตัวนั้น แต่มองภาพรวมแล้วมันไม่ฉลาดเลย มันโง่ แต่มันยังหลงเชื่อว่ามันฉลาด สามารถจะเอาน้ำในขวดโหลมากินได้ ทั้งๆ ที่มันไม่ต้องทำอย่างนั้นเลยก็ได้
Sun, 16 Oct 2022 - 24min - 599 - 25650923pm--ถึงพร้อมด้วยประโยชน์ตน และประโยชน์ท่าน
23 ก.ย. 65 - ถึงพร้อมด้วยประโยชน์ตน และประโยชน์ท่าน : ถ้าหากเราเข้าใจจุดสาระสำคัญของพุทธศาสนา เราก็สามารถจะปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ได้อย่างครบถ้วน ในขณะที่อยู่ในโลกก็อยู่อย่างมีคุณค่า ขณะเดียวกันก็ไม่เป็นทุกข์ เพราะความผันผวนปรวนแปรของโลก ก็ยังสามารถที่จะเข้าถึงความสงบเย็นในจิตใจด้วย และรู้จักทำประโยชน์ เรียกว่ามีทั้งความสงบเย็นและก็เป็นประโยชน์ อยู่ในใจ เหนือเกื้อโลก อาจจะสรุปเหลือแค่ 2 ก็ได้ สงบเย็น และเป็นประโยชน์ สงบเย็นเพราะว่าจิตใจเป็นอิสระจากโลกธรรม 8 เป็นอิสระจากความยึดติดถือมั่นในสิ่งทั้งปวง ก็สงบเย็น เมื่อสงบเย็นแล้ว ก็ไม่ได้พึงพอใจเท่านั้น ก็ยังออกไปทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น แต่ถ้าไม่ค่อยเข้าใจพุทธศาสนาอย่างครบถ้วนแล้ว ก็จะไปจับอยู่แค่บางจุด หรือแค่จุดใดจุดหนึ่ง เช่น เน้นเรื่องความสงบเย็น แต่ลืมเรื่องการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น เป็นต้น เพราะฉะนั้นในการศึกษาพุทธศาสนานี้ ต้องอาศัยการศึกษาที่รอบด้าน ที่สำคัญต้องปฏิบัติด้วย ถ้าเราศึกษาไม่ถี่ถ้วน การปฏิบัติก็จะบกพร่องได้
Sun, 16 Oct 2022 - 28min - 598 - 25650922pm--เรียนรู้โดยไม่ต้องพึ่งถ้อยคำ
22 ก.ย. 65 - เรียนรู้โดยไม่ต้องพึ่งถ้อยคำ : ความรู้สึกตัวเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถที่จะถอดรหัสจากรูปกับนาม รวมทั้งที่อยู่รอบตัว เช่น รูปที่กระทบตา เสียงที่กระทบหู เมื่อก่อนมองไม่ออกว่ามันบอกอะไรเรา แต่พอเรามีความรู้สึกตัวแล้วรู้จักวางความคิดลง มันก็จะเห็น ได้ยินสิ่งที่ธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นรูป นาม หรืออารมณ์ภายนอกนั้นบอกกับเรา ต้องหมั่นฝึกเอาไว้นะ อย่าไปสนใจแต่การเรียนรู้ผ่านถ้อยคำหรือคำพูด มันจะทำให้เราขาดโอกาส เพราะอย่างที่ผู้รู้เขาบอกว่า ข้อมูลนี่มันส่งผ่านภาษาพูดแค่ 7 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือนั้นไม่ได้ผ่านภาษาพูด บางทีเขาก็ใช้สิ่งที่เรียกว่าอวจนภาษา แต่ที่จริงมันมากกว่านั้น
Sun, 16 Oct 2022 - 26min - 597 - 25650921pm--ทำเหตุให้ดี ผลย่อมเกิดขึ้น
21 ก.ย. 65 - ทำเหตุให้ดี ผลย่อมเกิดขึ้น : เวลาเราทำอะไรก็ตาม อย่าว่าแต่การภาวนาเลย แม้กระทั่งการทำงาน สิ่งสำคัญคือการสร้างเหตุสร้างปัจจัย หรือเขาเรียกว่าประกอบเหตุให้ถึงพร้อม และถ้าประกอบเหตุให้ถึงพร้อม ผลมันย่อมทนอยู่ไม่ได้ ผลมันย่อมแสดงตัวออกมา เหมือนกับต้นไม้ ถ้าหากว่าได้น้ำ ได้ปุ๋ย เมื่อถึงเวลามันก็ออกดอกออกผล จะรู้ตัวหรือไม่รู้ก็ตาม หมายถึงคนปลูกนะ ต้นไม้มันก็ออกดอกออกผลในที่สุด มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความอยากของเรา เพราะฉะนั้นจึงควรประกอบเหตุให้ถึงพร้อม และในบางกรณี จะเรียกว่าส่วนใหญ่ก็ได้ ต้องวางความอยาก โดยเฉพาะอยากได้ลงเสีย เพราะว่าความอยากได้นี่แหละ ซึ่งก็คือตัณหานี่แหละ มักจะเป็นอุปสรรคขัดขวาง ให้การประกอบเหตุไม่ถึงพร้อม โดยเฉพาะถ้าทำเรื่องที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เช่นเรื่องการบำเพ็ญทางจิต เรื่องการบำเพ็ญทางจิตมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพียงแค่มีตัณหา และเกี่ยวข้องกับตัณหาไม่ถูก ปล่อยให้มันรบกวนจิตใจ มันก็ทำให้การประกอบเหตุที่จะนำไปสู่ผล เกิดขึ้นได้ยาก
Fri, 14 Oct 2022 - 24min - 596 - 25650920pm--เปลี่ยนขยะเป็นปุ๋ย
