Nach Genre filtern

1 สมการชีวิต

1 สมการชีวิต

ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana

นำ "โจทย์" จากชีวิตจริงมาวิเคราะห์แจกแจง, เปิดประเด็นปัญหา ขุดคุ้ยคำตอบที่ซ่อนอยู่ แล้วปรับสมดุลย์ด้วยสัจจะธรรม เพื่อให้เห็นเส้นทางดำเนินต่อไปในชีวิต ในช่วง "สมการชีวิต". New Episode ทุกวันจันทร์ เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

283 - เข้าใจสุขทุกข์ด้วยพยับแดด [6713-1u]
0:00 / 0:00
1x
  • 283 - เข้าใจสุขทุกข์ด้วยพยับแดด [6713-1u]

    ช่วงไต่ตามทาง:

    - การมองโลกในแง่ดีในทางพระพุทธศาสนา คือ การไม่คิดไปในทางที่เป็นอกุศล ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ประมาท ไม่เผลอเพลิน มีความระมัดระวังอย่างสูงไม่ให้อกุศลธรรมเกิดขึ้นในใจ

    - คุณปฐวี เมื่อได้ฟังธรรมะแล้ว พอเจอเรื่องร้าย ก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไร ปัญหาที่เคยรู้สึกว่าหนัก ก็กลายเป็นง่ายขึ้น เบาขึ้น มีแสงสว่างเกิดขึ้นในจิตใจ มีความร่าเริงแจ่มใสขึ้น เพราะสติที่ตั้งขึ้นไว้ได้ ทำให้จิตไม่ได้ไหลไปตามอารมณ์ความรู้สึกจิตใจตั้งมั่นอยู่ได้อย่างดี


    ช่วงปรับตัวแปรแก้สมการ:

    - เมื่อเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าแล้ว อย่าเอาแต่รักสุขเกลียดทุกข์ แต่ต้องเข้าใจสุขทุกข์ ผ่านปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “พยับแดด” พยับแดด ไม่ใช่ “ของจริง” แค่ “ดูเหมือนว่าจริง” คือ แม้เราจะเห็นแต่ไกลว่าข้างหน้าเหมือนมีน้ำอยู่บนถนน แต่เมื่อขับรถไปถึงจุดนั้นแล้วกลับไม่มีน้ำ มันไม่ใช่ของจริง การปรุงแต่งมองเห็นพยับแดดว่าเป็นสิ่งที่มีตัวตนนั้น เปรียบเหมือนกับทุกข์ที่เราปรุงแต่งไปก่อนหน้า ซึ่งเป็นทุกข์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ ณ วินาทีนั้นแล้ว ทำให้ทุกข์ไม่ได้ลดลงและสุขไม่ได้มากขึ้น

    - เราจะมาหาของจริง ในสิ่งที่ไม่ใช่ของจริงจะไปเจอได้อย่างไร ในพยับแดดมีแต่แสงแต่ไม่มีตัวตน “เราจะไปหาสุข ในสิ่งที่เป็นความทุกข์ ก็จะหาไม่เจอ เปรียบเหมือนกับการไปหาน้ำในตัวพยับแดด เราจะไม่เจอน้ำ สิ่งที่เจอจะมีเพียงความว่างเปล่าจากความเป็นตัวตน”

    - ผู้ที่เข้าใจเรื่องพยับแดด จะไม่ไปตามหาสุขในสิ่งที่เป็นทุกข์ อย่าไปคาดหวังจากพยับแดดที่จริง ๆ แล้ว มันไม่มีอะไร ก็จะไม่ทุกข์ นั่นคือ “การยอมรับ” พระพุทธเจ้าใช้คำว่า “ปริญญา” คือ ความรอบรู้เรื่องทุกข์