20 ก.ย. 65 - เปลี่ยนขยะเป็นปุ๋ย : ส่วนใหญ่เราไปสนใจแต่ว่า “อะไร” มากกว่า “อย่างไร” ขอให้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับเรา ขอให้สิ่งแย่ๆ อย่าได้เกิดขึ้นกับเรา ถ้าสิ่งแย่ๆ เช่น ทุกข์ เกิดขึ้นกับเราเมื่อไรนี่ ฉันแย่แน่ๆ มันยังไม่ทันแย่หรอกนะ เพราะว่าแม้มันเกิดขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญคือว่าเราจะใช้มันอย่างไร อะไร” ไม่สำคัญเท่ากับว่า “อย่างไร” เจออะไร ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึกกับมันอย่างไร หรือเห็นประโยชน์ของมัน หรือหาประโยชน์จากมันได้อย่างไร อันนี้สำคัญกว่า เพราะฉะนั้นเวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรานี่ โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นลบ ความทุกข์ก็ดี อารมณ์อกุศลก็ดี ลองมองดีๆ นะ ถ้าเรารู้จักใช้มัน มันก็เกิดประโยชน์ได้
Fri, 14 Oct 2022 - 25min - 595 - 25650919pm--รู้สึกตัว อย่าด่วนสรุป
19 ก.ย. 65 - รู้สึกตัว อย่าด่วนสรุป : อย่าเชื่อเพียงเพราะการอนุมาน อย่าเชื่อเพียงเพราะรูปลักษณะมันน่าจะเป็นไปได้ เพราะว่าบทเรียนจากผู้คนมากมาย มันบอกว่าการสรุปของคน ถ้าด่วนสรุปก็อาจจะผิดได้ ทั้งๆ ที่ดูมีเหตุผล แต่ถึงแม้ว่าเราไม่มีความสามารถในการคิดเผื่อได้ แต่อย่างน้อยถ้ามีสติ มันรู้ทันความคิด มันก็ไม่หลงเชื่อความคิด ก็ดูมัน แล้วก็สุดท้ายความจริง ที่ปรากฏก็อาจจะตรงข้ามกับความคิดที่เกิดขึ้นก็ได้ ฉะนั้นเราต้องรู้จักทักท้วงความคิด อย่าไปหลงเชื่อมัน และสิ่งที่จะช่วยทำให้เราเป็นนาย เป็นอิสระจากความคิดได้ ไม่ตกเป็นทาส คือการที่เราเห็นมัน ไม่เข้าไปเป็น ถ้าเราทำอย่างนี้ได้ เราก็จะเป็นนายมัน เราก็จะใช้ความคิด แต่ถ้าไม่เช่นนั้น ความคิดมันก็ใช้เรา ความคิดนี่เป็นบ่าวที่ดี แต่เป็นนายที่เลว ถ้าเราใช้มัน มีประโยชน์นะ แต่ถ้ามันใช้เรานี่ เราแย่เลย พาเราเข้ารกเข้าพงไปได้ง่ายๆ
Thu, 13 Oct 2022 - 26min - 594 - 25650918pm--กระทบกาย แต่ใจไม่กระเทือน
18 ก.ย. 65 - กระทบกาย แต่ใจไม่กระเทือน : แต่ฝนไม่ว่าจะตกหนักแค่ไหน เราทุกคนในที่นี้ก็ไม่มีใครที่เปียกปอน เพราะอะไร ก็เพราะว่ามีหลังคาคอยป้องกัน ฝนตกหนักแค่ไหน จะกระทบหลังคาดังเพียงใด แต่ว่าเราไม่เปียก เราห้ามฝนไม่ให้ตกไม่ได้ เหตุปัจจัย พร้อมฝนก็ตก เราห้ามไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือว่าตกแล้วตัวเราไม่เปียก ก็เหมือนกับชีวิตของเรา จะห้ามไม่ให้มีเหตุร้าย จะห้ามไม่ให้มีอะไรมากระทบกับชีวิตของเรา มันทำไม่ได้ อาจจะทำได้เพียงแค่ช่วยบรรเทาไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรง แต่ว่าในที่สุดมันก็เกิดขึ้นจนได้ มีเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเรา กับบ้านของเรา กับรถยนต์ของเรา ข้าวของเครื่องใช้ของเรา แม้กระทั่งกับร่างกายของเรา ตลอดจนคนที่เรารัก อันนี้เป็นสิ่งที่ห้ามได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่ว่าเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่ให้มันกระเทือนไปถึงใจ ทำได้นะ พูดง่ายๆ คือว่าแม้จะเสียทรัพย์ แต่ว่าใจไม่เสีย แม้ว่าจะป่วยกาย แต่ว่าใจไม่ป่วย อันนี้ทำได้ แล้วก็เป็นสิ่งที่ควรทำด้วย
Thu, 13 Oct 2022 - 22min - 593 - 25650917pm--รู้ตัวเมื่อใด ใจเบาเมื่อนั้น
17 ก.ย. 65 - รู้ตัวเมื่อใด ใจเบาเมื่อนั้น : จริงอยู่คนเราอาจไม่ได้กำอะไรที่มือ แต่ใจนั้นกำไว้แน่น พอกำไว้แน่น ความทุกข์จึงตามมา ที่จริงเพียงแค่คลายหรือปล่อย เราก็เป็นอิสระจากทุกข์ได้ แต่คนเราส่วนใหญ่เหมือนกับลิง คือ ไม่ยอมปล่อย ไม่ยอมคลาย กำไว้อย่างนั้น ไม่ได้กำที่มือ แต่กำที่ใจ เรียกว่ายึดติด ความทุกข์ของคนเราเมื่อถึงที่สุดแล้วก็เกิดจากความยึดติด เป็นเพราะใจเรากำไว้ไม่ยอมปล่อย ทุกข์กายนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ สารพัด เช่น อากาศร้อน อากาศหนาว เชื้อโรค อาหารเป็นพิษ มลภาวะ หรือภัยธรรมชาติ หรือมีคนมาทำร้าย แต่ถ้าเป็นทุกข์ใจแล้ว สาเหตุมีอยู่ประการเดียว ถ้าสาวไปให้ถึงที่สุด ก็คือความยึดติด
Thu, 13 Oct 2022 - 26min - 592 - 25650916pm--อย่าละเลยงานภายใน
16 ก.ย. 65 - อย่าละเลยงานภายใน : ที่รู้ทันเพราะอะไร เพราะว่ามีความคิดเป็นแบบฝึกหัด เหมือนกับเป็นการบ้าน และยิ่งรู้ทันความคิด มันก็ยิ่งเกิดความรู้สึกตัวตามมา อันนี้คือสิ่งสำคัญที่คนขยันทำงาน ทำงานด้วยความมุ่งมั่นนี่ จะทำใจลำบาก เพราะเขาจะพยายามมุ่งให้ได้ความสำเร็จ ความสำเร็จคือจิตที่สงบ พอมีเพราะหวังผลสัมฤทธิ์แบบนี้ เขาจะพยายามควบคุมทุกตัวแปรเพื่อให้จิตสงบ ซึ่งรวมไปถึงการควบคุมความคิด สุดท้ายจิตก็ยิ่งเครียดยิ่งฟุ้ง ทำไปก็ยิ่งทุกข์ เพราะฉะนั้น ต้องยอมนะ อนุญาตให้ทุกอารมณ์มันเกิดขึ้นได้ แล้วมันก็จะเป็นตัวที่ค่อยๆ ฝึกจิตของเราให้มีสติ มีความรู้สึกตัวมากขึ้น อันนี้เป็นการบ้านอย่างแรกที่เราควรจะฝึกหรือทำให้ได้ แล้วมันก็จะนำไปสู่ความก้าวหน้าในการปฏิบัติในลำดับต่อๆไป
Thu, 13 Oct 2022 - 26min - 591 - 25650915pm--อุบายคลายหลงในสมมติ
15 ก.ย. 65 - อุบายคลายหลงในสมมติ : เห็นอารมณ์ เห็นความคิด เห็นความโกรธ แต่ไม่เป็นผู้โกรธ ไม่เป็นผู้คิด แต่ก็ต้องตระหนักว่ามันยังมีผู้เห็นอยู่ แล้วผู้เห็นคือเราเห็น ในความเข้าใจ ต่อเมื่อไถ่ถอนความยึดมั่นในตัวตนในเรา จนกระทั่งมันมีแต่การเห็น แต่ไม่มีผู้เห็น ตรงนี้แหละที่จะทำให้เข้าใจเรื่องอนัตตา เข้าถึงอนัตตา แล้วก็สามารถที่จะเข้าถึงปรมัตถสัจจะ โดยที่ไม่ติดสมมติสัจจะได้ อันนี้ก็ถือว่าเป็นอุบาย เป็นขั้นตอนในการที่จะช่วยให้เราไม่หลงติดในสมมติ ไม่ว่าจะเป็นสมมติบัญญัติ หรือสมมติสัจจะได้
Thu, 22 Sep 2022 - 28min - 590 - 25650914pm--เข้าถึงความจริง ไม่ติดสมมติ
14 ก.ย. 65 - เข้าถึงความจริง ไม่ติดสมมติ : เวลามันมีความโกรธ มันก็ไม่ใช่เราโกรธ แต่เป็นแค่ความโกรธที่เกิดขึ้นกับใจ ถ้าเราเห็นไปว่ามันมีแต่ความโกรธ แต่ไม่มีผู้โกรธ มันมีแต่ความคิด แต่ไม่มีผู้คิด อันนี้เรียกว่าเริ่มไถ่ถอนออกจากความยึดมั่นในตัวตน เริ่มที่จะถอนออกมาจากสมมติสัจจะ เริ่มที่จะเข้าใกล้ปรมัตถสัจจะ การเจริญสติ ก็เป็นวิธีการที่จะทำให้แยกตัวคนหรือตัวเราออกไป จนเห็นเป็นรูปและนาม อย่างที่เขาเรียกว่าแยกรูปแยกนาม ก็คือแยกคนที่เป็นสมมติออกมาเป็นรูปกับนาม แต่ก่อนนี่เห็นแต่คน เห็นแต่เราๆ แต่พอเราเจริญสติ มันก็ชำแรก หลวงพ่อคำเขียนใช้คำว่าถลุง ถลุงคือแยก คือย่อย จากเดิมที่เป็นเราๆ ก็แยกออกมาเป็นรูปกับนาม แล้วบางทีก็เรียกว่าแยกรูปแยกนาม ที่จริงรูปกับนามมันแยกกันอยู่แล้ว แต่เราไม่เห็นเป็นรูปเป็นนาม เราเห็นเป็นคน เป็นเรา แต่พอเราเจริญสติ มันก็เริ่มที่จะเห็นว่ามันไม่มีเรา มันมีแต่รูปกับนาม อันนี้แหละเป็นขั้นต้นของการที่จะเข้าใจเรื่องสมมติสัจจะ เข้าใจคือว่าไม่ยึดติด แต่ว่าใช้มันตามควรตามโอกาส แต่ว่าได้รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นแค่สมมติ เป็นเรื่องของการยอมรับ เป็นเรื่องของการสมมติขึ้นมาเอง แต่ไม่ใช่ความจริงแท้สูงสุด
Thu, 22 Sep 2022 - 27min - 589 - 25650912pm--ไม่เป็นทุกข์เพราะรู้ทุกข์