    - เมื่อเข้าใจทุกข์ ก็จะไม่ทุกข์ จะได้ “ความสุขที่เหนือกว่าสุขเวทนา” คือ สุขที่เหนือกว่ากามสุข เป็นสุขที่เกิดจากความรู้ยิ่ง รู้พร้อม เย็น คือ นิพพาน เป็นความสุขที่เกิดจากปัญญาที่เหนือกว่าสุขเวทนาทั่วไป เป็นเวทนาที่ละเอียดลงไป พ้นจากทุกข์ที่เกิดจากตัณหา

    - ผู้ป่วยที่เกิดทุกขเวทนา ความเจ็บปวดนั้นก็เหมือนพยับแดด ไม่สามารถที่จะเป็นตัวตน ไม่สามารถทำให้จิตใจหวั่นไหวได้ แม้แต่ความตายก็ไม่ใช่การสิ้นสุดจริง ๆ เพราะตายแล้วก็มีการเกิดใหม่ ไม่ว่าจะวิ่งหนีพยับแดด (ความเจ็บป่วย) หรือวิ่งเข้าหาพยับแดด (สิ่งปรุงแต่ง) ก็คืออันเดียวกัน อยู่ที่ว่ามองจากมุมไหนเพราะมันคือสิ่งที่ไม่มีตัวตน มีความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นธรรมดา

    - บทสรุป: ปรากฏการณ์พยัพแดด มีอยู่ทุกขณะในชีวิตของเรา เป็นสิ่งที่คนรักสุข เกลียดทุกข์ ต้องเข้าใจ จะทำให้มีสุขที่เหนือกว่าสุขเวทนา พ้นจากความทุกข์ที่เกิดจากตัณหา ได้ความสุขที่เกิดจากปัญญาอย่างแน่นอน



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sun, 24 Mar 2024 - 57min
  • 282 - ธรรมะกับการระงับความเครียด [6712-1u]

    Q1: การฟังธรรมช่วยจัดการความเครียด จริงหรือไม่

    A: เมื่อเกิดความเครียดขึ้น การฟังธรรมย่อมดีกว่าการหาความสุขทางกามแน่นอน แต่ต้องฟังให้ถูก

    - วิธีฟังธรรมเพื่อคลายความเครียด

    1. ต้องมีศรัทธา โดยเริ่มจากเลือกหมวดธรรมะที่เราพอใจ มีศรัทธาที่จะฟังก่อน

    2. ขณะฟังธรรม อย่าเพ่งโทษติเตียน ให้มีจิตนอบน้อมในการฟังธรรม

    - การฟังธรรมช่วยให้คลายเครียดได้ เนื่องจากเสียงเป็นเครื่องล่อให้จิตสงบได้ ทุกเสียงที่ได้รับฟังจะมีอารมณ์ติดมาด้วยเสมอ ให้เลือกฟังแต่สิ่งที่ดีดี จิตเราน้อมไปทางไหน สิ่งนั้นจะมีกำลังเสมอ ถ้าฟังธรรม จิตก็จะมีกำลัง สติปัญญาก็จะเกิดขึ้น ความเครียดก็จะระงับไปเอง


    Q2: วิธีรวมสมาธิให้ได้เร็ว

    A: ต้องมีสัมมาสติก่อนจึงจะมีสัมมาสมาธิ โดยสัมมาสติเกิดจากการปรารภความเพียร มีศีล มีสัมมาวาจา ทั้งนี้ ต้องมีศีลที่เป็นไปเพื่อสมาธิ ได้แก่ การรู้ประมาณเพื่อการบริโภค การนอนยามเดียว ไม่นอนกลางวัน การสำรวมอินทรีย์ การอยู่หลีกเร้น การสันโดษในบริขารแห่งชีวิต การอยู่ง่าย กินง่าย การรับฟังคำตักเตือนด้วยความเคารพหนักแน่น เป็นต้น สิ่งแวดล้อม สถานที่ คนรอบตัว สิ่งของที่ใช้ การกระทำอื่น ๆ ก็มีผลต่อการนั่งสมาธิ สำหรับพระอาจารย์จะใช้วิธีแผ่เมตตาด้วย สมาธิเป็นทักษะ สามารถฝึกได้ ยิ่งฝึก ยิ่งได้ ให้ใส่ความเพียร การพัฒนาลงไป