12 ก.ย. 65 - ไม่เป็นทุกข์เพราะรู้ทุกข์ : อารมณ์ที่เป็นอกุศลก็เหมือนกัน แม้มันจะแย่อย่างไร เช่น ความโกรธ ความเศร้า ความอิจฉา พยาบาท แต่ถ้าเรารู้ทัน มันก็ทำให้เราทุกข์ไม่ได้ เหมือนกับกองไฟ ถ้าหากว่าเราอยู่ห่างจากกองไฟมากเท่าไหร่ ความทุกข์เพราะกองไฟมันก็น้อยลง แต่ที่เราทุกข์เพราะอะไร เพราะว่าเราเผลอปล่อยตัวเข้าไปในกองไฟนั้น ปล่อยให้ไฟมันเผา หรือว่าเวลามีความหนักอกหนักใจ ความหนักอกหนักใจไม่ได้สร้างปัญหา แต่ที่เป็นปัญหาเพราะเราไปแบกมันเอาไว้ เหมือนกับหิน ถ้ากองอยู่บนพื้น มันไม่สร้างปัญหาให้กับเรา แต่เป็นเพราะเราไปแบกมันเอาไว้ หนามมันแหลมอย่างไร ถ้าเราไม่เดินไปทิ่มมัน เดินไปเหยียบมัน หรือเอามือไปทิ่มมัน มันก็ไม่เจ็บ ถ่านมันจะร้อนอย่างไร ถ้าเราไม่จับมัน มันก็ไม่ลวกมือ ไม่เผามือ ศิลปะของการดำเนินชีวิตก็คือว่า เมื่อเจอถ่านร้อนก็ไม่ไปถือ เมื่อเจอหินหนักก็ไม่ไปแบก เมื่อเจอหนามแหลมก็ไม่ไปเหยียบหรือว่าไปยื่นมือให้มันทิ่มเอา ก็คือวางระยะห่างจากมัน ก็คือรู้ทันมัน เช่นเดียวกันความทุกข์ อารมณ์ และความคิดที่เป็นอกุศล มันเกิดขึ้นแต่ว่าพอเรารู้ทัน ก็ไม่เข้าไปแบกเข้าไปยึด ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวด้วย มันเกิดระยะห่างขึ้น สมัยนี้เราพูดถึงเรื่องระยะห่างทางสังคม social distancing แต่สิ่งที่สำคัญ ไม่ว่าจะมีโควิดหรือไม่ก็คือ การวางระยะห่างทางจิตใจ หรือว่า mental distancing หรือ spiritial distancing คือใจเราห่างจากสิ่งเหล่านั้น ห่างได้เพราะอะไร เพราะเรารู้ทัน เพราะฉะนั้นทุกข์นี่ไม่ใช่เป็นสิ่งเลวร้าย ถ้าหากว่าเรารู้ทันมัน นั่นแหละคืออานิสงส์หรือประโยชน์ของการรู้ทุกข์ เป็นประโยชน์เบื้องต้นเลยทีเดียว ถ้าเรารู้ทุกข์เป็น เราก็ไม่เป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นไม่อยากเป็นทุกข์ ก็ต้องรู้ทุกข์ให้เป็น
Thu, 22 Sep 2022 - 25min - 588 - 25650911pm--การค้นพบตัวเองที่สำคัญ
11 ก.ย. 65 - การค้นพบตัวเองที่สำคัญ : คนเราถ้าไม่รู้ทันความคิด ไม่รู้ทันอารมณ์ มันก็สามารถสร้างทุกข์ให้กับตัวเองได้ และสิ่งที่ต้องการคือความสงบนี่มันก็จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย การภาวนานี่คนส่วนใหญ่ก็ปรารถนาแต่ความสงบ สงบที่เขาเข้าใจคือไม่คิดอะไร แล้วก็ไปห้ามความคิดหรือไปกดข่มอารมณ์ด้วย มันมีความคิดก็กดมันเอาไว้ มันมีอารมณ์เกิดขึ้นก็กดมันเอาไว้ เพราะคิดว่านี่มันจะทำให้ตัวเองสงบ แต่ที่จริงแล้ว สิ่งที่ดีกว่าก็คือ”การเห็น” เห็นความคิดและอารมณ์ ซึ่งจะเห็น หรือรู้ทันมันได้ ก็ต้องยอมให้มันเกิดขึ้น อนุญาตให้มันเกิดขึ้น ไม่กดข่มมัน ใหม่ๆ ก็ไม่เห็นนะ พอมันเกิดขึ้นทีไร มันก็ครองใจเราทันที เรียกว่า “เข้าไปเป็น” แต่ต่อไปนี่เราฝึกการเห็นบ่อยๆ ฝึกเห็นบ่อยๆ มันก็จะเห็นได้เร็วขึ้น แล้วมันก็จะเข้าไปเป็นน้อยลง พอเห็นเมื่อไรนะ มันก็จะครองใจเราไม่ได้ และนี่ก็คือการค้นพบที่สำคัญเลย เพราะมันหมายถึงการที่เราสามารถจะเป็นอิสระจากความคิดและอารมณ์ได้
Thu, 22 Sep 2022 - 23min - 587 - 25650910pm--วางใจอย่างไรเมื่อเจอทุกข์
10 ก.ย. 65 - วางใจอย่างไรเมื่อเจอทุกข์ : ถ้าเรารู้จักหาประโยชน์จากอนิฏฐารมณ์ หรือจากความทุกข์ มันได้กำไร ฉะนั้นท่าทีที่ควรทำเวลาเราเจอทุกข์ มันก็มีแค่ 2 อย่างเท่านั้นแหละนะ อันที่ 1 คือรักษาใจไม่ให้ทุกข์ โดยเฉพาะถ้าเราเป็นคนที่รักตัวเอง เมื่อเจอทุกข์กับทรัพย์สิน กับเงินทอง กับร่างกาย กับงานการ กับความสัมพันธ์ แค่นี้มันก็พอแรงอยู่แล้ว อย่าปล่อยให้ใจทุกข์ไปด้วย ให้ความทุกข์มันถูกจำกัดอยู่แค่ทุกข์กาย หรือว่าทุกข์ในทรัพย์ แต่รักษาใจไม่ให้ทุกข์ และดีกว่านั้นก็คือว่าหาประโยชน์จากทุกข์ให้ได้ หรือประโยชน์ในทางธรรม ก็จะช่วยทำให้ได้กำไรจากสิ่งที่เกิดขึ้น
Mon, 19 Sep 2022 - 26min - 586 - 25650909pm--ทุกข์หลุดเพราะหยุดปรุงแต่ง
9 ก.ย. 65 - ทุกข์หลุดเพราะหยุดปรุงแต่ง : อีกวิธีหนึ่งคือการหยุดปรุงแต่ง ไม่ปรุงแต่ง “สักแต่ว่า” อะไรเกิดขึ้นก็สักแต่ว่า รูป รส กลิ่น เสียง เกิดขึ้นมากระทบ ก็สักแต่ว่า รวมทั้งหยุดปรุงแต่งตัวกูขึ้นมา มีความปวด เห็นความปวด แต่ไม่เป็นผู้ปวด อย่างที่หลวงพ่อคำเขียนท่านสอนเป็นประจำ มีความทุกข์แต่ไม่มีผู้ทุกข์ นี่เป็นการหยุดปรุงแต่ง ซึ่งเป็นการปฏิบัติชั้นยอดเลยทีเดียว ไม่ปรุงแต่งเวลาเกิดผัสสะขึ้นมา และเวทนาเกิดขึ้น ก็ไม่ปรุงตัวกูขึ้นมา คือมีสติ เพราะมีสติเมื่อไหร่ ก็หยุดปรุงเมื่อนั้น ไม่เกิดความหลงว่ามีตัวกู อันนี้ก็เป็นการปฏิบัติขั้นสูงที่ไปพ้น หรืออยู่เหนือการปรุงแต่งในทางบวก แล้วทำให้จิตอยู่เหนือบวกเหนือลบได้ เราก็ต้องเรียนรู้การฝึกจิตไม่ให้ปรุงแต่ง เวลามันตีค่าว่าอย่างนี้ดี อย่างนี้ไม่ดี ก็รู้ทันแล้วไม่ปรุงมัน มีความคิดไม่ดีเกิดขึ้นก็เห็นมัน แต่ไม่ให้ค่ากับมันว่าแบบนี้ไม่ดี เวลาเกิดความสงบก็ไม่ได้ให้ค่ากับมันว่าดี แค่รู้ซื่อๆ รู้เฉยๆ โดยไม่ปรุงแต่ง อันนี้ก็ช่วยหยุดกระบวนการเกิดทุกข์ได้เหมือนกัน
Mon, 19 Sep 2022 - 26min - 585 - 25650908pm--ชีวิตเปลี่ยนเพราะถูกต่อว่า
8 ก.ย. 65 - ชีวิตเปลี่ยนเพราะถูกต่อว่า : แต่ก็ธรรมดานะ คนเราก็มักจะชอบอะไรที่มันราบรื่น เวลาอยู่กับผู้คนก็หวังแต่อยู่กับคนที่ถูกใจ พูดจาไพเราะ แต่หารู้ไม่ว่าบรรยากาศแบบนั้น มันอาจจะไม่เอื้อต่อการเจริญงอกงาม อาจจะไม่ช่วยขัดเกลากิเลส หรือลบเหลี่ยมลบมุมของเราได้ เท่ากับการที่ได้อยู่ท่ามกลางผู้คนที่อาจจะพูดไม่ถูกหู อาจจะทำอะไรไม่ถูกใจ ซึ่งบางทีก็อาจจะเป็นความตั้งใจโดยเฉพาะจากครูบาอาจารย์ ที่ตั้งใจพูดเพื่อเตือนสติ หรือบางทีก็อาจจะไม่ได้ตั้งใจแบบนั้น แต่ว่ามันกลายเป็นข้อเตือนใจ อย่างคำพูดภรรยาของพ่อพันหรือหลวงพ่อเทียน มันเป็นสิ่งที่มีค่ามากเลยนะสำหรับหลวงพ่อเทียนที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตที่สำคัญได้
Mon, 19 Sep 2022 - 26min - 584 - 25650907pm--รับมือกับความเศร้า
7 ก.ย. 65 - รับมือกับความเศร้า : ทั้งเมตตากรุณาที่ถูกปลุกและความสุขที่ได้รับจากการเป็นจิตอาสา มันมีอานุภาพมาก อันนี้ก็คงจะเป็นคำอธิบาย ว่าทำไมมะเร็งมันหายไปจากปอดของเธอ แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่ามะเร็งจะหายหรือไม่ คือทำแล้วมีความสุข เป็นสุขที่เกิดจากการช่วยเหลือผู้อื่น สุขที่เกิดจากเมตตากรุณาได้ถูกปลุกขึ้นมา เพราะฉะนั้นเวลาเรามีความเศร้าโศกเสียใจ หรือมีความทุกข์อะไร อย่าลืมนะ เมตตากรุณามันมีพลังมาก รวมทั้งการที่เรามีสติ ยอมรับความทุกข์ที่เกิดขึ้น อนุญาตให้ความทุกข์มันเกิดขึ้นได้ มีสติจนกระทั่งไม่ใช่เห็นว่าตัวเองเศร้า แต่ว่าเห็นความเศร้า อันนี้มันก็จะช่วยเสริมให้เกิดพลังในการเยียวยา ซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่เยียวยาจิตใจ แต่สำหรับคนป่วยสามารถจะเยียวยากายได้ด้วย
Mon, 19 Sep 2022 - 27min - 583 - 25650906pm--ธรรมบำบัดทุกข์
6 ก.ย. 65 - ธรรมบำบัดทุกข์ : พิจารณาเห็นเลยว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา พอเห็นเช่นนี้ ความยึดมั่นถือมั่นในกายว่าเป็นเราเป็นของเราก็ลดลง ความทุกข์ใจก็หายไป และไม่ใช่แค่นั้น ท่านยังพิจารณาเห็นว่า ความเจ็บ ความปวด ความข้องขัด ก็ไม่ใช่เรา มันก็เป็นสักแต่ว่าเวทนาที่เกิดขึ้น พอเห็นเช่นนี้ก็ไม่มีผู้ปวดผู้เจ็บ จิตใจก็สบาย พอจิตใจสบาย กายก็ดีขึ้น อันนี้เรียกว่าที่่เราไปเข้าใจว่าทุกข์เพราะความเจ็บป่วย ที่จริงไม่ใช่ จริงอยู่ ทุกข์กายเพราะความเจ็บป่วย แต่ทุกข์ใจนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บป่วย ทุกข์ใจเพราะความยึดมั่นถือมั่นในกายว่าเป็นเราเป็นของเรา มันไม่ใช่แค่ยึดมั่นในกายนี้ว่าเป็นเราเป็นของเรานะ ยึดมั่นในกายว่าเป็นเราเป็นของเรายังน่ายึด เพราะกายก็ยังให้ความสุขเราบ้างเป็นครั้งคราว หรือเป็นระยะๆ แต่คนเราดันไปยึดเอาความเจ็บปวดว่าเป็นเราเป็นของเรา นี่สิแปลก เพราะความเจ็บปวดนี้ไม่มีดีเลย เราก็ไม่ชอบความเจ็บความปวด แต่ทำไมเราไปยึด อันนี้เรียกว่าเพราะความหลง หลงก็คือไม่รู้ความจริง และไม่รู้ตัว