    Q3: การบังเอิญเจอคนหนึ่งบ่อย ๆ เคยทำบุญร่วมกันมา ใช่หรือไม่

    A: อาจเป็นเหตุบังเอิญหรือเกิดจากกรรมเก่าก็ได้ ถ้าคิดว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นกับเราด้วยเหตุแห่งกรรมเก่าทั้งหมด ความคิดนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ คนที่จะรู้อย่างรอบคอบว่าเกิดจากกรรมเก่าหรือไม่ต้องมีความสามารถระดับพระพุทธเจ้า แต่ไม่มีประโยชน์ที่จะรู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือกรรมเก่า แต่ให้สนใจ และเข้าใจว่า สิ่งนี้คือผัสสะ ผัสสะเป็นของไม่เที่ยง ถ้ามีผัสสะก็จะมีเวทนา ถ้ามีเวทนาก็จะมีความทุกข์ ถ้ามีความทุกข์ก็ต้องแก้ทุกข์ ตรงนี้จึงจะเป็นสัมมาทิฏฐิ


    Q4: คนไม่ถูกกันในที่ทำงาน เป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือไม่

    A: ในสังสารวัฏนี้ ทุกคนเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันหมด พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า “อย่าเห็นแก่สั้น อย่าเห็นแก่ยาว เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร แต่ระงับด้วยการไม่จองเวร” คือ อย่าแตกร้าวจากมิตรให้เร็วนัก ต้องให้อภัย มีเมตตา ไม่ผูกเวร เมื่อเจอคนไม่ถูกกันในที่ทำงาน เราต้องรักษาตัวเอง โดยตอบโต้ด้วยความอดทน ไม่เบียดเบียน มีเมตตาจิต รักใคร่เอ็นดู การแผ่เมตตาก็ช่วยได้ แก้ความโกรธด้วยเมตตา แก้การผูกเวรด้วยการให้อภัย เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร ก็จะดีขึ้นมา

    - วิธีแผ่เมตตา เริ่มจากให้จิตเป็นสมาธิ แล้วตั้งจิตไว้ด้วยกับเมตตาเหมือนมารดาที่มีต่อบุตร แล้วกำหนดบุคคลนั้นเข้ามาในจิต แล้วแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยมีบุคคลนั้นเป็นอารมณ์


    Q5: บุญที่นอกเหนือจากการบวช

    A: ฆราวาสสามารถบวชนอกเครื่องแบบได้ การบวช คือ การประพฤติพรหมจรรย์ รักษาศีล 8 เป็นอย่างน้อย บุญไม่ได้เกิดจากการบวชเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการให้ทาน รักษาศีล ภาวนา ด้วย


    Q6: การแต่งกายมีผลต่อบุญในการใส่บาตรหรือไม่

    A: คนที่มีศรัทธามากจะมีความประณีตออกมาให้เห็นจากอาหารที่ใส่บาตร การแต่งกาย ซึ่งเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล


    Q7: การสวดมนต์ทำให้ชีวิตดีขึ้น จริงหรือไม่

    A: ถ้าสวดมนต์แล้วจิตเป็นอารมณ์อันเดียว จิตเป็นสมาธิ ไม่หวั่นไหวขึ้นลงไปตามสิ่งต่างๆ เจอผัสสะใดๆ แล้วยังรักษาจิตให้ดีอยู่ได้ อันนี้ชีวิตดีขึ้นแน่นอน ไม่ใช่สวดมนต์ด้วยความงมงาย ให้รักษาการกระทำทางกาย วาจา ใจ ของเราให้ดีตลอด แล้วชีวิตก็จะดีขึ้นแน่นอน