Sun, 18 Sep 2022 - 25min - 582 - 25650905pm--ยอมรับได้ ใจคลายทุกข์
5 ก.ย. 65 - ยอมรับได้ ใจคลายทุกข์ : พอยอมรับโรคซึมเศร้าได้ ความทุกข์จากโรคเหล่านี้ก็ลดน้อยลง ก็เหมือนกลับกลายเป็นคนที่มีความสุขได้ ทั้งๆ ที่มีโรคทั้งซึมเศร้า แล้วก็โรคมะเร็งเกิดขึ้นกับตัวเธอ อันนี้ก็เป็นตัวอย่าง ของคนที่เขาสามารถจะรับมือกับความทุกข์ได้ ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ ก็เพราะว่าเขายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องอาศัยสติมากทีเดียว รวมทั้งการที่สามารถจะมองเห็นประโยชน์ของสิ่งที่เกิดขึ้น และพอยอมรับมันได้ มันก็เหมือนกับว่าความทุกข์ที่กดหน่วงเอาไว้มันก็หายไปททุกข์กายยังมี อยู่แต่ทุกข์ใจก็ลดน้อยถอยลงไปเยอะ ฉะนั้นเวลาเรามีความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์กายหรือความทุกข์ใจ เพราะความพลัดพรากสูญเสีย หรือประสบกับภัยพิบัติต่างๆ สิ่งหนึ่งที่จำเป็นขั้นพื้นฐาน ที่จะช่วยทำให้เราสามารถที่จะก้าวข้ามผ่านวิกฤตไปได้ ก็คือยอมรับ พอยอมรับมันได้ ใจมันก็เบา ความทุกข์มันก็คบี่คลายลงไป
Sun, 18 Sep 2022 - 27min - 581 - 25650904pm--ถูกต้องดีกว่าถูกใจ
4 ก.ย. 65 - ถูกต้องดีกว่าถูกใจ : ฉะนั้นเราต้องระวัง ขณะที่เรายึดมั่นในความถูกต้อง ถ้าเรายึดมั่นมากไป พอเจอใครทำอะไรไม่ถูกต้องขึ้นมา ความไม่ถูกต้องจะกลายเป็นความไม่ถูกใจทันทีเลย ทั้งๆ ที่ดูเผินๆ ไม่ถูกต้องกับไม่ถูกใจนี่มันห่างกันนะ มันไกลกันมาก เช่นเดียวกับความถูกต้อง ความถูกใจ บางทีมันก็ไกลกันมาก แต่ในบางครั้งบางคราว ถ้าไม่รู้ทันมัน มันกลายเป็นเรื่องเดียวกันไปเลย คือถ้าไม่ถูกต้องเมื่อไหร่ ก็ไม่ถูกใจเมื่อนั้น หรือจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ก็ต่อเมื่อมันถูกใจ ถ้าอันไหนไม่ถูกใจ ก็ไม่ถูกต้องไป อันนี้มันต้องใช้สติพิจารณา การที่เรารู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด เป็นสิ่งที่ดี และการที่เราปฏิบัติตามความถูกต้อง ก็เป็นสิ่งที่ดี เรียกว่ามีธรรมาธิปไตย แต่ถ้าเรายึดมั่นในความถูกต้องมากไป มันก็ง่ายมากเลยนะ ที่เวลาเจอใครทำอะไรไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องก็กลายเป็นความไม่ถูกใจ หรือกระตุ้นให้เกิดความไม่ถูกใจทันที
Sun, 18 Sep 2022 - 26min - 580 - 25650903pm--เติมเต็มชีวิตด้วยธรรม
3 ก.ย. 65 - เติมเต็มชีวิตด้วยธรรม : เมื่อเข้าหาธรรมะ และชีวิตจิตใจได้รับการเติมเต็ม แต่ถ้าหากว่าหันไปหาเงินหาทองมากขึ้น เพราะคิดว่าถ้ามีมากความพอใจจะเกิดขึ้น หรือว่าไม่ใช่เงินไม่ใช่ทองแต่ไปหาสิ่งอื่นมาแทนที่เป็นเรื่องทางโลกเช่นอำนาจสุดท้ายมันก็พบว่านั่นคือทางตัน ไม่ใช่คำตอบ แต่บางคนกว่าจะรู้ตัว ก็สายไปแล้ว เหมือนกับที่นักปราชญ์คนหนึ่งชาวอเมริกัน แกพูดว่าโศกนาฏกรรมของชีวิตก็คือว่า การที่หาปลามาทั้งชีวิต แล้วพบว่ามันไม่ใช่ปลาที่ต้องการ กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว เพราะไม่มีเวลาเหลือแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกพร่องขึ้นมา ทั้งที่เรามีสิ่งต่างๆพรั่งพร้อม ให้รู้เถอะว่า มันเป็นเพราะว่า สิ่งที่เรามี มันไม่ใช่ ต้องหันไปหาสิ่งที่ใช่มากกว่า และสิ่งที่ใช่ มันก็ไม่ใช่เป็นเรื่องของทางโลก แต่เป็นสิ่งที่ตอบสนองความสุข ความสงบในจิตใจ ไม่ใช่พอพบว่า เงินไม่ใช่คำตอบ ก็ไปหาอำนาจมาแทน สุดท้ายก็จะพบว่ามันก็ไม่ใช่เหมือนกัน
Thu, 15 Sep 2022 - 26min - 579 - 25650831pm--หมั่นมองเห็นตามความเป็นจริง
31 ส.ค. 65 - หมั่นมองเห็นตามความเป็นจริง : สิ่งที่ทำให้เราเห็นสิ่งต่างๆ คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงบรรเทาเบาบาง อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราต้องหมั่นฝึกอยู่เสมอ เพื่อที่จะทำให้ความการที่เราเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงเกิดขึ้นได้ ไม่อย่างนั้นเราก็จะเห็นสิ่งต่างๆ คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ทำความดีแค่ไหน แต่ว่าไม่สามารถจะเห็นความจริงหรือเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงได้ มันก็ยังวนเวียนอยู่ในความทุกข์อยู่ เวลาพูดถึงการทำบุญ ทำบุญที่สำคัญที่สุดก็คืออะไร คือทิฏฐุชุกรรม การเห็นตรงตามความเป็นจริง บุญกริยา 10 ประการที่เริ่มต้นด้วยทาน สุดท้ายต้องมาลงที่ทุิฏฐุชุกรรม ข้อสุดท้าย ตรงนี้แหละจะเป็นบุญกิริยาที่สำคัญ คือการเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง ซึ่งจะทำได้ก็เพราะว่า บรรเทาขจัดปัดเป่าวิปลาสให้หมดไป ด้วยกันเจริญภาวนาอย่างที่ว่ามา
Wed, 14 Sep 2022 - 27min - 578 - 25650830pm-อุบายละกิเลส
30 ส.ค. 65 - อุบายละกิเลส : ที่เรามาปฏิบัติธรรมกัน ก็เพราะว่ายังมีความสำคัญมั่นหมายในตัวกูกันทั้งนั้นแหละ อยากจะให้ฉันมีความสุข อยากจะให้ฉันเป็นคนที่สงบเยือกเย็น มันยังมีความสำคัญมั่นหมายว่าเป็นฉันๆ อยู่ แต่ว่าพอปฏิบัติไปๆ มันต้องก้าวไปถึงขั้นที่เรียกว่ารู้ทันในความยึดมั่นในตัวกูของกู แล้วก็ไม่ปล่อยให้มันเข้ามาครองใจ ถ้าเราไปถึงจุดนั้นได้ ก็เรียกว่าสามารถที่จะอยู่เหนืออำนาจของตัวกูได้ หรือถึงแม้มันจะยังครองจิตครองใจเราอยู่ เพราะว่าการที่จะละมานะอย่างสิ้นเชิง มันมีแต่พระอรหันต์เท่านั้นที่จะทำได้ แม้กระทั่งพระอนาคามีก็ยังมีมานะอยู่ เพียงแต่น้อยมากเบาบางมาก แล้วปุถุชนอย่างเรา แน่นอนก็ต้องมีเยอะ แต่ว่าถ้าเรารู้จักใช้มัน เอามันมาใช้เพื่อส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจในธรรม ใช้มานะเพื่อละมานะ ใช้อัตตาเพื่อละอัตตา มันทำได้นะ เช่นเดียวกับการใช้ตัณหาเพื่อละตัณหา อันนี้เป็นเรื่องของอุบายนะ ซึ่งเราต้องมี แต่เป็นอุบายที่ไม่ใช่กโลบายนะ แต่เป็นอุบายโกศล คือการรู้จักใช้อุบายเพื่อที่เอาชนะกิเลส ขณะที่มันยังมีอยู่ในใจเรา ยังกำจัดมันไม่หมด ก็ต้องรู้จักใช้มัน อย่าให้มันใช้เรา ด้วยวิธีนี้แหละจึงเจริญก้าวหน้าในทางธรรมได้
Wed, 14 Sep 2022 - 27min - 577 - 25650829am-อย่าให้ความทุกข์บงการใจ
29 ส.ค. 65 - อย่าให้ความทุกข์บงการใจ : และด้วยความที่เราไม่รู้ตัว ก็เลยยอมทำตามอำนาจของมัน และไม่ใช่แค่ทำตามอำนาจของมันนะ ยังพยายามปกป้องมันด้วย เราพยายามปกป้องความโกรธ เวลามีความโกรธ เราจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องอารมณ์โกรธในใจ หาเหตุผลมามากมายว่าสมควรโกรธ หรือบางทีมีคนจะมาเพราะหวังดี เขาก็มาแนะนำให้เราให้อภัย อย่าไปโกรธเขาเลย ปรากฏว่าเราก็ต่อว่าเขา ที่จริงที่เราทำอย่างนั้นเพราะเราอยู่ในการบงการของความโกรธ ความโกรธมันรู้ว่า ถ้าเราให้อภัย มันก็จะห่อเหี่ยว เหี่ยวแห้งตายไป เพราะคนเราพอให้อภัยเมื่อไหร่ ความโกรธก็ทุเลาเบาบาง แต่ความโกรธไม่ยอม มันก็สั่งให้เราด่าคนที่มาแนะนำให้เราให้อภัย ทั้งที่บางทีคนนั้นก็เป็นคนที่เรารัก บางทีก็เป็นลูก บางทีก็เป็นพ่อแม่ บางทีก็เป็นเพื่อน
Wed, 14 Sep 2022 - 28min - 576 - 25650828pm--รักความจริงด้วยใจปล่อยวาง