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sun, 17 Mar 2024 - 55min
  • 281 - ชนะความไม่พอใจในงานด้วยธรรมะ [6711-1u]

    การทำงานมักมีปัญหาอยู่เป็นประจำ เวลามีคนโกรธหรือไม่พอใจเรา หากเราตอบโต้กลับด้วยความโกรธความไม่พอใจกลับไป เรื่องราวก็จะยิ่งขยายผล หากเป็นผู้ปฏิบัติธรรม จะชนะความโกรธได้ ด้วยการไม่โกรธตอบ จะเอาชนะความอิจฉาริษยาได้ ด้วยเมตตามุทิตา จะเอาชนะความตระหนี่ได้ ด้วยการให้ จะเอาชนะความเพ่งเล็งหาโทษใส่ความได้ ด้วยความสัตย์ความจริง (ความจริงใจ โอบอ้อมอารี)

    เมื่อรู้ว่าตัวเองโกรธ แสดงว่ามีสติแน่ แต่ยังตัดไม่ได้ เพราะสติยังมีกำลังอ่อน ปัญญายังมีกำลังน้อย ก็ต้องเพิ่มสติเข้าไป ด้วยการฟังเทศน์ฟังธรรม สวดมนต์ นั่งสมาธิ แล้วตั้งใจใหม่ ตั้งปณิธานในวันใหม่ว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไร จะยิ้มสู้ จะไม่โกรธ จะแผ่เมตตาให้ทุกคนที่พูดด้วย ทุกที่ที่เดินไป ทุกสถานการณ์ที่ผ่านมา รวมถึงแผ่เมตตาให้ตนเองด้วย”

    วิธีตอบโต้ความไม่พอใจในที่ทำงาน 4 อย่าง ได้แก่ เมตตาจิต รักใคร่เอ็นดู ไม่เบียดเบียน และความอดทน ปัญญาก็จะเกิด เมื่อมีสติปัญญาเกิด ก็จะตัดความไม่พอใจ (โทสะ) ได้

    ถ้าเราสามารถละความโกรธ ความไม่พอใจในที่ทำงานได้ ไปที่ไหนเราก็จะสบายใจแน่นอน

    อย่าไปคิดว่างานมันยาก งานมันหนัก งานมันเหนื่อย แต่ความยาก ความหนัก ความเหนื่อย นี่แหละ มีค่า มีความหมาย มีคุณธรรมที่เราใส่ลงไป หากเราใส่คุณธรรมต่าง ๆ ลงไป ก็จะสามารถเอาชนะได้ เมื่อเราเอาชนะความโกรธความไม่พอใจในที่ทำงานได้ จิตใจเราก็จะเบา

    “ฆราวาสธรรม 4 ประการ”

    พระพุทธเจ้าเทศน์สอนอาฬวกยักษ์

    1. สัจจะ (ความจริง) = ให้เป็นคนดีจริง ๆ มีความจริงใจ ซื่อตรง ซื่อสัตย์ ไม่เป็นคนหลอกลวงหรือหน้าไหว้หลังหลอก ผลที่ได้รับ คือ ความเคารพจากผู้อื่น ความจริงใจจากผู้อื่น

    2. ทมะ (การข่มบังคับใจ) = การฝึกฝนตน ปรับจิตใจตน แก้ไขนิสัยตน ให้มีลักษณะที่ดีขึ้นมา ด้วยสติปัญญา ผลที่ได้รับ คือ ไม่มีเวรกับใคร ยับยั้งตนไม่ให้ทำชั่วทำผิดได้ การงานออกมาดี

    3. ขันติ (ความอดทน) = ความอดทน ขยันหมั่นเพียร พยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ ทำจริง แน่วแน่จริง ไม่เพลินไปกับสิ่งมาล่อลวง ผลที่ได้รับ คือ การงานสำเร็จ เป็นหลักให้กับผู้อื่นได้