28 ส.ค. 65 - รักความจริงด้วยใจปล่อยวาง : ถ้ารักความจริงมันไม่ปฏิเสธความโกรธ ไม่ปฏิเสธความเครียด ไม่ปฏิเสธความหงุดหงิด เพราะว่ามันสามารถจะแสดงสัจธรรมให้กับเรา หรือสอนความจริงให้กับเราได้ ถ้ารักความสงบก็เป็นแค่สมถะ เรียกว่าสมถยานิก แต่ถ้าหากว่ารักความจริงนะ โอ กลายเป็นวิปัสสนิกเลยนะ ก็คือเป็นผู้ที่ใฝ่ในการทำวิปัสสนา เราต้องถามตัวเองนะว่า เราปฏิบัติธรรมนี่อะไรเกิดขึ้นกับเรา หรือเราแค่รักความสงบ ซึ่งก็ดีนะแต่ว่ามันควรจะไปมากกว่านั้น ก็คือรักความจริง ถ้าเรารักความจริงนี่ การปฏิบัติของเรามันจะเป็นวิปัสสนา มันจะไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ว่าอารมณ์อะไรเกิดขึ้นไม่ว่ารูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสใดๆ ปรากฏ มากระทบ เราก็จะยอมรับ ไม่ผลักไส เพราะว่ามันสะท้อนหรือมันแสดงความจริงให้เราเห็น ทั้งความจริงเกี่ยวกับรูป นาม เกี่ยวกับกาย ใจ และความจริงเกี่ยวกับสังขาร ซึ่งสุดท้ายก็หนีไม่พ้นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
Fri, 09 Sep 2022 - 25min - 575 - 25650827pm--สงบสยบทุกข์
27 ส.ค. 65 - สงบสยบทุกข์ : แต่ถ้าเรามีสติพอ สติจะช่วยให้เราสามารถที่จะนิ่ง แล้วก็ดูอารมณ์เหล่านั้น เกิดอาการที่เรียกว่าเห็นไม่เข้าไปเป็น หรือว่ารู้ซื่อๆ แล้วต่อไปพอเรานิ่งกับอารมณ์เหล่านี้ได้ หรือว่ายอมให้มันเกิดขึ้น ไม่ไปสู้รบตบมือกับมัน ต่อไปมันไม่ใช่แค่อารมณ์ภายในที่เรานิ่งได้นะ สิ่งที่มากระทบเราจากภายนอกไม่ว่าจะเป็นรูปเมื่อกระทบตา เสียงมากระทบหู เราก็นิ่งได้ เสียงดังเราก็นิ่งได้ ไม่ปั่นป่วน ไม่คิดที่จะไปต่อล้อต่อเถียงกับสิ่งที่มากระทบ เห็นคนทำอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง บางทีเรากำลังพูดคุย กำลังบรรยาย มีคนพูดคุยกัน มีคนเล่นโทรศัพท์ เราก็นิ่งได้ ไม่เกิดความขุ่นมัว ไม่เกิดความหงุดหงิด ก็รู้ว่าเขาทำไม่ดี ทำไม่ถูกต้อง แต่ว่าเราก็นิ่งได้ ไม่หัวเสีย ไม่หงุดหงิดไปกับสิ่งที่เห็นหรือว่าสิ่งที่ได้ยิน รวมทั้งเหตุการณ์ต่างๆด้วย เหตุการณ์ต่างๆที่มันไม่เป็นไปดั่งใจ รถติดบ้างแหละ หรือว่ามีคนทำไม่ถูกใจทำไม่ถูกต้อง เราก็นิ่งได้ แล้วก็สามารถที่จะหาทางออกหรือว่าวิธีการที่จะเกี่ยวข้องกับเขาได้อย่างถูกต้อง หรือว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นมา เกิดไฟไหม้หรือว่าเกิดอุบัติเหตุ ต่อไปก็จะนิ่งได้เหมือนกัน เพื่อให้สติเพื่อให้ปัญญาได้เข้ามาทำงาน ว่าจะหาทางออกอย่างไรที่ดีที่สุด เพราะถ้าเกิดว่าโวยวายตีโพยตีพายขึ้นมา ปัญญาก็ไม่ทำงาน แล้วก็บางทีแทนที่จะแก้ปัญหา ก็กลายเป็นทำให้ปัญหาหนักขึ้น เพราะฉะนั้นความนิ่ง มันสำคัญมาก มันสามารถที่จะสยบความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจ หรือว่าความทุกข์ที่มันสืบเนื่องจากเหตุการณ์ภายนอกที่มากระทบเราก็ได้
Fri, 09 Sep 2022 - 27min
Podcasts ähnlich wie Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)
พี่อ้อยพี่ฉอด พอดแคสต์ CHANGE2561
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม dhamma.com
ฟังธรรมะก่อนนอน ใครชอบนอนฟังธรรมะแล้วหลับ จ Dhamma Lover
ลงทุนแมน longtunman
พระเจอผี Prajerpee
เคาะข่าวค่ำ radio tonews
SONDHI TALK sondhitalk
อ่านแล้วอ่านเล่า Ta Thananon Domthong
TED Talks Daily TED
คุยให้คิด Thai PBS Podcast
พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) Thammapedia.com
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร Thammapedia.com
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย Thammapedia.com
The Secret Sauce THE STANDARD
THE STANDARD Podcast THE STANDARD
คำนี้ดี THE STANDARD
อึ้ง เสียว ผี USPchannel
ข่าวสดสายตรงจากวีโอเอ ภาคภาษาไทย 6:30 – 7:00 น. - วอย VOA
VOA Learning English Podcast - VOA Learning English VOA Learning English
ไปป์เล่าเรื่องผี ไปป์เล่าเรื่องผี
พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ
พุทธวจน พุทธวจน
การเมืองเรื่องใกล้ตัว (Politics is all around) ส.ส.เท้ง & ส.ส.เติ้ล พรรคก้าวไกล