    4. จาคะ (การสละออก) = การให้ การบริจาค เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น แสดงถึงการไม่ผูกเวร ผลที่ได้รับ คือ ฝึกจิตให้ละความตระหนี่ เป็นการละกิเลส

    ฆราวาสธรรม 4 ประการ นอกจากทำให้ปัจจุบันอยู่เป็นสุข ไม่ผูกเวรกับใคร ฝึกฝนตน รักษาทรัพย์ได้ มีมิตร มีบริวาร แล้ว ยังทำตนให้มีความสุขในโลกหน้าได้อีกด้วย



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sun, 10 Mar 2024 - 1h 00min
  • 280 - วิธีกำจัดความเคยชิน [6710-1u]

    Q1: ฝากเงินไปทำบุญ ผู้ฝากได้บุญหรือไม่?

    A: ได้ กรณีพระเจ้าปายาสิทำทานเป็นประจำ โดยสั่งลูกน้องให้ไปทำแทน แต่พระเจ้าปายาสิตั้งจิตไม่ถูก ในขณะที่ลูกน้องตั้งจิตอธิษฐานถูกต้องว่า “ใคร มีสิ่งใดต้องการ ก็ขอจงมารับสิ่งนี้ไปให้เกิดประโยชน์แก่บุคคลนั้น” เมื่อตายไป ลูกน้องได้ไปสวรรค์ในชั้นที่สูงกว่าพระเจ้าปายาสิ


    วิธีตั้งจิตอธิษฐานเมื่อทำทาน ต้องเป็นการสละออกแบบไม่ได้ต้องการอะไรกลับมา ไม่อ้อนวอนขอร้อง เวลาให้ทานโดยไม่หวังอะไรตอบแทนจะได้บุญมากที่สุด และเมื่อบุญเกิด เราก็จะตั้งจิตอธิษฐานได้ การตั้งจิตอธิษฐาน หมายถึง การตั้งใจมั่นอย่างแรงกล้าในการที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ตั้งใจมั่นว่าจะคิดดี ทำดี พูดดี เพื่อเป็นเหตุให้สำเร็จอะไรก็ตามขึ้นมา (อธิษฐานสร้างเหตุนั่นเอง) ผู้ฝากทำบุญสามารถตั้งจิตอธิษฐานได้เองโดยไม่ต้องฝากใคร


    Q2: ธรรมะที่ช่วยให้นึกถึงเรื่องดี มากกว่าเรื่องไม่ดี

    A: ความเคยชินของจิต (อนุสัย) มักจะนึกถึงเรื่องไม่ดีที่ผ่านมาแล้ว เมื่อคิดตริตรึกไปในทางไหน จิตจะน้อมไปทางนั้น จิตน้อมไปทางไหน สิ่งนั้นจะมีพลังขึ้นมา และจะมีอารมณ์ติดมากับความคิดนั้นเสมอ เช่น เมื่อนึกถึงตอนที่ถูกคนต่อว่า อารมณ์ความขัดเคือง ความไม่พอใจ (ปฏิฆะ) ก็จะติดมาด้วย หากไปตรงกับความเคยชินที่เคยถูกต่อว่ามาก่อน ก็จะเหมือนถูกกรีดซ้ำรอยเดิม (ปฏิฆานุสัย) วิธีที่จะกำจัดความเคยชินต้องตั้งสติขึ้น บังคับให้มันอย่าไปในร่องเดิม บังคับให้ไปทางอื่น ก็จะเป็นการลบรอยเก่า กำจัดแพทเทินเดิม เอาความเคยชินออกไป ต้องหยุดด้วยการตั้งสติ มีเมตตากรุณา ไปทางมรรค 8 คือ ให้ตั้งจิตไว้ด้วยกับเมตตา เหมือนแม่รักลูก และเอาเหตุการณ์นั้นขึ้นมา แผ่เมตตาที่เรามีไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายผ่านเหตุการณ์นั้น อารมณ์ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นมันจะเบาบางลงด้วยความเมตตา อารมณ์ความเคยชินแบบเก่าก็จะลดลง ต้องทำซ้ำบ่อยๆ ให้เกิดความเคยชินแบบใหม่ขึ้น


    Q3: เหตุใดคนถึงสนใจธรรมะน้อยลง

    A: บุคคลไม่เห็นทุกข์ก็จะไม่เห็นธรรม ทุกข์มี 2 อย่าง คือ ทุกข์ที่ทนได้ง่ายเห็นได้ยาก (สุขเวทนา) ทุกข์ที่ทนได้ยากเห็นได้ง่าย (ทุกขเวทนา) ผลของความทุกข์มี 2 ทาง ทางแรก คือ ร่ำไห้ คร่ำครวญ ทุบอกชกตัวถึงความเป็นผู้งุนงงพร่ำเพ้อ ทางสอง คือ แสวงหาทางออกว่าใครหนอ จะรู้ทางออกของความทุกข์นี้ สักหนึ่งหรือสองวิธี ซึ่งทางนั้นจะต้องมีองค์ประกอบ 8 อย่าง ตามทางที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ จึงจะเป็นทางออกของปัญหาที่ถูกต้องได้ วิธีที่จะทำให้คนมาสนใจธรรมะได้ คือ ต้องให้ปัญญา


    Q4: ผู้หญิงสนใจธรรมะมากกว่าผู้ชาย

    A: ความเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงไม่ได้มีผลต่อการเห็นธรรมะง่ายหรือยาก มีสิทธิเข้าถึงธรรมะได้เท่ากัน


    Q5: การฟังเพลง เล่นดนตรี เป็นตัวขัดขวางความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมหรือไม่?

    A: การดูการละเล่นที่เป็นข้าศึกต่อกุศลธรรมหรือสิ่งที่ทำให้เกิดความกำหนัด ยินดี ลุ่มหลง เพลิดเพลิน สิ่งนั้นเป็นอกุศล ทำให้จิตมีความเพลินไป ก็จะผิดศีล 8 แต่ไม่ผิดศีล 5 เพลงขับที่พูดเรื่องธรรมะ โลกุตรธรรม ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นสัมมาวาจา ไม่เป็นข้าศึกต่อกุศลธรรม 


    Q6: ความสุขในโลกนี้ไม่มี มีแต่ความทุกข์มากหรือทุกข์น้อย

    A: ความสุขที่เกษมในโลกนี้ไม่มี สุขเวทนา คือ ความทุกข์ที่ทนได้ง่ายเห็นได้ยาก ทุกขเวทนา คือ ความทุกข์ที่ทนได้ยากเห็นได้ง่าย ที่เห็นว่าในโลกนี้มีแต่กองทุกข์ นั้น ถูกต้องแล้ว เราควรหาความสุขที่เกิดจากความสงบภายในตามทางมรรค 8 เป็นสุขที่อยู่เหนือกว่าสุขเวทนาและทุกขเวทนา 


    Q7: มีบุตรยาก เกิดจากกรรมเก่าหรือไม่?

    A: อาจเกิดจากกรรมเก่า เช่น โพธิราชกุมาร ในอดีตชาติเคยกินไข่นก ลูกนก แม่นก เพื่อเลี้ยงชีวิตเป็นประจำ หรือเกิดจากเหตุปัจจุบัน เช่น ยา อาหาร สุขภาพ สารพิษ ก็ให้ทำความดีตามมรรค 8 ไปเรื่อย ๆ ความสุขหรือความทุกข์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีลูกหรือไม่มีลูก



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sun, 03 Mar 2024 - 54min
  • 279 - ความสมดุลระหว่างทางโลกกับทางธรรม [6709-1u]

    เรื่องของนางกาณา ในสมัยพุทธกาล เป็นสตรีที่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก แต่ไปแต่งงานไม่ทันเพราะใส่บาตรพระ ทำให้เจ้าบ่าวไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่นแทนเพื่อให้ทันฤกษ์ยาม นางกาณาเสียใจมาก ตั้งแต่นั้นมา นางกาณาก็ด่าว่าติเตียนภิกษุ แต่ก็ยังมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอยู่ พระพุทธเจ้าจึงเสด็จมาโปรด ปรับจิตใจนางกาณาและแม่ให้ยังมีศรัทธาอยู่ ให้เข้าใจสถานการณ์ อย่าหาบาปเพิ่มให้ตนเอง ให้ดำเนินชีวิตตามทางอริยมรรคมีองค์ 8 นางกาณาและแม่ได้ฟังแล้วก็บรรลุพระโสดาบัน ได้ทรัพย์อันยิ่งใหญ่มากกว่าการได้แต่งงาน 


    ถ้าเราเจอผัสสะที่น่าพอใจหรือไม่น่าพอใจก็ตาม และเราพยายามรักษาตามมรรค 8 ไว้ได้ กิเลสก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะเราตั้งใจจะทำความดี รักษาจิตใจให้ดีเหมือนเดิม ในขณะที่โลกบีบคั้น ปัญญาก็จะเกิดขึ้นว่า โลกมันเป็นอย่างนี้ มีเกิดและดับ มีลาภ มีเสื่อมลาภ มีสุข มีทุกข์ ปัญญาจะเกิดขึ้นทันที


    ความสมดุลระหว่างทางโลกกับทางธรรม ธรรมะมีหลายระดับ เช่น ระดับนักบวช ระดับผู้ครองเรือน การครองเรือนไม่ว่ารูปแบบใดก็ตาม ถ้าอยู่ด้วยความยินดีในกามก็จะได้รับการเบียดเบียนจากกาม ถ้าในการดำเนินชีวิตของเราไม่ได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่ได้มีธรรมะสอดแทรกเอาไว้ แล้วต้องเผชิญกับกาม จิตใจก็จะมีความวุ่นวาย มีความทุกข์ระทม


    ความเข้าใจที่ถูกต้องคือ สุขทุกข์ถ้ามีเหตุให้เกิดมันก็เกิด สุขทุกข์เป็นธรรมดา มีเกิดมีดับ เป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ว่าจะได้แต่สุข ไม่เอาทุกข์ ถ้าจิตใจเราแปรปรวนด้วยผัสสะที่มากระทบให้มีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ความสงบตั้งไม่ได้ ก็จะไปตามกระแส มองไม่เห็นทาง 


    ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา เป็นฆราวาสธรรม ต้องรักษาไว้ เป็นธรรมให้อยู่ครองเรือนได้อย่างเป็นสุข ธรรมะต้องอยู่แทรกไปในทุกการกระทำ ทุกความคิดของเรา เราต้องนำสติสัมปชัญญะมาตั้งธรรมให้ได้ เริ่มจากการมีความเข้าใจที่ถูกต้อง สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายะมะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ทุกอย่างอยู่ในชีวิตประจำวันของเราได้แน่นอน ไม่ใช่ว่าต้องแยกกัน ให้เรามีธรรมะสอดแทรกเข้าไปในจิตใจของเรา เราจะสามารถรักษากาย วาจา และจิตใจ ให้อยู่ในทางโลกได้ทุกสถานการณ์ เมื่อมีธรรมะรักษาอยู่ในจิตใจแล้ว ก็จะสามารถปรับตัวแปรแก้สมการให้ได้ผลลัพธ์ออกมาตามทางที่จะมีนิพพานเป็นที่สุดจบได้แน่นอน 



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sun, 25 Feb 2024 - 57min
Weitere Folgen anzeigen

Podcasts ähnlich wie 1 สมการชีวิต